บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 คนเมา

จวนตระกูล หวัง ร่างแน่งน้อย นั่งตบยุงอยู่ที่จวนด้านใน หวังว่าพี่ชายจะกลับจวนมาเสียที นางมาพักอาศัยที่นี่ได้หนึ่งเดือนกว่า ๆ เพราะว่าท่านป้านั้น อยากมีหลานสาวคอยพูดคุย

แต่ว่านางมาได้ไม่กี่วัน ท่านป้าก็ออกจากจวนไปถือศีลที่อาราม ปล่อยให้นางอยู่เฝ้าจวนเช่นนี้ วันนี้พี่ชายอย่าง

หวังอ้ายเทียน บอกว่าจะมารับอาหารมื้อค่ำด้วยกัน นางจึงได้รอคอยให้เขากลับมา

บนโต๊ะอาหารนั่น นางจัดการลงมือทำอาหารทุกอย่างที่เขาชอบ หวังเพียงสิ่งเดียวคือ ให้เขามองนางเปลี่ยนไป ไม่ใช่ฐานะน้องสาว แต่มองในฐานะสตรีจะได้หรือไม่

นางมิได้ขอมากไป ขอเพียงแค่เปิดใจมองให้กว้างขึ้น ที่จริงแล้ว ตัวนางเองมิใช่เป็นญาติใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อสักเท่าไหร่ นางเป็นญาติห่าง ๆ ห่างมากก็ว่าได้

“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายใหญ่ยังไม่มาเจ้าค่ะ จะให้ข้าน้อยนำสำรับไปเก็บก่อนหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่านี่ก็ดึกมากแล้ว อาหารบนโต๊ะก็เย็นชืดทำให้เสียรสชาติ

“อืมก็ได้ เอาไปเก็บเถิด” ลู่ฟางหลิน ดวงตาเริ่มปรือปนง่วง งุน มือเรียยกขึ้นปิดปากของตนเองที่เผลอหาวไปหลายครั้งเมื่อสาวใช้นำสำหรับไปเก็บ

นางจึงเดินออกไปด้านหน้าของเรือนหลังใหญ่ ตรงไปยังต้นไม้ที่ตั้งเด่นตระหง่านนั่น มีชิงช้าที่พี่ชายจัดการผูกอย่างแน่นหนาเอาไว้ให้นางได้นั่งรับลม

นางยอมรับในความใจดีของอีกฝ่าย จนเผลอไผลคิดกับเขาราวกับเป็นคนรัก คอยเป็นห่วง จัดหาอาหารไว้ให้ยามเขากลับ เพื่อที่จะทำให้เขาได้กินอิ่มท้องนอนหลับให้สบายกาย

นางก็จัดการนำบรรดาเหล่าดอกไม้ทั้งหลายเก็บเอาไว้ และนำน้ำมันหอมกลิ่นอ่อน ๆ ที่เขาบอกว่าชอบนัก ยามที่ได้กลิ่นจากกายของนาง

สองเท้าหยุดอยู่หน้าชิงช้า พลางหย่อนก้นลงนั่งแล้วจับที่เชือกเอาไว้ทั้งสองข้าง ในความมืดมิดมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์สาดส่องลงมา ดวงตากลมโตทอดสายตามองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง

มองเห็นเพียงดวงดาวเล็ก ๆ เป็นประกายวาววับ แต่ผิดที่นางมีสีหน้าหม่นหมองและเศร้าใจยิ่งนักในยามนี้

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นางเผลอหลับไปบนชิงช้า ผู้เป็นญาติผู้พี่ท่านรองแม่ทัพเดินเข้ามายังเรือนใหญ่ จะต้องผ่านสนามนี้ก่อน พบเห็นเงารางเลือนของสตรีหนึ่งคนนั่งอยู่บนชิงช้านั่น

‘ง่วงก็ไม่นอน จะหลับแบบนี้ได้อย่างไร หากใครเข้ามาอุ้มเจ้าไปเล่า มิมีหัวคิดเลย’ คนเมามายเป็นห่วงน้องสาว

จัดการช้อนก้นนางอุ้มขึ้นแนบอก ก้าวเท้าอย่างมั่นคง เดินตรงไปยังเรือนใหญ่ ห้องข้าง ๆ ของเขาเป็นห้องของนาง

