บทที่ 2 มาเฟียเลี้ยงต้อย (3) จบตอน
“ทำอะไรอยู่ตรงนั้น เข้ามานี่สิ” เสียงทุ้มต่ำโพล่งขึ้น แต่มันมีความแหบพร่าเจืออยู่นิดๆ เนื่องจากได้รับแรงกระตุ้นมาจากคาสิโนแล้ว พิมแก้วสั่นหน้าหวือ เธอก้มหน้าลงมองร่างกายตัวเอง เมื่อเห็นว่าชุดนั้นเปิดเผยผิวมากเกินไปก็หวั่นผวา รีบยกมือมากอดตนเองไว้แน่น
“ชายเมืองแขกขาว... มิใช่สิคุณสาม ได้โปรดอย่าทำกระไรเราเลย เรามิเคยผ่านมือชายใด มิรู้วิธีจักปรนเปรอท่านดอกเจ้าค่ะ”
วิธีการพูดที่แปลกประหลาดหลุดออกมาจากปากเธออีกครั้ง สามก๊กไม่รู้ว่าเธอไปเรียนมาจากไหนถึงรู้คำในสมัยโบราณมากขนาดนี้ ถ้าจะเป็นคนสติไม่ดี ก็คงเป็นคนสติไม่ดีที่ชอบอ่านประวัติยุคกรุงศรีอโยธยาจนหลอนเป็นเพ้อเป็นพกออกมาเหมือนเป็นคนยุคนั้น
สมัยนี้จะมีหรือ คนที่ย้อนอดีตมาแบบในหนังหรือละคร ตลกเกินไป
ชีวิตเขาอยู่แต่กับพระกับศาสนา มากกว่านั้นคืออยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง
ชายหนุ่มสั่นหน้าเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่เดินเข้าไปหลบที่หลังม่านที่อยู่ใกล้บานหน้าต่างใหญ่ที่มองลงไปด้านล่างได้ถนัด เขาคิดว่าหล่อนคงไม่ก้าวเข้ามาก็ต่อเมื่อตนนั้นก้าวเข้าไปเอง จึงตัดสินใจขยับรองเท้าหนังจระเข้มันวาวเข้าใกล้หล่อนที่อยู่หลังผ้าม่าน
“เฮือก!” เจ้าตัวเล็กสะดุ้งโหยง เอาหน้ามุดผ้าม่านหนาที่แทบจะปิดตัวเอไม่มิด จนโดนฝ่ามือหนาของสามก๊กดึงมันออก ปรากฏความงดงามเต็มตา ท่ามกลางแสงแดดจ้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านบานหน้าต่าง
เด็กสาวนั้นสวยจนแทบปฏิเสธไม่ได้ว่ากระตุ้นโสตประสาทความรับรู้ทางเรื่องเพศให้ตื่นได้ดี เธอในชุดสายเดี่ยวคอเสื้อแหวกต่ำ ผ่าหน้าผ่าหลัง ผ่าขานั้นสวยจนไม่มีที่ติ พาลทำให้กายแกร่งของสามก๊กนั้นเกร็งเครียด
การถุกกระตุ้นโดยที่รู้ตัวว่ามันจะไม่สำเร็จดั่งใจหวัง มันช่างทรมานเหลือเกิน
ปึง!
“อ๊ะ!” เสียงหวานหวีดร้องในลำคอเมื่อคนตัวใหญ่กว่ายันและดันเธอจนไปชิดกับบานหน้าต่างใหญ่ดังปึง แดดร้อนลามไล้แผ่นหลังนวลเนียนจนเธอหยีตา คุณสามหรี่ตาลงมองใบหน้าของหล่อนที่แต่งเติมเมคอัพไปเพียงน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังดูสวยพิฆาตสิ้นดี
“อย่ามาว่ากูโหดร้ายแล้วกัน ในเมื่อเธอยั่วยวนกูก่อน” ริมฝีปากหยักลึกขยับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแหบต่ำเย้ายวน ใบหน้าของเด็กสาวเหรอหราและขึ้นสีเลือดฝาด ยิ่งเขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ในขณะที่เธอจนมุมอยู่แบบนี้ สาวเจ้ายิ่งหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
ตึกตัก ตึกตัก
ริมฝีปากนั้นอยู่เพียงเอื้อม ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้าของหล่อนอย่างตั้งใจ ออพิมแก้วนั้นแสนตื่นตะลึง เพราะนี้เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่อยู่ใกล้ชิดกับบุรุษได้ถึงขนาดนี้โดยไม่มีเจ้าคุณพ่อมายืนคุมเชิง
กะ... ใกล้จักได้จุมพิตกันแล้ว
ก็อกๆ !
