ตอนที่ 5 คนเมาเพ้อ
ท่านรองแม่ทัพ เมามายจนไม่ได้สติ พร่ำเพ้อถึงสตรีที่เขารัก รักหนา ตอนนี้นางคงกำลังจะมีความสุขไม่น้อยอยู่กับชายคนรักของนาง
นางทอดทิ้งให้เขาอกหักชอกช้ำใจอยู่เช่นนี้มานานร่วมจะสองเดือน กับการที่นางได้จากไป โดยที่ไม่เอ่ยคำล่ำลาสักคำ ขอเพียงแค่ได้พูดคุยก่อนจากกันไปก็ยังดี
เมื่อก่อนหวังอ้ายเทียนมีแต่สตรีวิ่งเข้าหาเขา แต่ตอนนี้เขาวิ่งหาสตรีเพียงคนเดียว นั่นคือนาง แต่นางกลับ มองเขาเป็นแค่....ผู้มีพระคุณ เท่านั้น
เขาไม่ต้องการเป็นแค่ผู้มีพระคุณ หากแต่อยากเป็นคนรักและชายในดวงใจของนาง
“เสี่ยวอวี้ ข้ารักเจ้า เสี่ยวอวี้ เจ้ากลับมาข้ารักเจ้า” คนเมายังพร่ำเพ้ออยู่เช่นนั้น ฟางหลินกำหมัดแน่ ข่มความไม่พอใจเอาไว้
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเสียใจ มองคนที่ถูกหิ้วกลับมาใสภาพดูไม่ได้ แถมยังมีกลิ่นสุราเหม็นจนทำให้นางแทบจะมึนหัว และวันนี้คงจะหนักกว่าทุกวันเป็นแน่ ยิ่งเห็นนางก็ยิ่งปวดใจ
อีกอย่างนางไม่มีสิทธิ์จะไปต่อว่าคนเมา เขาเมามายไม่ได้สติก็ต้องพร่ำเพ้อถึงคนรักเป็นเรื่องธรรมดา รักมาก็เจ็บมาก นางเข้าใจดี เพราะตัวของนางเองก็เจ็บไปไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขาในยามนี้
“เช่นนั้นก็ฝากเจ้าดูแลด้วยเล่า คนอกหักก็เป็นเช่นนี้ หวังว่าเจ้าคงจะไม่ถือสา” กุนซือเอ่ยขึ้น มองใบหน้างามปราศจากการแต่งทาชาดใด ๆ ดูงดงามไม่น้อย
เหตุใดสหายของเขาจึงมองไม่เห็นว่าน้องสาวคนนี้ คิดไม่ซื่อนะ หากเป็นเขาละก็ จะมองคนที่รักเราให้มา เห็นใจนางให้มาก
ยังดีเสียกว่ามอบใจให้คนที่ไม่เห็นค่า ไม่ว่าใครก็คัดค้านเสี่ยวอวี้ แต่นางมิฟังคำใครเลยทั้งนั้น หลิวชิงก็เอ่ยห้ามเช่นกัน
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะดูแลพี่ชายอย่างดี” ฟางหลินยอบกายลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนใหญ่ สิ่งที่คุณชายท่านนี้ได้เอ่ยนั้น นางมิได้ถือสาหาความ แต่ทว่านางเจ็บปวดใจเหลือเกิน
ด้านหลังร่างบอบบาง มีบ่าวรับใช้สองคนกำลังหิ้วปีกเจ้านายมาวางลงที่เตียงนอน มองเห็นคุณหนู ลู่ฟางหลิน ยกอ่างน้ำเข้ามา
“ให้ข้าน้อยจัดการให้ดีหรือไม่ขอรับ” บ่าวรับใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้น เกรงว่า ท่านแม่ทัพจะไม่พอใจเอาได้ หากตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่า ใครเป็นคนดูแล
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าไปทำหน้าที่ต่อเถิด ข้าทำได้” ฟางหลินเอ่ยขึ้น นางก็เช็ดตัวให้เขาแบบนี้เกือบจะทุกวันอยู่แล้ว
“ข้าทำเกือบจะทุกวัน พี่ชายก็ไม่เห็นจะเอ่ยต่อว่า” นางเอ่ยขึ้น พลางไม่พอใจ พวกเขามือก็หนาทำอะไรก็ไม่สะอาด เดี๋ยวพี่ชายจะนอนไม่สบายตัว ด้วยความหวังดีของนาง
บ่าวสองคนได้ออกไปตามคำสั่งของคุณหนูลู่ ที่ใคร ๆ ในจวนนี้ก็ทราบดีถึงความสำคัญของนาง นางเป็นหลานสาวญาติห่าง ๆ แต่ทว่านางสำคัญมาก
ฟางหลินมองดูคนเมา หน้าแดงก่ำ นางไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร มือเรียวของนางขาวราวกับหิมะ ดวงหน้าเรียวเล็ก คิ้วโก่งรับดวงตากลมโตดูงดงามนัก