คนตัวเล็กหลับใหลไม่รู้เรื่องอันใดสักนิด ว่ามีใครอุ้มนางมาส่งที่ห้อง สาวใช้และบ่าวในเรือน พอค่ำดึกดื่นก็พากันกลับเข้าไปในห้องนอนของใครของมันกันเป็นที่เรียบร้อย

และจะเหลือเพียงแค่ คนที่เดินลาดตระเวนตอนดึก ๆ แค่นั้น

คนตัวโตมองน้องสาว อายุของนางก็เพิ่งจะสิบเจ็ดปี ถือว่ายังเด็กอยู่นัก เดินทางมาที่นี่ก็เพียงแค่มารดาของเขาเอ่ยปาก อยากมีหลานสาวพูดคุย

พอนางมาถึงไม่กี่วัน มารดาก็ออกไปอยู่อารามปล่อยให้หลานสาวอยู่ที่จวน ทำให้นางเหงาหงอยอยู่ในจวน เขาก็กลับมาบ้างเป็นบางวัน เพื่อดูว่านางอยู่อย่างไร

จากนั้นเขาก็มักจะคลุกตัวอยู่ที่จวนตระกูลหยาง เพื่อดูหน้าของสตรีในดวงใจ ยามนึกถึงใบหน้างามของเสี่ยวอวี้ อดที่จะเสียใจไม่ได้

เขาวางคนหลับในอ้อมกอดนั้นลงที่เตียงนอนของนาง กลิ่นกายที่หอมอ่อน ๆ ทำให้เขารู้สึกสบายใจนัก นางน่ารัก พูดน้อย และอีกอย่างนางเรียบร้อยอ่อนหวาน มากด้วย

คนตัวเล็ก เพิ่งจะรู้สึกตัวยามเมื่อนางลงนอนที่เตียงกว้าง ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ขนตาหนางอนงามขยับไหวราวกับปีกผีเสื้อที่กำลังกระพือปีก

“พี่ชาย ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ หิวหรือไม่ น้องทำอาหารไว้คอยท่าน” นางรีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียงนอน มิห่วงว่าตนจะดูไม่ดีในสายตาของเขา

ผู้เป็นพี่ชายหันหลังเดินไปจะถึงประตูห้อง ได้ยินเสียงหวานของน้องสาวก็หันกลับมา พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ขมขื่น

“ข้ากินมาแล้ว เจ้าก็นอนเสียเถิด ทีหลังดึกดื่นอย่าออกไปนั่งชิงช้าอีก หากใครมาจับตัวเจ้าไปจะทำอย่างไร” พี่ชายผู้เป็นห่วงน้องสาว

“เจ้าค่ะ น้องจะจดจำไว้ เช่นนั้นเชิญพี่ชายพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ อ้อ น้องเตรียมอ่างน้ำแล้วข้าง ๆ ก็มี น้ำมันหอมให้แล้วนะเจ้าคะ” ฟางหลินรีบเอ่ยขึ้น เกือบจะลืมไปเสียสนิท

ท้องน้อย ๆ ของนางก็ร้องโครกครากขึ้นในกลางดึก พี่ชายอย่างท่านรองจึงได้เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย แม้ว่าจะเมามายสักเท่าไหร่ สติเขายังอยู่ครบถ้วน

“เจ้ายังไม่ได้กินมื้อค่ำหรือ” หวังอ้ายเทียน เดินมาใกล้ ๆ กลิ่นสุรานั้นลอยคลุ้งทำให้คนตัวเล็กย่นจมูกบ่งบอกว่านางเหม็นนัก

พี่ชายถอยหลังให้ออกห่างจากนางเมื่อเห็นว่า เด็กน้อยของเขาย่นจมูกทำฟุตฟิต แต่ก็มิได้ต่อว่าเขาสักคำ ช่างน่ารักจริง ๆ

“เจ้าค่ะ น้องรอพี่ชายมากินมื้อค่ำด้วยกัน ก็พี่ชายบอกว่าจะมากินเป็นเพื่อนข้านี่ จะให้ข้ากินก่อนได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ” ลู่ฟางหลินเอ่ยขึ้นระบายยิ้มเล็กน้อย

