คงไม่พ้นเรื่องของนาง
รุ่งเช้า เมื่อเยว่ชิงตื่นขึ้น ขอบตาของนางดำคล้ำ เพราะอดนอน อาอิงที่เดินเข้ามาเตรียมน้ำล้างหน้าให้คุณหนูของนาง ถึงกับต้องอุทานออกมา
“คุณหนู ท่านนอนไม่หลับหรือเจ้าคะ” นางไม่อยากเชื่อว่าคุณหนูของนางจะนอนไม่หลับ เพราะเมื่อวานมีคนไข้จนโรงหมอปิด ทั้งยังเหนื่อยล้ากันอย่างมาก
“ไม่ ไม่มีอันใด เร่งมือเข้าเถิด ประเดี๋ยวจะไปเปิดโรงหมอสาย” นางโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ
เมื่อรับมื้อเช้าเรียบร้อย เยว่ชิงก็พาอาอิงออกไปที่โรงหมอ ด้านหน้าโรงหมอมีชาวบ้านมายืนรอกันอยู่หลายคนแล้ว นางจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นจำต้องเข้าไปที่ห้องตรวจทันที
ผ่านมาหลายวัน เว่ยอ๋องก็ยังไม่ได้มาให้เยว่ชิงได้เห็นหน้า ทั้งยามค่ำคืนเขาก็ไม่แอบมาพบนางเช่นเดิม แต่เพราะโรงหมอมีคนไข้มากทุกวัน เยว่ชิงนางจึงไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องของเขา เมื่อกลับมาถึงจวนนางก็หลับไปในทันที แม้แต่อาหารเย็นบางวันนางก็ไม่ได้กิน
เว่ยอ๋องที่หายหน้าไปหลายวัน ตอนนี้กำลังนั่งหน้าบูดอยู่ที่ห้องทรงอักษรของฮ่องเต้ เขาเข้ามาก่อกวนอยู่ในวังหลวงหลายวันแล้ว
“อาจ้าน เมื่อใดเจ้าจะกลับตำหนักของเจ้า” ฮ่องเต้มองน้องชายอย่างไม่พอใจ เขาบอกจะเข้ามาช่วยงาน แต่สิ่งที่เว่ยอ๋องทำเรียกว่าช่วยได้ที่ไหน
วันสองวันแรกที่เว่ยอ๋องเข้ามาดื่มสุราที่ตำหนักของพระองค์ ฮ่องเต้ก็ยินดีไม่น้อยที่ได้สนทนากับน้องชายเช่นเมื่อก่อนที่จะได้นั่งบัลลังก์
แต่นี่จะเข้าวันที่สิบแล้ว ที่เขายังปักหลักอยู่ที่ตำหนักของฮ่องเต้ แม้แต่พระองค์จะเสด็จไปนอนที่ตำหนักของพระสนม เว่ยอ๋องก็มิยอมไปพระองค์เสด็จไป
“เสด็จพี่ เบื่อข้าแล้วเช่นนั้นรึ” เขาเลิกคิ้วถามพี่ชาย
“ใช่” ฮ่องเต้อยากจะให้องครักษ์ลากน้องชายไปส่งที่ตำหนักของเขาใจแทบขาด
“หึ ข้าไม่กลับ” เขากระดกสุราเข้าไปอีกสองจอกติดๆ กัน
“จะพูดได้หรือยัง ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น จนทำให้เจ้ามีสภาพเช่นนี้”
“...” เว่ยอ๋องยังคงเงียบเช่นเดิมเมื่อถูกถามเรื่องที่ทำให้เขาต้องมาหลบอยู่ที่วังหลวง
“คงไม่พ้นเรื่องของคุณหนูหลิว หากเจ้าต้องการแต่งนางเข้าตำหนัก ให้เจิ้นออกพระราชโองการให้เลยดีหรือไม่”
“ไม่ต้อง ข้าต้องการให้นางยินยอมด้วยตนเอง”
ฮ่องเต้ส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายก็ไม่พ้นเรื่องของเยว่ชิง นางมีดีอันใดกันแน่ ถึงทำให้น้องชายของตนปักใจแต่นางเพียงผู้เดียว ทั้งยังมีสภาพที่ไม่น่าดูเช่นนี้
“เรื่องของตระกูลกง คงได้ตัดสินเร็วๆ นี้”
“หึ สมควรถูกลงโทษนานแล้ว เสด็จพี่ไม่ควรปล่อยล่วงเลยมานานถึงเพียงนี้”
“กงป๋อเหวิน มีความสามารถไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะโง่เขลาถึงขั้นยักยอกเงินในกรมพิธีการ”
สองพี่น้องพูดคุยเรื่องคดีของตระกูลกงต่อ จนขันทีของฮ่องเต้เข้ามาแจ้งข่าวด้านใน
“ฝ่าบาท กระหม่อมไปรับตัวคุณหนูหลิว มาตรวจอาการให้ไทเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
มือที่ยกจอกสุราขึ้นดื่มของเว่ยอ๋องหยุดชะงัก ฮ่องเต้ปรายตาไปมองท่าทีของน้องชาย ก่อนจะโบกมือไล่ขันทีออกไป
“อาจ้าน เจ้าจะไปดูแสด็จแม่หรือไม่”
“ไม่ รอนางกลับไปก่อน” เขากระดกสุราขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจ
“เช่นนั้น เจ้านั่งดื่มผู้เดียวไปก่อน เจิ้นจะไปดูเสด็จแม่เสียหน่อย”
ฮ่องเต้เตรียมตัวจะเสด็จไปที่ตำหนักของไทเฮา แต่ดูเหมือนจะมีบางสิ่งวิ่งผ่านหน้าพระองค์ไปเมื่อครู่ พอหันกลับมาที่เว่ยอ๋องนั่งดื่มสุราอยู่ ก็ว่างเปล่าไร้เงาของเขาเสียแล้ว
“หึ คิดว่าจะเก่งกาจเพียงใด” ฮ่องเต้เร่งฝีเท้าตามไปที่ตำหนักของไทเฮา เพื่อดูว่าน้องชายตัวดีของพระองค์จะทำเช่นไร
เยว่ชิง นางเข้าวังเพื่อมาตรวจร่างกายของไทเฮา อยู่ทุกเดือนอยู่แล้ว จึงได้เข้าวังมาเช่นปกติ นางเดินไปที่ตำหนักของไทเฮาทันที
เมื่อมาถึงก็พบว่าไทเฮานั่งรอนางอยู่ภายในตำหนักกับฮองเฮา และพระสนมอีกหลายนาง
“ชิงเออร์ เจ้ามาแล้ว วันนี้เจ้าต้องเหนื่อยมากเสียหน่อย เจ้าต้องตรวจให้พวกนางด้วย” ไทเฮายิ้มอย่างเมตตาของมาที่เยว่ชิง
“หามิได้เพคะ เป็นสิ่งที่หม่อมฉันสมควรทำ” เยว่ชิงก้มหัวลงอย่างนอบน้อม
ก่อนจะช่วยประคองไทเฮา เข้าไปที่ห้องด้านในและเริ่มตรวจร่างกายให้นาง
“ไอเจีย ได้ยินข่าวลือ เรื่องของเจ้ากับตระกูลกง ยังเสียใจอยู่หรือไม่” ไทเฮามองมาที่เยว่ชิงอย่างเห็นใจ
เพราะนางเห็นเยว่ชิงที่ติดตามบิดาเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก พอนางโตขึ้นก็ได้เข้ามาดูแลสตรีในวังหลังแทนหมอหลวงคนอื่น ยิ่งเอ็นดูนางเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม จึงอดที่จะเห็นใจนางในเรื่องนี้มิได้
“หม่อมฉันมิเสียแล้วแล้วเพคะ กลับดีเสียอีกที่ยังมิได้แต่งเข้าจวนตระกูลกง มิเช่นนั้นคงได้เคราะห์ร้ายเพคะ”
“ชิงเออร์เอ่ย สตรีเช่นพวกเราก็เป็นเช่นนี้ บุรุษสามารถมีสามภรรยาสี่อนุ แต่สตรีเมื่อถูกแต่งเข้าไปก็ต้องเลี้ยงดูบุตรดูแลจวน” ไทเฮาตบที่หลังมือของเยว่ชิงเบาๆ
