บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เข้าวัง

ทันใดนั้นประตูผุพังก็ค่อยๆถูกคนผลักเข้ามา มู่หรงเหยียนสะบัดแขนหมุนกายเดินออกไปพยุงหญิงสาวที่มาใหม่พร้อมกับลูบหลังนางเพื่อปลอบโยน "เจ้ายังบาดเจ็บ ออกมาทำไมกัน?"

เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าอ่อนโยน ซึ่งแตกต่างจากเมื่อสักครู่เป็นอย่างมาก เซี่ยชูหลิงตวัดสายตาขึ้นไปมองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของมู่หรงเหยียนแวบหนึ่ง

ฉับพลันในสมองก็ปรากฎชื่อหนึ่งขึ้นมา เสิ่นหยุนชู บุตรสาวคนรองของรองแม่ทัพเสิ่นที่เติบโตมาพร้อมกับเขา และเป็นสตรีคนรักของเขา

เดิมทีเขาเองก็ตั้งใจจะแต่งเสิ่นหยุนชูนี้มาเป็นพระชายาเอกแต่ด้วยอำนาจบารมีของเสนาบดีที่มากกว่ารองแม่ทัพจึงพ่ายให้แก่ เซี่ยชูหลิงไป

"หม่อมฉันไม่วางใจ ได้ยินว่าท่านพี่พระชายาฟื้นแล้วจึงได้เดินมาดูอาการเพคะ ชูเอ๋อไม่ทราบว่าท่านอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย"

มือแกร่งประคองร่างอันบอบบางของเสิ่นหยุนชู "กลับไปพักผ่อนที่เรือนของเจ้า ที่นี่ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องกังวล"

กล่าวจบเขาก็พานางหมุนกายก่อนจะหยุดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา และสายตาที่ขยะแขยงและหันหลังเดินจากไป "ข้าจะรอเจ้าอยู่หน้าจวน จำไว้ ห้ามพูดจาเหลวไหลต่อหน้าไทเฮา! "

เสิ่นหยุนชูเดินตามมู่หรงเหยียนและหันกลับมายิ้มอย่างผู้ชนะ ริมฝีปากสีแดงเปิดออกเบาๆ และพูดอย่างไร้เสียง "คิดจะสู้กับข้าเหรอ คอยดูเถอะ!"

เซี่ยชูหลิงหรี่ตาที่เฉียบคมของเธอลง “ชิงฮวน เปลี่ยนชุด!"

ทันทีที่พูดคำพูดจบ เชี่ยชูหลิงก็เดินไปยังโต๊ะกระจก ทันทีที่เห็นใบหน้าของตนเองเธอก็ถึงกับผงะทันที แล้วหันไปหาชิงฮวนเอ่ยถามด้วยความตกใจว่า

"นี่ใครแต่งหน้าให้ข้าหรือ?" คิ้วหนาเป็นแผ่น แก้มแดงหนาเตอะ ริมฝีปากเองก็ใช่ย่อยก็ไม่รู้ว่า จะน่ารังเกียจไปถึงไหน

ชิงฮวนก้มหน้า "เป็นคุณหนู คุณหนูแต่งเองเจ้าค่ะ บ่าว บ่าวไม่กล้าเช็ดออกให้ท่านเจ้าค่ะ"

"ข้าหรือ?" มิน่าล่ะสายตาของอิตาท่านอ๋องนั่นถึงมองนางอย่างขยะแขยง ก็อัปลักษณ์เสียขนาดนี้

"เห้อ...เอาหล่ะเจ้ามาช่วยข้าล้างหน้าแต่งตัวมา"

หลังจากผ่านการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เช็ดคราบเครื่องประทินโฉมที่เกรอะกรังออกแล้ว เซี่ยชูหลิงก็เดินมายังโต๊ะแล้วส่องกระจกทองแดงดูอีกครั้ง

"คุณหนูเจ้าขา คุณหนูสวยมากเลยนะเจ้าคะ สวยกว่าตอนประทินโฉมอีกเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าประทินโฉมเช่นเดิมอีกเลยนะเจ้าคะ" ชิงฮวนกล่าวคล้ายกำลังอ้อนวอน

เซี่ยชูหลิงเองก็คิดเช่นนั้น เจ้าของร่างเดิมแบกเครื่องประทินโฉมหนาเตอะนี่ได้อย่างไรกันเป็นวันๆ

ผิวพรรณก็ดีมาก ใบหน้ารูปไข่ผิวชมพูขาวใสจนเห็นเส้นเลือดฝอย จมูกเล็กโด่งเรียวริมฝีปากบากหยักเล็กน้อยดูฉ่ำน้ำมันวาว

ยิ่งดวงตาหงส์กลมสวย คิ้วดำโก่งเรียว ขนตาหนางอนอย่างเป็นธรรมชาติ หากอยู่ในทศวรรษที่ยร่สิบเอ็ดนั้น นางคงเป็นนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิงเป็นแน่

สวยขนาดนี้เหตุใดถึงได้แต่งหน้าหนาเตอะจนน่าเกลียดขนาดนั้นกัน เซี่ยชูหลิงตัดสินใจไม่แต่งแต้มสิ่งใดลงไปบนใบหน้าที่สวยสดนี้ของตน

ชิงฮวนปักปิ่นปักผมสีทองแบบเรียบๆ ผสมกับชุดกงจวงที่รัดเอวคอดกิ่วของเธอทำให้เซี่ยชูหลิงขมวดคิ้วทันทีเพราะแรงกระแทกเมื่อสักครู่คาดว่าซี่โครงของเธอคงมีปัญหาแล้ว

หญิงสาวกัดฟันยืดตัวตรงขึ้นมาทันทีเธอค่อยๆ ก้าวออกมาจากประตูจวนอ๋องทีละก้าวอย่างช้าๆ ภายใต้การประคองของชิงฮวน

มู่หรงเหยียนไม่คิดที่จะนั่งรถม้าคันเดียวกันกับนางอยู่แล้ว เขาขึ้นขี่ม้าสวมเสื้อผ้าสีม่วงเข้มเช่นเดียวกับกวานหยกบนศีรษะ รูปร่างสูงตระหง่าน แม้แต่แสงแดดของวสันต์ฤดูที่สดใสก็เคล้าคลอไปกับคิ้วเรียวของเขา ทำให้คิ้วและดวงตาของเขาดูอบอุ่นขึ้น

เซี่ยชูหลิงเดินลงบันไดด้วยท่าทางสะโอดสะอง ทันทีที่มู่หรงเหยียนมองใบหน้าที่สะอาดสะอ้านของหญิงสาวคิ้วเรียวของเขาก็ขมวดเข้าหากันพลันภายในใจก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา

แต่เพียงครู่เดียวเขาก็เบือนหน้าหนีเพียงรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าของเขาเวลานี้ช่างแตกต่างจากนางในก่อนนี้ยิ่งนัก

จากหญิงสาวที่แต่งกายพะรุงพะรัง ประทินโฉมหนาเตอะ เครื่องประดับเต็มศรีษะ เวลานี้กลับดูสง่างามแต่ไม่ฉูดฉาด สดใสแต่ไม่โอ้อวด อาศัย ท่าทางที่ธรรมดาของนางทำให้ความเปล่งปลั่งของจวนอ๋องจืดชืดไปทันตา

คำกล่าวที่ว่านารีเป็นเหตุนั้นเป็นเรื่องจริง เขากระแอมเบาๆ พร้อมกับทำท่าทางขยะแขยงเช่นเดิม ก่อนจะเขย่าบังเหียนแล้วควบม้าผ่านหน้าของนางไป

เซี่ยชูหลิงได้แต่กัดฟันฝืนความเจ็บปวดเดินขึ้นรถม้าไประหว่างทางมีคนเดินถนนไปมาไม่ขาดสายและรถ ม้าต้องหยุดหลังจากขับไปได้ระยะหนึ่ง หลายคน เบียดเสียดไปมาบ้างก็ยื่นคอชะโงกมาดูทำให้การสัญจรติดขัด

แต่เพียงแค่ทุกคนเห็นตราสัญลักษณ์ของจวนอ๋องเหยียนต่างก็รีบหลีกทางให้รถม้าเคลื่อนตัว ผ่านไปราวสองเค่อ รถม้าก็ค่อยๆ ชะลอตัวและหยุดลง

เซี่ยชูหลิงค่อยๆ เปิดผ้าม่านอ๋อง สายตาของเธอก็ตกไปที่กำแพงสูงใหญ่ ดูแข็งแกร่งน่าเกรงขาม จากนั้นก็ถอนหายใจ

ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าสวรรค์จะเล่นตลกกับชีวิตของเธอ จะตายทั้งทีดวงวิญญาณกลับมาโผล่ในยุคสมัยศักดินาบุรุษอยู่เหนือสตรีเช่นนี้

นี่เหมือนเป็นการท้าทายขีดจำกัดของเธอชัดๆ

มู่หรงเหยียนนั้นลงจากหลังม้าและมอบสายบังเหียนให้ ทหารรักษาการณ์ที่ประตูพระราชวังก่อนจะเดิน เข้าไปด้านในวังโดยไม่เหลือบมองนางเลยแม้แต่นิดเดียว

รูปร่างสูงโปร่ง หน้าเชิดผึ่งผาย เวลาเดินก็ส่งเสียง เซี่ยชูหลิงที่ได้รับบาดเจ็บค่อยๆ เดิน เกาะกำแพงไปทีละนิดๆ อย่างยากลำบากเธอเจ็บ จนเหงื่อออกทั่วร่าง

มู่หรงเหยียนทิ้งเธอและชิงฮวนเอาไว้ด้านหลังด้วยสีหน้าไม่พอใจ

ในความคิดของเขา บาดแผลบนร่างกายของนางก็เป็นเพียงแค่ฟกช้ำเท่านั้น เมื่อครู่เขาไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด เขาเชื่อว่า ผู้หญิงคนนี้แต่งงานเข้าจวนอ๋องอย่างไร้ยางอาย