สังเกตใบหน้าของพี่ชายที่ออกจะแดงเพราะคงจะมึนเมาสุราไม่น้อย แต่ทว่าดวงตาเล็กหรี่ของเขากลับดูโศกเศร้านัก

“ทีหลังไม่ต้องรอนะ กินก่อนเลย” พี่ชายที่แสนดีเอ่ยขึ้น “ไปกินข้าวเถิด ดูแล้วเสียงท้องของเจ้ามันดังนัก รบกวนหูของข้าจริง ๆ” เขาว่าอย่างไม่จริงจัง เดินนำหน้าของนางไป

ฟางหลินมองแผ่นหลังกว้างของเขา นางอยากจะเข้าไปโอบกอดสักครั้งจะได้หรือไม่ นางได้แต่แอบมองซ่อนความรู้สึกเอาไว้ มิกล้าจะพูดมันออกไป

เกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายทำตัวห่างเหินนาง เป็นแบบนี้ถึงจะปวดใจไม่น้อย แต่ก็ยังดีกว่าเขาเมินเฉยเย็นชาใส่นาง คนตัวเล็ก เดินตามแผ่นหลังผู้เป็นพี่ชาย และแยกไปยังห้องครัว

นางจัดการเข้าครัวก่อไฟใส่ถ่านอุ่นอาหารให้เขาเองกับมือของตนเอง ไม่ถึงหนึ่งก้านธูป อาหาร้อน ๆ พร้อมกับข้าวในถ้วย และน้ำแกงปลาส่งกลิ่นหอม ๆ ยั่วน้ำลายของอีกฝ่ายไม่น้อย

“พี่ชาย กินเยอะ ๆ นะเจ้าคะ มีแต่ของที่ท่านชอบทั้งนั้นเลย” รอยยิ้มเล็ก ๆ นั่นส่งไปไม่ถึงพี่ชายของนางที่นั่งฝั่งตรงข้าม

เขามองไปยังอาหารทั้งหลาย ดวงตาของเขาแดงเล็กน้อย เพราะเขานั้นมึนเมา และชอกช้ำใจ กลับมาก็ยังมีน้องสาว ที่นางเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี

“พี่ชาย อีกห้าวัน น้องจะขอตัวกลับจวนนะเจ้าคะ อยู่ที่นี่ท่านก็ไม่ค่อยกลับ แถมท่านป้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาเสียที น้องเกรงใจที่รบกวนพี่ชายแบบนี้” นางไม่อยากกลับ แต่ก็ไม่อยากจะเจ็บปวดใจ

“อืม มีแต่คนตีจากข้า นางกำลังจะไปพบคนรัก นางทอดทิ้งข้าแล้ว นางทิ้งข้าจริง ๆ” คำพูดที่แปลก ๆ ส่งมาให้น้องสาว

ฟางหลินรู้ว่าเขามีใจรักใคร่สตรีนางอื่นที่มิใช่นาง นางก็ได้แค่มอง และหวังว่าเขาจะมองนางบ้าง

คนที่เขากำลังพูดถึงนั่นคือสตรีในดวงใจ ใครก็เข้ามาแทนที่นางไม่ได้ ฟางหลินนางรู้ดีแม้จะขมขื่นสักเพียงใด แต่นางก็ยังระบายยิ้มน้อย ๆ พลางเอ่ยขึ้นกับพี่ชาย

“พี่ชาย ท่านไม่ลองขอร้องนางเล่าเจ้าคะ” แม้ว่าจะเจ็บปวดไม่น้อย ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี มิมีใจริษยาสตรีคนนั้น นางขอได้เพียงแค่ได้พูดคุย ได้มอง แม้ว่าจะไม่ได้ครอบครอง นางก็เต็มใจ

นางกำลังซ่อนน้ำตาแห่งความเจ็บปวดขมขื่นเอาไว้ หายใจติดขัด อาหารมื้อดึกมันไม่อร่อยแล้ว มันเคล้าไปด้วยความเจ็บปวดชอกช้ำใจ

“ข้า...ข้าจะลองพยายามยื้อนางเอาไว้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel