บทที่ 5 หัวใจท่านไม่เคยมีข้า
บทที่ 5 หัวใจท่านไม่เคยมีข้า
เมื่อเผิงฟู่หลินก้าวออกจากจวนไป ราชครูเผิงถึงกับถอนหายใจอย่างหนัก เขาหันมามองบุตรสาวคนโต ที่ตอนนี้จงหลีรีบปรี่เข้าไปประคองให้ลุกขึ้นมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง ด้วยสายตายากจะคาดเดา
“เจ้าดูแลว่านเอ๋อร์ให้ดี พ่อบ้านจัดเตรียมยามาให้นางให้เรียบร้อย ว่านเอ๋อร์เจ้าก็ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน” ราชครูเผิงหันไปสั่งจงหลีและพ่อบ้าน ก่อนจะบอกบุตรสาว
จากนั้นราชครูเผิงก็สะบัดชายเสื้อแล้วเดินออกจากห้องไปในทันที ฮูหยินเซียงหันมองหน้าเผิงเสี่ยวว่านด้วยความไม่พอใจ แต่ไหนแต่ไรนางก็เก็บตัวเงียบเรียบร้อยอยู่ในเรือน ไม่คิดว่าหนนี้นางจะกล้าทำเรื่องเลยเถิดจนบัดนี้ หากไม่ติดบุตรสาวของตนเพิ่งได้รับโทษไปหมาด ๆ นางคงได้เข้าไปสั่งสอนลูกเลี้ยงคนนี้อีกสักหนเป็นแน่
ฮูหยินเซียงได้แต่คิดแค้นในใจก่อนจะรีบเดินตามสามีออกไป เพื่ออ้อนวอนให้เขาลุแก่โทษแก่เผิงฟู่หลินอีกครั้ง
เผิงเสี่ยวว่านมองภาพดังกล่าวด้วยสายตานิ่งเฉย มือน้อยกำหมัดไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด จงหลีรีบนั่งลงตรงหน้าพร้อมกุมมือนายหญิงไว้แน่น
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ท่านพ่อไม่เคยมีข้าในหัวใจจนข้าชาชินเสียแล้ว” เผิงเสี่ยวว่านพูดพร้อมสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้
เผิงเสี่ยวว่านไหววูบไปชั่วครู่ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นพร้อมสีหน้าราบเรียบอีกครั้ง นางได้แต่นึกรันทดในใจ นางเจ็บตัวหนักขนาดนี้ ท่านพ่อของนางยังไม่คิดจะดูดำดูดี ผิดกับเผิงฟู่หลินที่แม้ท่านพ่อจะสั่งลงโทษ แต่ในใจนางเองก็รู้ดีว่าท่านพ่อทำไปอย่างเสียมิได้ ในเมื่อท่านพ่อไม่รักไม่ไยดีนาง นางก็ไม่อยากจะใส่ใจอีกแล้ว
“แต่บ่าวแค้นใจยิ่งนัก นายท่านช่างลำเอียงเหลือเกิน คุณหนูรองโหดร้ายถึงเพียงนี้ แต่กลับโดนเพียงกักบริเวณเท่านั้น คุณหนูของบ่าวช่างน่าสงสารจริง ๆ” จงหลียังคงกุมมือเผิงเสี่ยวว่านไว้แน่น พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
เผิงเสี่ยวว่านมองหน้าจงหลีด้วยความรู้สึกตื้นตัน นางยิ้มบาง ๆ ออกมา “ในจวนแห่งนี้คงมีแต่เจ้ากระมังที่เป็นห่วงข้าอย่างแท้จริง”
“คุณหนู...” จงหลีถึงกับสะอื้นเมื่อได้ยินคำพูดของเผิงเสี่ยวว่าน นางรู้สึกเจ็บปวดใจแทนนายหญิงของตนยิ่งนัก
“เช่นนั้นข้าจะไปเอายามาทาให้นะเจ้าคะ” จงหลีรีบกระวีกระวาดเตรียมลุกไปเตรียมยามาให้
แต่ทันทีที่จงหลีตั้งท่าจะลุกขึ้น เผิงเสี่ยวว่านกลับดึงมือของนางเอาไว้ “ไม่ต้อง ปล่อยไว้เช่นนี้แหละดีแล้ว”
จงหลีมองเผิงเสี่ยวว่านอย่างไม่เข้าใจ “แต่ว่าหากปล่อยไว้เช่นนี้ ใบหน้าของคุณหนู...”
“ความเจ็บปวดที่ข้าได้รับ เหตุใดข้าต้องรีบกำจัดมันทิ้งด้วยเล่า เจ้าคงลืมไปแล้วสินะ ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว ความโหดร้ายของหลินเอ๋อร์ไม่ควรมีแค่คนในจวนที่ได้รับรู้เท่านั้น” น้ำเสียงเย็นเยือกทำเอาจงหลีถึงกับร้อน ๆ หนาว ๆ นางรับรู้ความหมายของเผิงเสี่ยวว่านได้แล้ว
“คุณหนูอย่าได้กังวล ข้าจะจัดการให้เรียบร้อย” จงหลีรีบลุกขึ้นพร้อมโค้งคำนับ พร้อมก้าวออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว
เผิงเสี่ยวว่านจ้องมองออกไปภายนอกหน้าต่างด้วยสายตาเลื่อนลอย ดวงตาหม่นแสงลงเมื่อนางได้อยู่เพียงลำพัง “ท่านแม่ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” เผิงเสี่ยวว่านพึมพำออกอย่างอย่างรู้สึกปวดร้าวใจ
ไม่นานข่าวลือก็แพร่สะพัดออกไปทั่วเมืองหลวง คุณหนูรองแห่งจวนราชครูกระทำการโหดร้ายกับคุณหนูใหญ่เพียงเพราะความริษยาที่เห็นพี่สาวได้ดีกว่าตัวเอง บ้างก็บอกว่าคุณหนูรองนิสัยโหดร้ายป่าเถื่อนทำให้รัชทายาทเปลี่ยนใจเลือกคุณหนูใหญ่แทน เสียงเล่าลือกล่าวอ้างไปถึงว่าคุณหนูใหญ่เป็นถึงบุตรสาวฮูหยินที่ถูกต้อง แต่คุณหนูรองเป็นเพียงลูกอนุที่ถูกยกขึ้นมาเท่านั้น
หนี่ซูเว่ยเมื่อได้รู้ข่าวเรื่องเผิงเสี่ยวว่านถูกทำร้าย เขาก็รู้สึกร้อนใจยิ่งนัก ยิ่งได้นึกถึงเผิงฟู่หลินเขาก็ยิ่งรู้สึกเดือดดาลขึ้นไปอีก นางอารมณ์ร้อนและเอาแต่ใจเรื่องนั้นเขาย่อมรู้ดีแก่ใจ แต่เรื่องโหดร้ายที่นางกล้าลงมือกับพี่สาวตัวเองทำเอาเขานึกรังเกียจมากขึ้นอีกมากโข หนี่ซูเว่ยได้แต่นึกเป็นห่วงเผิงเสี่ยวว่าน ในขณะเดียวกันก็ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้สึกว่าเขาคิดถูกแล้วที่ไม่ยอมแต่งงานกับหญิงใจโหดเหี้ยมเช่นนี้มาเป็นภรรยาของเขา
“พ่อบ้าน เตรียมรถม้า” หนี่ซูเว่ยสั่งการกับพ่อบ้านอย่างรวดเร็ว เขารีบเร่งเดินทางมาหาเผิงเสี่ยว่านที่จวนราชครูเผิงในทันที
ราชครูเผิงและฮูหยินเซียงที่กำลังเคร่งเครียดกับข่าวลือที่แพร่ออกไปทั่ว พลันสาวใช้ก็เข้ามารายงานว่าหนี่ซูเว่ยมาขอพบเผิงเสี่ยวว่าน พวกเขาต่างมองหน้ากันอย่างรู้สึกหนักใจ
ราชครูเผิงรีบพาฮูหยินเซียงออกไปต้อนรับหนี่ซูเว่ยอย่างรีบร้อน
“คารวะไท่จื่อ” ทั้งสองโค้งตัวคารวะอย่างนอบน้อม
“ข้าต้องการพบว่านเอ๋อร์” หนี่ซูเว่ยไม่รอช้า เขารีบบอกจุดประสงค์ทันที สายตาคมกริบมองราชครูเผิงด้วยความขุ่นเคือง
“เอ่อ...ว่านเอ๋อร์ไม่ค่อยสบาย คงไม่สะดวกพบไท่จื่อเวลานี้ เอาไว้นางหายดีข้าจะให้นางไปพบท่านที่จวนรัชทายาทดีหรือไม่” ราชครูเผิงรีบทัดทานเนื่องจากไม่ต้องการให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โตไปมากกว่านี้
“ว่านเอ๋อร์เป็นว่าที่พระชายาของข้า ข้าได้ยินมาว่านางถูกคนชั่วทำร้าย ข้าจึงต้องการมาดูให้เห็นกับตา” หนี่ซูเว่ยสาดคำพูดเผ็ดร้อนใส่หน้าราชครูเผิงอย่างไม่ยำเกรง วันนี้เขาตั้งใจแสดงอำนาจให้คนในจวนเหล่านี้ได้เห็นว่าต่อไปใครกล้าบังอาจมารังแกคนรักของเขาได้อีก
“ไท่จื่อคิดมากไปแล้ว เพียงแค่เรื่องพี่น้องทะเลาะกันเล็กน้อย ชาวบ้านต่างเอาไปเล่าลือไปเสียจนเลยเถิด” ราชครูเผิงเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผาก เขารีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“ในเมื่อข้ามาแล้ว ข้าก็ขอพบสักหน่อย หวังว่าท่านคงไม่ขัดหรอกนะ” หนี่ซูเว่ยรีบตัดบททันที
“เช่นนั้นเชิญไท่จื่อ” ราชครูเผิงอับจนคำพูด เขาเรียกให้สาวใช้นำทางให้หนี่ซูเว่ยไปยังเรือนของเผิงเสี่ยวว่าน