ทั้งที่เขานั้นได้ขอถอนหมั้นไปถึงสองครั้งในก่อนหน้านี้นางกลับดื้อดึงจะแต่งเข้ามาให้ได้ จนเกิดเรื่องน่าอับอายทำร้ายชายารองในงานแต่งงาน

เขาเป็นใครกัน เขาเป็นถึงท่านอ๋องแห่งแคว้นฉีเทียนพระโอรสสายตรงที่เกิดกับฮองเฮาเชียวนะ จะให้เขาแต่งงานกับสตรีร้ายกาจไร้ยางอายเช่นนี้ได้อย่างไร

นี่ก็คงเป็นอุบายที่ต้องการจะเล่นเล่ห์กับเขา ตอนนี้มาถึงพระราชวังแล้วก็คงจะตื่นตระหนกจึงได้เดินเอื่อยเฉื่อยแบบนั้น

เขาไปที่วังจรุงจิตที่ฮ่องเต้ประทับอยู่แต่ ฮ่องเต้ไม่ได้ประทับอยู่ที่นั่น ขันทีบอกกับเขาว่า เวลานี้ฝ่าบาทว่าราชการกับเหล่าขุนนางหากท่านอ๋อกับพระชายาเสด็จเข้าวังมาให้ท่านสองพระองค์ไปถวายน้ำชาแด่ฮองเฮาเสียหน่อย

เมื่อได้รับรายงานเช่นนั้นเขาก็หันปลายเท้าไปอีกทางไปที่พระตำหนักเฟิงหยีของฮองเฮาในทันที ฝูกงกงที่คอยรับใช้ฮองเฮาเห็นคนทั้งสองเดินมาแต่ไกลก็รีบเข้าไปรายงาน

แม้ว่าพวกท่านจะอยู่ในวังแต่ก็หูตาว่องไว เรื่อง วุ่นวายที่เกิดขึ้นที่จวนอ๋องหยวนเมื่อวันก่อก็คงจะรู้เรื่องแล้วดังนั้นจากการคาดการณ์คงคิดว่าวันนี้ถึงอย่างไรคนทั้งสองก็จะต้องเข้าวัง

แต่ครั้นเมื่อใกล้จะถึงวังเฟิงหยีมู่หรงเหยียนก็หันกลับมาใบหน้าของเขามืดมนมากกว่าเดิม ใบหน้าคมของเขาดูเรียบนิ่งราวกับพายุที่กำลังก่อตัว ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่นไม่พูดไม่จายืนรอนางอยู่อย่างนั้น

เซี่ยชูหลิงไม่พูดไม่จา เวลานี้เธอตามหลังเขาอย่างเลื่อนลอย แทบจะเดินวนรอบตำหนัก กว่าจะถึงตำหนักเฟิงหยีที่ฮองเฮาประทับอยู่

เหงื่อเย็นไหลย้อยจนเสื้อผ้าของเธอเปียกชื้น ปอยผมก็เปียกแนบติดไปกับหน้าผากดูแล้วน่าเวทนาเป็นอย่างมาก

ฝูวกงกงได้ออกมาเชิญทั้งสองคนเข้ามาในพระตำหนักด้วยความเคารพ เวลานี้ฮองเฮาประทับอยู่บนพระที่นั่งที่รายล้อมไปด้วยไข่มุกเขียวมรกต ท่วงท่าสง่างามสูงส่ง เมื่อนางเห็นเซี่ยชูหลิงก็ยกยิ้มขึ้น “มาแล้วเหรอ”

เซี่ยชูหลิงชำเลืองมองมู่หรงเหยียนเพื่อถวาย บังคมฮองเฺฮา เมื่อเหลือบตาขึ้นก็เห็น เพียงรองเท้าปักลายดอกซิ่งสีชมพูของพระนาง

ฮองเฮาทรงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แม่นมที่อายุมากกว่าเล็กน้อยยืนอยู่ข้างหลังนาง ทักทายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม "หม่อมฉันขอแสดง ความยินดีกับท่านอ๋องและพระชายา"

ฮองเฮานั้นหรี่เนตรคมของนางลงตรัสเบาๆ พลาง เคาะโต๊ะด้วยเล็บที่ทาด้วยสีดอกเทียนบ้าน "สมรสมาร่วมเดือนพวกเจ้าสองคนเพิ่งจะเข้าวัง นี่ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรกันหรอกนะ? "

เซี่ยชูหลิงไม่ได้ไม่แยกแยะอะไร เมื่อวันก่อนที่เธอทำเรื่องวุ่นวายในงานแต่งของเหยียนอ๋องกับชายารองก็ถือว่าไม่มงคลแล้ว ทั้งยังทำให้จวนอ๋องเสื่อมเสีย แม่สามีคนนี้คงจะไม่ชอบขี้หน้าเธอมากแน่ๆ เลย

........

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel