บุรุาที่นางแตะต้อง
7
บุรุษที่นางแตะต้อง
“เช่นนั้นต้องขอบคุณคุณชายมู่แล้ว” นางกล่าวจบยกจอกสุราดื่มรวดเดียวหมด มู่โม่โฉวยื่นมือไปรับจอกสุรามาจากมือสตรีตรงหน้า เทอีกจอกยื่นให้นาง
“เชิญแม่นาง วันนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าเอง”
“แต่ข้ามิได้อยากดื่มสุรา”
“แล้วเจ้าอยากทำสิ่งใด”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน หากไม่ต้องปรนนิบัติผู้ใดข้าจะอยู่ในห้องนี้ไปเพื่อสิ่งใด” ทุกวันประมูลนางต้องคอยปรนนิบัตผู้ชนะอยู่เสมอ หากไม่ต้องทำนางเองก็ไม่รู้ต้องทำสิ่งใดต่อเช่นกัน อีกอย่างมิได้รู้จักกันถึงขนาดชวนพูดคุยเรื่องราวในชีวิตได้เลย
“หากเจ้าไม่รู้เช่นนั้น ข้าเล่านิทานให้ฟังดีหรือไม่”
“รบกวนคุณชายแล้ว” ลี่อินกล่าวพร้อมกับเทสุราใส่จอกให้มู่โม่โฉว เขารับมันมาถือเอาไว้ท่าท่างครุ่นคิดไม่รู้จะเริ่มตรงไหน
“คืนหนึ่งในจวนตระกูลแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์ คฤหาสน์ทั้งหลังเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด เด็กเล็กเด็กน้อย บ่าวไพร่ รวมถึงเจ้านายต่างพากันตายท่ามกลางเปลวไฟ” อารมณ์ถูกดึงราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างเมื่อได้ยินเรื่องเล่าของมู่โม่โฮว ดวงตาสั่นไหวชั่วครู่จึงกลับยิ้มอ่อนหวานเช่นเดิม หากแสดงท่าทีใดออกไปเกรงว่าเขาจะสงสัยในตัวนาง
“ด้วยข้อหากบฎจึงถูกสั่งประหารทั้งตระกูล เหลือเพียงบุตรสาวคนโตเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ แม้ผู้สั่งประหารไม่รู้ แต่ดูเหมือนนางอยากจะแก้แค้นคืนความยุติธรรมให้ครอบครัว จึงได้หลบซ่อน ฝึกฝนจนสามารถกลับไปอยู่ในเมืองเดิมได้ ไม่มีใครรู้ว่านางเคยเป็นบุตรสาวอดีตแม่ทัพกบฎ” รอยยิ้มอ่อนหวานค่อย ๆ หายไปเหลือเพียงใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่เอ่ยคำกล่าวใดออกมา นิทานของเขาคล้ายกับรู้สิ่งใดมาและกำลังจะพูดสิ่งใดอีกอย่างไรอย่างนั้น นางตั้งใจฟังสิ่งที่เขาเล่าอย่างตั้งใจ อยากรู้เช่นกันว่าจุดจบของนิทานนี้เขาจะเล่ามันอย่างไร
“แล้วเป็นอย่างไรต่อเจ้าคะ” นอกจากต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกสิ่งใดกับเรื่องเล่า นางยังต้องแกล้งมีทีท่าสนใจเรื่องเล่านี้อีก คิดว่ามู่โม่โฉวนี้คงรู้บางสิ่งมาอย่างแน่นอนมิเช่นนั้นคงไม่เล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง
“นางปลอมตัวเป็นคณิกาเพื่อคอยสืบข่าวมากมาย ปลอมตัวเป็นหมอรักษาคนป่วยไข้ยากไร้ นอกจากปลอมตัวเก่งนางยังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวเก่ง”
“แล้วนางแก้แค้นสำเร็จหรือไม่” ลี่อินถามพลางยกจอกสุราดื่ม สีหน้านิ่งต่างจากตอนแรกมากนัก แม้ริมฝีปากบางจะยกยิ้มแต่แววตากลับขุ่นเคือง
“ข้าเองก็อยากรู้ว่านางจะทำสำเร็จหรือไม่ เจ้าคิดอย่างไรนางจะทำสำเร็จหรือไม่” มู่โม่โฉวตอบไม่เดือดร้อนใด ๆ สีหน้าไม่มีร่องรอยความกังวลหรือความสงสัยใด แต่แววตากลับจริงจังมันบอกให้นางได้ตระหนักว่าเขารู้บางสิ่งมาอย่างแน่นอน เพียงแต่นางต้องคิดให้ดีว่าเขารู้มากน้อยเพียงใด และสำคัญเขาเป็นอันตรายต่อแผนการนี้หรือไม่
