ข้าอยากเป็นภรรยาเจ้า

28.0K · จบแล้ว
หยกขาว ปิ่นหยก
14
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เซียวหรูอวี้กับโอวหยางหลิงหลง เรื่องข้ามภพข้ามชาติมาเป็นชายาอ๋อง เรื่องข้าอยากเป็นภรรยาเจ้า เป็นเรื่องบุตรสาวของเซียวหรูอวี้ คือท่านหญิงเปยเปยกับอวครักษ์จาง เรื่องราวระหว่างท่านหญิงกับองครักษ์ที่มีความรักให้กัน คนทั้งคู่จะได้มีวาสนาได้ครองรักกันหรือไม่? ................................................................................................................................................................ ใต้น้ำ ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้ ริมฝีปากรีบประกบปากนาง ทั้งคู่มองหน้ากันแม้จะอยู่ใต้น้ำ เขาต้องต่อลมหายใจให้นาง ถ้าขืนโผล่หน้าขึ้นไปพวกมันอาจซุ่มอยู่ก็เป็นได้ การประกบริมฝีปากอยู่ใต้น้ำช่างเนิ่นนานเหลือเกิน พรึ่บ! ในที่สุดทั้งคู่ก็โผล่หัวออกมาจากใต้น้ำ หญิงสาวหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าหนาว พาข้าขึ้นฝั่งที” ชายหนุ่มไม่รอช้า เขาพานางขึ้นฝั่ง เขาพานางขึ้นฝั่งแล้วเข้าไปในถ้ำ โชคดีในถ้ำเหมือนจะมีคนเคยมาพักที่นี่ ทิ้งฟืนไว้จำนวนมาก หญิงสาวนั่งตัวสั่น นางหนาวเหลือเกิน “เจ้าถอดเสื้อผ้าออกเถอะ” ชายหนุ่มหันไปบอกหญิงสาว แต่ในมือยังคงก่อไฟ เป่ยเป่ยได้ยินดังนั้นก็ปลดอาภรณ์สีแดงเพลิงออกเหลือเพียงแค่เอี๊ยมสีชมพู หญิงสาวนั่งผิงไฟอย่างเขินอาย จีนโบราณ

นิยายจีนโบราณนางเอกเก่งข้ามมิติจีนโบราณ

บทที่ 1 งานล่าสัตว์

สตรีร่างบางมองใบหน้าเล็กเรียวของนางที่หน้าคันฉ่องสีเหลืองทอง ดวงตานางกลมโตดุจกวางน้อย คิ้วโค้งราวพระจันทร์เสี้ยว ริมฝีปากบางอวบอิ่มด้วยสีชาด จมูกนิดรับกับใบหน้าเรียวชวนมองให้หลงใหล หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ขนตานางงอนงามราวกับปีกผีเสื้อ มวยผมม้วนขึ้นเป็นทรงไป๋เหอประดับด้วยปิ่นเงินสวยงาม

“ท่านหญิงเพคะ องครักษ์จางรอท่านหญิงอยู่ที่หน้าวังแล้วเพคะ” เสี่ยวสี่เข้ามารายงานให้ผู้เป็นนายทราบทันที

หญิงสาวได้ยินสาวใช้เอ่ยถึงองครักษ์ประจำตัวนาง โอวหยางเป่ยเป่ยถึงกับเบะปาก ไม่รู้จางอวี้หวายจะรีบไปไหนกะอีแค่งานล่าสัตว์ที่ท่านลุงฮ่องเต้โอวหยางเซี่ยเฟิงจัดขึ้นทุกปี

นางเป็นญาติกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเพราะบิดานางเป็นพระอนุชาฮ่องเต้หรือน้องชายร่วมอุทรนั่นเอง