จมูกโด่งรั้น รับกับริมฝีปากเล็กน่ารักเหลือเกิน เหตุใดนางจึงไม่อาจจะ ถอนตัว ถอนใจไปจากเขาได้ นางก็งดงามไม่น้อย บุรุษก็มาตามเกี้ยวพอสมควร
“เสี่ยวอวี้ ข้ารักเจ้า” คนเมาเพ้อขึ้นอีกครา เปลือกตาของเขายังคงปิดสนิทอยู่ มือไม้อยู่ไม่สุข ไขว่คว้าหานางในดวงใจ
ฟางหลิน ดวงตาแดงก่ำ เพราะนางกำลังเสียใจ เช็ดตัวให้เขาไปด้วย พลางได้ยินเขาเอ่ยชื่อคนรัก แม้จะเจ็บปวดอย่างไร ก็ต้องดูแลพี่ชายให้ดี
ท่านป้าก็ไม่กลับมาเสียที ใครเล่าจะดูแลได้ดีไปกว่านาง จะให้สาวใช้มาดูแลรับใช้ เกรงว่าหากพวกนางคิดไม่ซื่อ ปีนเตียงพี่ชายขึ้นมาจะทำอย่างไร ทั้งหวงทั้งห่วงบุรุษผู้ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเช่นนี้
ท่านป้าคงจะไม่พอใจเป็นแน่ สาวใช้พวกนั้นก็อาจจะถูกขายออกไป มีเพียงแค่นางที่เป็นญาติเพียงคนเดียวในจวนนี้
“เสี่ยวอวี้ อย่าจากข้าไปนะ ข้าขอร้องเจ้า” คนเมาร้องขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาลืมตาขึ้นมาก็พบกับเสี่ยวอวี้ ยอดดวงใจของเขา มองเห็นสตรีในดวงใจที่กำลังดูแลเขา
มือหนาหยาบกร้าน เพราะจับกระบี่มานาน กุมที่แก้มแดงระเรื่อของนางเอาไว้ ฟางหลินมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง ที่เห็นเงาของตนเองสะท้อนออกมา
พยายามจะดึงมือของเขาออกแต่กลับรู้สึกอยากอยู่แบบนี้อีกสักครู่ นางอยากจะจ้องตาของเขาให้นาน แต่ในดวงตาคมของเขาไม่มีนางอยู่ข้างในนั้น มีแต่เสี่ยวอวี้ ดวงใจของเขา
“เสี่ยวอวี้ ข้ารักเจ้า” ในที่สุดความคิดถึงก็ไม่อาจจะทำให้เขามีสำนึกผิดชอบชั่วดี คืนนี้เขาจัดการสตรียอดดวงใจของเขาด้วยความมึนเมา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยบอกว่าไม่ใช่ คนเมาก็ไม่รับฟัง กลับจัดการลอกคราบของนางออกจนหมดเกลี้ยง เหลือเพียงร่างงดงามที่เปลือยเปล่า
ถูกชายหูตาฝ้าฟางดวงตามืดบอดในรัก จัดการจับกดนางแนบเตียงนอน และค่ำคืนที่แสนหวานของท่านรองหวังอ้ายเทียนก็ดูเหมือนจะมีความสุขไม่น้อย
คนใต้ร่างร้องไห้เสียใจ จนดวงตาแดงก่ำ ดีที่ว่าเขายอมปล่อยนางเมื่อใกล้รุ่งสาง นางจึงได้จัดการหอบร่างกายที่บอบช้ำกลับไปยังห้องนอนของตนเอง
เสื้อผ้าของนางได้จัดเก็บเอาไว้เรียบร้อย รอเพียงแค่นางตัดใจได้จะเอ่ยบอกแก่เขา ในตอนนี้นางมิกล้าจะโผล่หน้าออกไปเสียด้วยซ้ำ
เขามึนเมาขนาดนั้น ข่มเหงนางครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เอ่ยชื่อสตรีที่เขารักหนักหนา นางเจ็บทั้งกายและใจ ถึงนางจะดิ้นหนีเท่าไหร่ ก็ไม่พ้นเงื้อมมือเขาอยู่ดี
ฝ่ายผู้กระทำสตรีเมื่อคืนก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้า ร่างกายกำยำมีแต่มัดกล้าม ไม่มีอาภรณ์สักชิ้นปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่า เขาลุกขึ้นด้วยความงัวเงียปนง่วงงุน
พลางนึกถึงความฝันที่ได้ครอบครองนางในดวงใจ กลับรู้สึกดีขึ้นมา เมื่อมองดูที่เตียงนอน สภาพ ราวกับผ่านศึกรักมาอย่างโชคโชน ผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดนั้น
มองเห็นรอยคราบสีแดงเป็นจุดอยู่บนเตียงกว้างขวางของเขา พลางนึกสงสัยอยู่ไม่น้อย เมื่อคืนเขาทำอันใดลงไปกันแน่ แต่ทว่าเขากลับเมินความคิดนั้น คิดว่าสาวใช้คงจะซักไม่สะอาดกระมังถึงได้มีคราบอยู่เช่นนี้
หากแต่วันนี้ที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอารมณ์ดี ในรอบเดือนกว่า เกือบจะสองเดือน สีหน้าของเขาเบิกบานไม่น้อย เมื่ออาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว จึงไปที่ห้องโถงกลางเพื่อรับอาหารเช้าในวันใหม่
แต่กลับแปลกใจเมื่อไม่เจอน้องสาว ที่มักจะมานั่งคอย หรือไม่ก็ไปเคาะห้องเรียกเขาเหมือนเช่นดั่งครั้งที่ผ่านมา
สองเท้าหนาแกร่ง เดินกลับเข้าไปในเรือน หยุดหน้าห้องของนาง พลางถอนหายใจไปหลายเฮือก เขาทำตัวให้นางเป็นห่วงแบบนี้เสมอ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนนางเห็นเขาสภาพเหมือนสุนัขหรือไม่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“หลินเอ๋อร์ เช้าแล้วเจ้าตื่นหรือยัง” พี่ชายห่วงน้องสาว เกรงว่านางจะปวดท้องหิวข้าว หากยังไม่กินข้าวเช้า
“ข้า...ข้ายังไม่หิวเจ้าค่ะ” นางนั่งกอดหมอนข้างอยู่เช่นนั้น ตั้งแต่กลับเข้ามาในห้องของตนเอง เพราะรับไม่ได้ ที่เนื้อตัวของนางมีแต่รอยรักที่เขาฝากไว้เต็มไปหมด
หากนางออกไปแล้วพูดเรื่องเมื่อคืน เขาจะรับได้หรือไม่ นางไม่กล้าเลยจริง หากนางพูดออกไปว่า ‘พี่ชาย ข้ารักท่าน” ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่
เมื่อคิดได้ นางอยากจะลองพูดให้เขาฟังสักครั้ง จึงได้ตัดสินใจหอบร่างบอบช้ำของนางค่อย ๆ ก้าวจากเตียงนอน ตรงกลางกายสาวนั้นเจ็บปวดไม่น้อย
“พี่ชาย ข้า...” นางยืนอยู่ที่ประตูด้านในห้อง มิได้เปิดมันออกไป มือเรียวของนางกำลังจะเปิดออกไป เพื่อเตรียมคำพูดที่ตั้งใจ จะพูดกับเขา เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็เปิดออกไปข้างนอก
กลับไม่พบคนที่นางอยากพบ พบเพียงพ่อบ้านนำข้าวต้มร้อน ๆ มาให้ นี่นางก้าวช้าไปหรือ
ท่านพ่อบ้าน ยืนยิ้มอยู่เช่นนั้น เขาถือถาดข้าวต้ม ดวงตากลมโตของฟางหลินมองที่ถาดข้าวในมือของพ่อบ้านความอัปยศครั้งนี้นางจะลืมมันไปและไม่คิดจะเอ่ยมันอีกเป็นครั้งที่สอง
“คุณหนูลู่ คุณชายใหญ่มีเรื่องด่วน เลยให้ข้านำข้าวต้มมาให้ขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยขึ้นกับคุณหนูลู่ฟางหลิน หลานสาวของฮูหยินใหญ่ ที่ใคร ๆ ในเรือนนี้ต้องดูแลรับใช้นางให้ดี อนาคตของนางคือฮูหยินน้อย
“เรื่องด่วนอันใดกันเจ้าคะ” ฟางหลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คือว่า แม่นางเสี่ยวอวี้ กลับมาแล้ว คุณชายใหญ่ดีใจมากเลยไปที่จวนท่านแม่ทัพ” สิ้นถ้อยคำของท่านพ่อบ้านที่เอ่ยขึ้นนั้น เหมือนสายฟ้าฟาดให้ที่กลางดวงใจของนาง มันแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
คนรักของเขากลับมาแล้ว และนางก็คงจะเป็นแค่เศษฝุ่นผงไร้ค่าไร้ตัวตน และอยู่อย่างคนนอกสายตา