“ลี่อินไม่ทราบ แต่นิทานนี้ของคุณชายไม่เห็นสนุกเลย ดื่มสุราเถอะเจ้าค่ะลี่อินจะรินสุราให้” นางบอกบุรุ๋ตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ หันไปหยิบกาสุรามารินใส่จอกยื่นให้ มู่โม่โฉวรับจอกสุราดื่มพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“สำหรับเจ้าแล้วเรื่องนี้คงไม่มีวันสนุกได้หรอกใช่หรือไม่หวงซิ่วอิง” ร่างบอบบางใช้มือยันโต๊ะตรงหน้าวาดขาข้ามไปอีกฝั่งของโต๊ะอย่างรวดเร็วข้างกายมู่โม่โฉว ฝ่ามือเรียวเล็กกำรอบคอ นิ้วโป้งกดหนัก ๆ กลางลำคอ เขาคิดว่านางคงฝึกมาไม่น้อยแต่ก็ไม่คิดจะเร็วและกล้าเพียงนี้ ใบหน้าสวยเคร่งเครียดขึ้นมาเมื่อยืนยันได้ว่าบุรุษตรงหน้ารู้ว่าแท้จริงนางคืออดีตลูกสาวกบฎผู้นั้น
“เดี๋ยวก่อน หากข้าจะบอกผู้ใดคงไม่เสียเวลามาประมูลเจ้าที่นี่หรอก ลองคิดดูเถิด หากคิดแล้วจริงดังข้ากล่าวก็ปล่อยข้า ไม่เช่นนั้นข้าหมดลมเจ้าก็กลายเป็นคนร้าย” หวงซิ่วอิงลามือจากบุรุษตรงหน้า ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับเคร่งขรึมขึ้น นางตระหนกชั่วครู่เท่านั้นมิคิดว่าบุรุษที่พบกันเพียงคราเดียวจะรู้ความลับนางเร็วเช่นนี้ นางไม่คิดจะสังหารเขาที่นี่แต่หากเขามีท่าทีเป็นภัยต่อแผนก็คงเก็บไว้ไม่ได้เช่นกัน
“ท่านรู้ว่าข้าเป็นผู้ใดและไม่คิดบอกผู้ใด ท่านมาที่นี่ทำไม” หลังถามบุรุษตรงหน้าจบ นางจึงเบนหน้าไปทางระเบียงห้องพัก พลางคิดว่าหากต้องสังหารเขาคงผิดต่อคำสอนบิดา สังหารผู้บริสุทธิ์เพียงหนึ่งนับเป็นเดนคน จะทำอย่างไรให้เขาปิดปากเรื่องนี้เอาไว้ แต่หากเขามาประมูลนางแล้วพูดเรื่องนี้เกรงว่าคงอยากได้ตัวนางเหมือนบุรุษอื่นกระมัง
“วันนั้นบนเขาข้าได้ยินเจ้าคุยกับบุรุษผู้หนึ่งจึงเดาได้ว่าเจ้ามีความลับ แอบฟังอยู่ครู่หนึ่งจับใจความได้ว่าเจ้าต้องการแก้แค้นคนผู้หนึ่ง ข้ากลับมาคิดอยู่หลายคืนจึงคิดได้ว่าเจ้าคือหวงซิ่วอิง บุตรสาวแม่ทัพใหญ่หวงฉีหมิง” ใบหน้าขาวเริ่มซีดเซียว เขารู้หมดแล้วทุกสิ่งไม่คิดเลยว่าบุรุษที่ผู้คนทั้งเมืองต่างครหาว่าไม่เอาไหน ไม่ร่ำเรียน จะแอบฟังสิ่งที่นางกับอาจารย์คุยกับเพียงน้อยนิด จึงปะติดปะต่อเรื่องได้ทั้งหมดเช่นนี้
“เช่นนั้นคุณชายมู่ต้องการสิ่งใด”
“คิดว่าข้าต้องการสิ่งใดจากเจ้า” หวงซิ่วอิงเงียบไปครู่หนึ่ง มู่โม่โฉวเองก็มิต่างจากบุรุษอื่น หากมีโอกาสเพียงหนึ่งในสี่ก็จ้องหาทางเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า แต่จะให้สังหารเขาไปนางก็ตัดใจละเลยคำสอนบิดาไม่ได้ การแก้แค้นของนางต้องไม่พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ อย่างเดียวที่เขาอยากได้คงเป็นร่างกายนาง
หญิงสาวปลดผ้าคลุมไหล่ลง หันมองบุรุษข้างกายช้า ๆ โน้มใบหน้าเข้าหาแก้มเนียนของบุตรชายตระกูลมู่ จุมพิตสันกรามเขาเบา ๆ คุณชายมู่นิ่งงันชะงักถอยด้วยความตกใจ ไม่คิดว่านางจะทำเช่นนี้ นี่นางคิดว่าเขามักมากเหมือนบุรุษผู้อื่นจึงทำเช่นนี้ใช่หรือไม่ แต่ว่ากฎของนางคือห้ามผู้ใดแตะต้องร่างกายนาง ความคิดเช่นนี้ปรากฎพร้อมกับใบหน้าขาวที่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมา
ประตูไม้ถูกเปิดออกมาพร้อมกับเสี่ยวเอ้อร์ยกกาสุราเข้ามาให้ ช่างเป็นช่วงที่ดีเสียจริง เสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้เข้ามาเห็นแม่นางลี่อินกำลังจุมพิตคุณชายมู่
“ข้าน้อยขออภัยคุณชาย” เสี่ยวเอ้อร์ผู้นั้นรีบวางกาสุราลงบนโต๊ะจากนั้นจึงวิ่งหายไป