แต่ละปีก็ไม่เห็นมีอะไรแค่ล่าสัตว์แข่งกัน ใครได้เยอะที่สุดคนนั้นเป็นฝ่ายชนะ นางจำได้ว่าปีที่แล้วองค์รัชทายาทโอวหยางเซียวอี้เป็นผู้ชนะในการล่าสัตว์ครั้งนั้น ฮ่องเต้ก็ประทานรางวัลให้เป็นเงินหลายร้อยตำลึง องค์รัชทายาทยังขอคุณหนูใหญ่ตระกูลห่านเป็นพระชายาเอกอีกด้วย

แล้วปีนี้นางไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

ช่างน่าเบื่อเสียจริง

“เจ้าไปบอกองครักษ์จางให้รอก่อน” นางสั่งเสี่ยวสี่

สาวใช้รับคำสั่งรีบสาวเท้าออกไปทันที

พระชายาโอวหยางเดินเข้ามาในห้องของบุตรสาว เซียวหรูอวี้มองบุตรสาวที่แต่งชายด้วยอาภรณ์สีแดง

นี่อย่าบอกนะว่าบุตรสาวจะใส่ชุดแบบนี้ไปล่าสัตว์

“เป่ยเป่ย เจ้าจะใส่ชุดนี้ออกไปล่าสัตว์หรือ” พระชายาเอ่ยถามบุตรสาว

“ท่านแม่ข้าชอบนี่เพคะ มันงดงาม” โอวหยางเป่ยเป่ยรีบกอดมารดาทันที เป่ยเป่ยแม้จะโตเป็นสาวถึงวัยออกเรือนแล้วแต่นางก็ยังอ้อนมารดาเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด

“เจ้าโตเป็นสาวแล้วนะยังจะมากอดแม่อีก” เซียวหรูอวี้มองบุตรสาวออดอ้อนตัวเอง

“ข้ารักท่านแม่นี่นา” เป่ยเป่ยบอก

“ช่างเถอะ เจ้าจะใส่ชุดอะไรก็ช่าง ควรรีบไปได้แล้ว มันถึงยามแล้ว” พระชายาโอวหยางบอกบุตรสาว

“แล้วท่านพ่อล่ะเพคะ” หญิงสาวถามหาบิดาทันที

“พ่อเจ้าไปตั้งแต่ยามเหม่า” พระชายาโอวหยางบอกบุตรสาว

“ข้าไปก่อนะเพคะท่านแม่” หญิงสาวบอกมารดาแล้วเดินออกไปทันที

สายตาพระชายาโอวหยางมองบุตรสาวแล้วส่ายหน้า โตจนจะออกเรือนแล้วบุตรสาวยังปฏิเสธบุตรชายที่จะมาสู่ขอ เซียวหรูอวี้อยากจะให้บุตรสาวเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที เห็นทีจะอยากงานเย็บปักถักร้อยเป่ยเป่ยก็ไม่ทำหาได้ใส่ใจ

“พระชายาทรงเป็นห่วงท่านหญิงหรือเพคะ” เสี่ยวลู่เอ่ยถามผู้เป็นนายหลังเห็นพระชายาโอวหยางมองแผ่นหลังบุตรสาวแล้วมีสีหน้าเป็นกังวล

“ข้าเป็นห่วงนางเป็นอย่างมาก เจ้าก็ดูสิข้ามาถึงนางก็กอดข้า นางโตจนจะออกเรือนแล้วแต่นางก็เล่นตัวเสียเหลือเกิน ข้ากลัวนางจะเป็นสาวเทื้อคาเรือน”

เสี่ยวลู่ได้ฟังแล้วเข้าใจทันที เดิมทีท่านหญิงจะออกเรือนตอนอายุสิบห้าปี แต่พอมาถึงวันแต่งงานท่านหญิงกลับหนีไปเสียดื้อๆ จนย่างเข้าอายุสิบหก ทั้งคุณชายแต่ละตระกูลส่งแม่สื่อมาทาบทามท่านหญิงก็ไม่สนใจ ใครเป็นมารดาก็อดที่จะเป็นห่วงบุตรสาวไม่ได้

“พระชายาเพคะ บางทีท่านหญิงอาจจะยังไม่มีคนที่ถูกใจก็ได้นะเพคะ”

ภายในรถม้าหญิงสาวนั่งข้างในอย่างเบื่อหน่าย เมื่อไรจะถึงป่าที่ท่านลุงฮ่องเต้จัดงานี้ นั่งจนปวดก้นแล้ว

หญิงสาวเปิดผ้าม่านออก สายตามองที่องครักษ์จางนั่งบนหลังม้าอย่างงดงามราวกับเทพบุตร ดวงหน้าสี่เหลี่ยม จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วดุจกระบี่

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองจึงหันไปเห็นท่านหญิงเป่ยเป่ยกำลังมองเขาอยู่ ทั้งคู่สบตากันพอดี เป่ยเป่ยรีบปิดม่านลงทันที ใบหน้าของนางร้อนและมีสีแดงจัด

ด้านจางอวี้หวายเขารู้ท่านหญิงเป่ยเป่ยคิดอย่างไรกับเขา เขาได้แต่บอกตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขามีหน้าที่ต้องดูแลท่านหญิงตลอดไป ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้เพราะฐานะเขาไม่คู่ควร

เมื่อครั้งท่านหญิงจะออกเรือนตอนอายุสิบห้า นางไม่ยอม ขบวนเจ้าบ่าวมาแล้วแต่นางหนีออกไปข้างนอกจนเขาไปตามกลับมา นางร้องไห้ นางไม่อยากแต่ง ชินอ๋องโกรธมากจึงทำโทษนางโดยให้นางคุกเข่าต่อศาลบรรพชนเป็นเวลาหนึ่งเดือน

ต่อมาอายุย่างเข้าสิบหกเมื่อไม่นานมานี้ แม่สื่อได้มาทาบทามนางให้คุณชายตระกูลต่างๆ แต่เป่ยเป่ยก็ปฏิเสธไป คนนอกอาจจะมองว่านางอยากจะสนุกกับชีวิต แต่เขาผู้เป็นองครักษ์นางมาสิบกว่าปีทำไมเขาจะไม่รู้เพราะนางไม่ออกเรือนเสียที เพราะ…

ไม่นานรถม้าก็มาถึงสถานที่จัดงานแข่งล่าสัตว์ จางอวี้หวายลงจากอาชาคู่ใจ หญิงสาวเปิดม่านออกกระโดดลงจากรถม้าทันทีไม่รอให้จางอวี้หวายมาช่วย

เป่ยเป่ยเป็นอย่างนี้ประจำ นางไม่ต้องการให้เขาช่วยหรือเพราะเขินอาย ทั้งสามคนจึงเดินไปที่แท่นพิธีโดยมีหญิงสาวชุดแดงเพลิงนำหน้า ทำให้แขกที่มางานในวันนี้ต่างตกตะลึง นางช่างงดงามราวกับเทพธิดาเสียจริง ใบหน้าขาวราวกับหิมะบวกกับริมฝีปากแดงด้วยสีชาด ดวงตากลมโตดุจกวางน้อย ท่วงท่าที่เดินช่างสมกับเป็นท่านหญิงบุตรสาวของชินอ๋องเหลือเกิน

“เจ้าดูบุตรสาวเจ้าสิหลิงหลง นางช่างงดงามเหมือนมารดาไม่มีผิด” ฮ่องเต้ตรัสชมหลานสาวสุดที่รักของเขาต่อหน้าพระอนุชา โอวหยางเป่ยเป่ยช่างเหมือนกับมารดาเจ็ดส่วน ทำให้ผู้เป็นบิดาอย่างชินอ๋องริมฝีปากแทบจะฉีกถึงรูหูเมื่อพระเชษฐาเอ่ยชมบุตรสาว

