บทที่3 ท่านยายมาร่วมขบวน
ชิงอี่สลับพาบิดากับพี่ชายเข้าไปอาบน้ำในมิติ
ขบวนแวะหยุดพักกลางวันเพราะแดดแรง บางครอบครัวไม่มีเกวียนจะได้พักขาบ้าง พอหยุดพ่อหลีก็รีบถอดเทียมเกวียนพาวัวเข้าร่มและเอาน้ำให้มันกินทันที
ส่วนสมาชิกก็ลงมายืดแข้งยืดขา แล้วกินแผ่นแป้งกับผักดองเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ เพื่อนบ้านก็แวะเวียนมาถามไถ่เรื่องอาการป่วยของชิงอี่ แล้วก็แลกเปลี่ยนความคิดกัน
"ข้าว่าพอไปถึงเมืองเฉินตู่จะขอพักอยู่กับญาติดีกว่าไม่ขึ้นเหนือไปพวกเจ้าแล้ว"บางคนก็จะไปอาศัยอยู่กับญาติไม่เดินทางขึ้นเหนือไปถึงชายแดน
"ถ้ามีญาติอยู่แบบนี้ก็ดีสิ..กว่าจะเดินทางไปถึงชายแดนใช้เวลาไม่ใช้น้อยไหนจะเงินทองอีก"
"แต่ข้ากะจะไปตั้งรกรางทางเหนือเลย ข้าขายที่ทางหมดแล้วไปเริ่มต้นใหม่อาจจะดีกว่าเก่าก็ได้"บางคนก็อาจไปตั้งรกรากอยู่ที่ชายแดนเลย ส่วนบ้านหลียังตัดสินใจไม่ได้
จริงๆพ่อหลีมีท่านแม่และพี่ชายอยู่เมืองตงเย่ว แต่สมัยก่อนด้วยไม่ชอบว่าเขาแต่งฮวาหลิวเข้าตระกูลเพราะบ้านฮวาหลิวยากจน มีท่านแม่ที่ร่างกายไม่แข็งแรงแถมน้องชายยังเล็กอีกสองคน ทำให้มารดาโกรธมากจนตัดขาดเขาจากตระกูล เขากับภรรยาเลยต้องย้ายไปเริ่มต้นใหม่ทีเมืองเก่าหยา ส่วนบ้านเดิมภรรยาตอนแรกจะหนี้ภัยแล้งด้วยกันแต่เพราะแม่หวองไม่ยอมทิ้งบ้านเลยไม่มีใครกล้าขัดใจ
"ข้าแก่แล้ว ถ้าจะตายก็ให้ตายที่นี้แหละถ้าพวกเจ้าจะไปก็ไปเถอะนะ"แต่ไหนเลยลูกชายทั้งสองจะกล้าทิ้งมารดาฮวาหลิวเลยต้องจำใจแยกจากมารดาและน้องชาย
ผ่านไปครึ่งเดือนในขนาดที่ขบวนพักแรมอยู่ตีนเขา
เฟยหลงน้องชายของฮวาหลิวอายุ20ก็ตามขบวนมาทันแล้วบอกมารดากับพี่ชายกำลังเร่งเดินทางมาสมทบขบวน
"ท่านแม่ยอมมาแล้วเหรอ"ฮวาหลิวเอยถามด้วยความดีใจที่มารดายอมหนีมากับพวกตน
"ใช้..แต่บ้านเราเดินเท้าเลยเดินทางได้ช้านะ พี่เฟยเทียนให้ข้าล้วงหน้ามาบอกท่านก่อน "
งั้นเดี๋ยวข้าจะขับเกวียนไปรับท่านแม่เอง"หลีฟูพอได้ยินว่าแม่ยายต้องเดินเท้าก็รีบจะไปรับด้วยรู้ว่าสุขภาพแม่ยายไม่แข็งแรง
หลีฟูกับเฟยหลงเลยขับเกวียนย้อนกลับไปรับแม่เฒ่าหวอง ส่วนทางฮวาหลิงกับลูกๆก็เดินเท้ารอ