แน่นอนบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนย่อมงดงามเหมือนพระชายาของเขา ในเมืองต้าฉินไม่มีใครงดงามเท่าบุตรีเขาอีกแล้ว บุตรีเขานับเป็นโฉมสะคราญนางหนึ่งก็ว่าได้ คุณชายบ้านไหนเห็นก็อยากจะสู่ขอที่หน้าวังอ๋อง ดูอย่างตอนนี้สิ นางย่างเท้าเข้ามาในงานจะเดินหาเขาผู้เป็นบิดาด้วยท่าทางแช่มช้อย คุณชายแต่ละตระกูลก็มองตาเป็นมันทำอย่างกับว่าบุตรสาวเขาเป็นอาหารอันโอชะให้พวกบุรุษเขมือบกิน

“นางย่อมงดงามเหมือนมารดานาง” ชินอ๋องเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ พร้อมจิบน้ำชา

“ถวายพระพรฝ่าบาท” เป่ยเป่ยและองครักษ์มาถึงหน้าพระที่นั่งนางได้โค้งคำนับท่านลุงฮ่องเต้ของนาง

พระเนตรมองไปที่หลานรัก “ลุกขึ้นได้”

“ขอบพระทัยเพคะ” หญิงสาวมองไปทางฮ่องเต้ที่นั่งสูงสุด ถัดลงมาก็เป็นบิดาของนางและลงมาอีกก็เป็นเหล่าขุนนางต่างๆ

เหล่าคุณชายตระกูลต่างๆ ก็ส่งสายตามาทางท่านหญิงเป่ยเป่ย ทำให้จางอวี้หวายแทบอยากจะเอากระบี่แทงเข้าไปในลูกตาของเหล่าคุณชายถ้าไม่ติดว่าอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้

ส่วนคุณหนูตระกูลอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านล่างก็ใช้สายตาอิจฉาริษยาท่านหญิงเป่ยเป่ย ที่นางแต่งตัวโดดเด่นกว่าพวกนาง

“เอาละ ในเมื่อมากันครบแล้วก็เริ่มงานได้ ใครที่สามารถล่าสัตว์ได้มากที่สุดคนนั้นจะได้รับเงินรางวัลหนึ่งพันตำลึง และยังขอสิ่งที่ปรารถนาได้หนึ่งอย่าง”

บรรดาคุณหนูคุณชายทั้งหลายต่างได้ยินฮ่องเต้ตรัสแบบนี้ ต่างพากันต้องบอกว่าตนจะต้องชนะ

รัชทายาทเดินมาหาท่านหญิงเป่ยเป่ย เขาเป็นโอรสที่ประสูติแด่เวยฮองเฮา ปีที่แล้วเขาชนะการล่าสัตว์ เขาได้สัตว์เยอะกว่าเป่ยเป่ยไม่กี่ตัว ได้ทั้งเงินและขอห่านชิงเหอมาเป็นชายาเอก ปีนี้เขาอาจจะแพ้แก่น้องสาวเขาก็ได้

“ถวายบังคมองค์รัชทายาท” นางคำนับองค์รัชทายาท โอวหยางเซียวอี้มองญาติผู้น้องด้วยสายตารักใคร่และเอ็นดู

“ไม่ต้องมากพิธี ปีนี้ข้าขอให้เจ้าเอาชนะข้าให้ได้นะ เป่ยเป่ย” เขาเรียกชื่อญาติผู้น้องริมฝีปากหนาเผยอยิ้ม

“เพคะ”

“พวกเจ้าคุยกันอยู่นั้นละคนอื่นเขาไปกันหมดแล้ว” ฮ่องเต้ตรัส

มองไปรอบๆ ผู้คนทยอยเข้าป่าล่าสัตว์หมดแล้ว เพราะนางมัวแต่คุยกับรัชทายาท หญิงสาวเดินสะบัดตูดออกไป จางอวี้หวายจูงม้ามาให้นางพร้อมคันธนู เขาทั้งสองมุ่งหน้าเข้าป่าทันที

ฟิ้ว! ลูกธนูโดนจิ้งจอกน้อย มันล้มลงกับพื้นหญ้าสีเขียว“เย้! ข้ายิงได้แล้วหนึ่งตัว” เป่ยเป่ยขี่ม้าเข้ามาในป่าครึ่งชั่วยามแล้วไม่รู้ว่าสัตว์มันไปไหนหมด นางถึงได้แค่เจ้าจิ้งจอกน้อยตัวเดียว องครักษ์จางรีบไปเก็บเจ้านั่นทันที เขามองเห็นใบหน้านางยิ้มไม่หุบ แค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว

“นึกว่าใคร ท่านหญิงโอวหยางเป่ยเป่ยนั่นเอง” เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นจากด้านหลังของนางและคำพูดของบุรุษผู้หนึ่งกับคุณชายตระกูลต่างๆ ไม่เกินห้าคนนั่งอยู่บนอาชาคนละตัว สายตาพวกเขาแต่ละคนมองที่ท่านหญิงเป่ยเป่ย

“ข้าไม่รู้จักเจ้า” เป่ยเป่ยเอ่ยขึ้นโดยไม่สนใจสายตาที่พวกมันมองมาที่นาง ทำให้บุรุษกลุ่มนั้นรู้สึกหน้าเสียเป็นอย่างมาก

“ท่านหญิง ถ้าอย่างนั้นข้าขอบอกชื่อแซ่เลยแล้วกัน ข้าคุณชายใหญ่ตระกลูกู้ กู้อี้ถาน บุตรชายขุนนางการคลัง” กู้อี้ถานเอ่ยขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ เขาเป็นคุณชายใหญ่กู้ที่ใครๆ เห็นต้องเกรงกลัว บิดาของเขา กู้จี้หรันเป็นขุนนางที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด

บิดาเป็นขุนนางแล้วอย่างไร หญิงสาวแสยะยิ้มส่งสายตาไปทางองครักษ์จางเป็นเชิงว่าไปได้

จางอวี้หวายควบม้าตามผู้เป็นนายออกไปจากคนกลุ่มนั้นทันที

กู้อี้ถานหน้าเสียรอบสองที่อุตส่าห์บอกชื่อแซ่แต่นางกลับควบม้าหนีไปเสียดื้อๆ

“ข้าว่าแล้วท่านหญิงหรือจะยอมคุยกับพวกเรา” คุณชายอีกคนเอ่ยขึ้น

และก็ตามด้วยคุณชายหลายๆ ท่านหัวเราะออกมา ยิ่งทำให้กู้อี้ถานอยากจะจับเป่ยเป่ยมาแล่เนื้อเหลือเกิน สตรีหน้าไม่อายผู้นั้นแทนที่จะพูดคุยกับเขาเสียหน่อยให้มันเป็นมารยาทแต่นางกลับออกไปเสียดื้อๆ

เขาอยู่ในเมืองหลวงได้ยินข่าวของนางมาหลายอย่าง การแต่งงานเมื่อนางอายุสิบห้าปี นางก็หนีงานแต่งทำงานแต่งล่มไม่เป็นท่า

พอปีนี้นางอายุครบสิบหกปี แม่สื่อทั้งหลายต่างก็เหยียบย่างเข้ามาวังอ๋องแต่เดินไม่กี่ก้าว ท่านหญิงโอวหยางเป่ยเป่ยก็ไล่ตะเพิดออกมา

นับว่าวีรกรรมของท่านหญิงโอวหยางเป่ยเป่ยนั้นเป็นที่เลื่องลือทั่วต้าฉิน

บุรุษทั่วแว่นแคว้นต่างก็หมายโฉมสะคราญอันดับหนึ่งมาครอบครอง หนึ่งในนั้นก็มีกู้อี้ถานด้วยเช่นกัน เขาจะต้องทำให้โอวหยางเป่ยเป่ยมาสยบแทบเท้าเขาให้ได้...

สายตาขององครักษ์จางอวี้หวายมองข้างหลังสตรีชุดแดงเพลิง การกระทำเมื่อครู่นี้ที่นางทำช่างสาแก่ใจเขายิ่งนัก นางไม่สนใจบุรุษกลุ่มนั้นซ้ำยังรีบพาเขาควบม้าออกมา