เมื่อไม่มีเกวียน4แม่ลูกก็ตั้งกระโจมอยู่ด้วยกันและกินอาหารจากมิติ พอถึงเมืองหลงเสวย ชิงอี่เลยเอายารักษาบาดแผลอย่างดีเอาไปขายในร้านโอสถได้ตำลึงมาถึง180ตำลึง
"ยาดี..ไม่ทราบว่าแม่นางยังมีอีกมั้ยข้าซื่อหมดเลย"
"ข้ามีเท่านี้แหละเจ้าค่ะ พอดีครอบครัวข้าเดือดร้อนเลยจำใจต้องเอายาดีมาขายเพื่อความอยู่รอด"ชิงอี่ไม่อยากทำให้มันเป็นของที่หาง่ายเกินไป มีโอกาสค่อยว่ากันใหม่
พอออกจากร้านโอสถชิงอี่เลยให้พี่ชายพาไปตลาดค้าสัตว์ซื่อวัวเทียมเกวียนอีกคัน
ที่บ้านเธอมีวัวสาวอยู่แล้วครั้งนี้เลยจะซื้อวัวหนุ่มเอาไปเป็นคู่ให้มัน
เมืองมาถึงตลาดค้าสัตว์ก็มองหาสิ่งที่ต้องการ
"เชิญเลยขอรับ เชิญแวะทางนี้ก่อน"
เสียงพ่อค้าร้านต่างๆร้องเรียกลูกค้าให้เข้ามาดูร้านตัวเอง
ชิงอี่มองรอบๆสายตาก็ไม่สะดุดกับล่อตัวหนึ่งเข้า ลักษณะมันน่าสนใจมาก มันดูไม่สนใจสิ่งไดสายตามองไปที่ลาตัวหนึ่งแล้วค่อยดูแลลาตัวนั้นอย่่างใกล้ชิด
"ลาตัวนั้นมันเป็นอะไรเหรอเถ้าแก "ชิงอี่เห็นมันน่าสนใจเลยถามดู
"ลามันป่วยนะแม่นาง"
"แล้วมันเป็นอะไรกับล่อตัวนั้นเห็นมันเฝ้าไม่ห่างกันเลย"หรือจะเป็นคู่รักกัน
"มันเป็นพี่น้องกันนะขอรับแต่ตัวลามันไม่แข็งแรงทำงานอะไรไม่ไหว ถ้าท่านสนใจล่อตัวนี้ข้าขายให้ในราคา25ตำลึงแถมลาตัวนี้ไปเลย"อยู่ก็ไม่คุ้มค่ารักษาอย่างน้อยก็ขายล่อได้
ชิงอี่เห็นสายตาที่ล่อมองมาทางเธอด้วยสายตาอ้อนวอน เธอเลยตัดสินใจซื้อสองพี่น้องนี้ไว้ เดี๋ยวค่อยป้อนยาบำรุงให้ เธอไม่เชื่อว่าจะไม่สามารสรักษามันได้
"แล้วแบบนี้เรายังต้องซื้อวัวอีกมั้ย"เสียวหมิงเห็นน้องสาวได้ล่อกับลาแล้วคงไม่คิดอยากได้วัวแล้วมั้ง
"ซื้อสิไปดูวัวกัน..เถ้าแก่ข้าฝากเจ้าสองพี่น้องนี้ก่อนนะเดี๋ยวข้ามารับ"บอกแล้วก็เตรียมจะเดินไปดูวัว แต่เถ้าแก่เรียกเอาไว้
"ถ้าพวกเจ้าอยากได้วัวข้ามีร้านแนะนำ รับรองได้วัวลักษณะดีแนนอน"ในเมืองลูกค้าดีเขาก็อยากแนะนำร้านที่ดีไม่เอาเปรีบบลูกค้า
"พวกท่านตรงไปแล้วขวาตรงหัวมุมจะเจอร้านขายวัวบอกว่ามาจากเถ้าแก่จางเขาจะเลือกวัวดีให้ท่าน"
เมืองสองพี่น้องเดินไปตามทางที่ถ้าแก่จางบอกก็เจอร้านค้าวัว
"มาจากเถ้าแก่จากเหรอ งั้นเชิญทางนี้ข้ามีวัวลักษณะดีแนะนำ"
เมื่อเข้ามาด้านในก็เจอวัวรูปรางดีอยู่3,4ตัว ชิงอี่ลองเดินดูรอบก็เลือกมาหนึ่งตัวแล้วถามหาร้านเทียมเกวียนเถ้าแก่เลยบอกว่าที่ร้านมีบริการรวมทั่งหมดจ่ายไป39ตำลึง
ตอนเสียวหมิงกับชิงอี่กลับไปหามารดาเลยมีทั้งวัว ล่อแล้วก็ลาที่พอถึงที่หมายก็ล้มตัวลงนอนแล้วหอบหายใจแรงทันที
ชิงอี่เห็นดังนั้นเลยรีบเดินไปป้อนยาบำรุงให้มันก่อนใครเพื่อน พอมันกินยาบำรุงสักพักก็หายใจดีขึ้นแล้วลุกขึ้นได้ในที่สุด เจ้าล่อที่เห็นน้องชายลุกขึ้นก็เดินเข้าไปหาด้วยความดีใจ
"น้องแกดีขึ้นแล้วนะไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว"พูดพร้อมกับลูบหัวเจ้าล่อไปด้วย
"กินสะแกจะได้แข็งแรงกว่าเก่า"พูดแล้วก็ป้อนยาบำรุ่งให้เจ้าล่อและเจ้าวัวหนุ่ม
"ซื้ออะไรมาเยอะแยะนะลูก"ฮวาหลิวถามบุตรทั้งสองเบาๆ
"ก็สมาชิกเราจะเพิ่มขึ้น ข้ากับพี่เสียวหมิงเลยไปซื้อพวกแป้งกับธัญพืชมาเพิ่มนะเจ้าค่ะ"
ผ่านไปสองวันพ่อหลีก็พาแม่เฒ่าหวองมาสบทบขบวนทัน
"ท่านพ่อมาไวจังเลยเจ้าค่ะ"ซูซูเข้าไปกอดบิดาด้วยความคิดถึง
"เจ้าวัวมันเดินไม่ยอมหยุดเลยนะสิ พ่อละกลัวมันจะหัวใจวาย"พ่อฟูไม่ได้เร่งให้วัวมันเดินไม่ได้หยุด แต่มันเดินทางไม่ยอมหยุดพักเลยเขาละเป็นห่วงมันจริงๆเพราะวัวตัวนี้เป็นยานพาหนะเดียวของครอบครัว
แม่เฒ่าหวองเมื่อลงมาจากเวียนก็เห็นบุตรสาวถึงกับหลั่งน้ำตา
"แม่ไม่คิดว่าจะได้พบลูกอีก..แม่น่าจะฟังพวกเจ้าแต่แรก"พูดไปก็กอดบุตรสาวไปด้วย
"ตอนนี้เราก็อยู่กันพร้อมหน้าแล้วท่านแม่ไม่ต้องร้องนะเจ้าค่ะ"ฮวาหลิวก็อดร้องไห้ตามมารดาไม่ได้
"ตลอดการเดินทางแม่ได้เฟยเทียนแบกขึ้นหลังมาตลอดทางจนเท้าเขาเป็นแผลไปหมด"พูดแล้วก็หันไปมองบุตรชายวัย22หนาวที่เท้าทั้งสองข้างเต็มไปด้วยบาดแผล ที่มีไห่เม้ยภรรยาวัย21หนาวค่อยดูแลทั้งสองมีลูกด้วยกัน1คนคือต้าเป่าอายุ3หนาว
ชิงอี่เห็นดังนั้นเลยรีบเข้าไปช่วยทำแผลให้ท่านน้า
"ท่านน้าดื่มยานี้ก่อนนะเจ้าค่ะมันช่วยฟื้นฟูร่างกาย"พูดแล้วก็ให้น้าชายดื่มยาบำรุงก่อนแล้วนั้งลงทำแผลให้
"ระหว่างทางลำบากพวกเจ้าไม่น้อย"ฮวาหลิวเอยกับครอบครัวเดิมตัวเอง
"ตอนนี้มีครอบครัวแม่กับน้องชายเจ้าเข้ามาเพิ่มจะเป็นการเพิ่มภาระให้้พวกเจ้ามั้ย"แม่เฒ่าหวองรู้สึกเกรงใจลูกเขย ตอนแรกถึงดึงดันที่จะอยู่บ้านเดิม แต่พอเวลาผ่านไปนางก็รู้สึกสงสารลูกๆแล้วหลานชายวัย3หนาวที่ต้องอยู่อย่่่งอดๆอยากๆเลยตัดสินใจตามมาสบทบกับบุตรสาว
"ท่านยายไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ ข้าเตรียมเกวียนไว้ให้แล้ว เราเดินทางได้ไม่มีปัญหาแนนอนเจ้าค่ะ"ชิงอี่ให้ความมั้นใจ
เธอไม่เคยมีครอบครัวมาก่อนพอมีครอบครัวเธอก็อยากดูแลให้เต็มที่
พอถึงวันเดินทางหลังจากที่พักเตรียมเสบียงกันมา4วัน มีบางครอบครัวเลือกที่จะแยกไปอีกทางเพื่อไปบ้านญาติขบวนลี้ภัยจึงลดลงไปอีก7,8ครอบครัว
ครอบครัวหลีกับแม่เฒ่าหวองเลยนังเกวียนวัวกันครอบครัวละคัน แล้วเฟยเทียนนั้งรถลากจากล่อส่วนเจ้าลาให้แบกเสบียง หลังจากกินยาบำรุงไปเจ้าลาก็แข็งแรงขึ้นไม่มีอาการของลาป่วยให้เห็นอีกเลย
ครอบครัวหลีกรายเป็นครอบครัวใหญ่ทันที แต่ก็ไม่เป็นภาระให้กลุ่ม
เดินทางไปอยู่ๆชิ่งอี่ก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ แถวนี้มันเงียบเกินไป เธอเลยให้ท่านพ่อไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านให้ระวังตัว
"แถวนี้มันไม่น่าไว้ใจนะขอรับท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ทางที่ดีเราตั้งกระโจกติดๆกันดีกว่าเพื่อป้องกันเอาไว"
หลีฟูพูดตามที่บุตรสาวสั่ง
พอหัวหน้าหมู่บ้านได้ฟังก็คิดตามทันที
"งั้นบอกให้ทุกคนตั้งกระโจมอย่าห่างกันเยอะและคอยสอดส่องดูด้วย"
"ท่านน้าทั้งสองใช้อาวุธเป็นมั้ยเจ้าค่ะ"ชิงอี่ถามน้าชายทั้งสอง
"น้ามีพละกำลังมากต่อสู้ได้ดีพอตัวส่วนเฟยหลงก็พอมีวิชาหมัดมวยบ้าง"เฟยเทียนบอกแกหลานสาว
พอชิงอี่ฟังแล้วก็พอจะหาอาวุธให้ท่านน้าทั้งสองได้
เฟยเทียนให้ใช้กระบอกลูกตุ้มเพราะเป็นอาวุธหนักเหมาะแกพละกำลังมาก
ส่วนเฟยหลงให้ใช้ดาบเพราะสามารสรำเป็นท่วงท่าได้ ส่วนพี่ชายเธอให้ใช้หน้าไม้บิดาใช้ขวานเพราะบิดาเธอใช้เครื่องมือนี้ถนัดที่สุด
ตอนกลางคืนเธอให้เอารถทั้งสามคันมาจอดร่วมกันแล้วให้ผู้หญิงและเด็กอยู่แต่ในเกวียนเพราะชิงอี่เปลี่ยนผ้าคุมหลังคาเป็นผ้าใบกันกระสุนและของมีคมต่างๆจะไม่สามารสกรีดผ้าใบนาโนนี้ขาดได้
และกลางดึกก็มีเสียงโวกแวกกังมาแต่ไกล