“นายครับ คุณเอมมิกามาขอพบครับ”
ทว่า
เสียงเคาะประตูอย่างมีมารยาทที่มาพร้อมกับทุ้มต่ำของลูกน้องที่ขัดขึ้นกะทันหันระหว่างที่ปากใกล้จรดเด็กสาวอายุสิบแปดปี ก็ทำให้คุณสามผละออกจากเธอทันควัน การหักห้ามใจกับความทรมานที่แสนหอมหวานนี้ทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้จูบเด็กสาวตรงหน้าไปจริงๆ
เธอยังคงเผยอปากค้าง มองคุณสามที่ขยี้ผมของตนเองจนยุ่งเหยิงจากที่เซ็ตมาจนเนี๊ยบอย่างหัวเสีย
แกรก
“เอ่อ... คุณเอมมิกามาขอพบครับนาย” ลูกน้องอ้ำอึ้งไปเมื่อเห็นว่าทันที่ที่นายของเขาเปิดประตูออก สภาพของคนข้างในทั้งสองดูแปลกนัก เหมือนเพิ่งผ่านอะไรชวนจั๊กจี้ใจมาก็ไม่ปาน
สามก๊กนวดหัวคิ้วตัวเองพลางตบบ่าเขาเบาๆ
“ขอบใจมาก”
ขอบใจ... เรื่องอะไรครับคุณสาม!
ลูกน้องหน้าเหี้ยมคนนั้นที่เผลอมาขัดจังหวะคิดไปไกลแสนไกลเสียแล้ว
“บอกเธอให้รอฉันสวดมนต์ก่อน”
สามก๊กพูดกับเมดสาวให้ไปบอกหญิงสาวผู้มาใหม่คนนั้น ก่อนที่จะผละไปเข้าห้องพระอย่างไม่ใยดี
เพราะ ‘เอมมิกา’ คือชื่อของเมียคนแรกของเขาที่มีลูกด้วยกัน แต่ลูกสาวนั้นถูกทำแท้งตั้งแต่ยังไม่คลอดด้วยซ้ำ เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นสาวสังคมสมัยใหม่ พอเห็นผู้ชายคนไหนดีกว่า ก็พร้อมแจ้นไปหา โดยทิ้งให้เขาที่เต็มไปด้วยความหวังว่าจะได้มีลูกกับคนที่รัก จมอยู่กับความทุกข์ทรมานที่เสียลูกสาวคนแรกในชีวิตมานานนับปี
อดีตของเธอน่ะ ไม่น่าจดจำนักหรอก ที่มาหาครั้งนี้ ก็คงเพราะตอนนี้ธุรกิจของเขากำลังไปได้ดี และเธอก็ถูกผู้ชายคนนั้นทิ้งมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่ที่เป็นแบบนี้ โดยที่เธอจะเลือกมาหาเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายเสมอ
ราวกับของตาย
เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากไว้หน้าสักเท่าไหร่น่ะสิ
ถึงจะเจ็บปวด เคียดแค้นกับสิ่งที่เอมมิกาทำกับเขาไว้มาก แต่เพราะสามก๊กนั้นเป็นผู้ชายที่ยึดติดกับอดีต กลายเป็นว่าเขาเองนี่แหละที่ชอบทำตัวเหมือนของตายให้เธอมาย่ำยีจิตใจไม่เว้นแต่ละวัน
ทางฝ่ายเอมมิกานั้นก็ไม่พอใจอย่างแรงที่ชายคนนั้นหยามหน้าเธอขนาดนี้ อุตส่าห์มารอเพื่อมาคุยเรื่องความสัมพันธ์ที่คาราคาซังกันเนิ่นนาน (หลังจากทิ้งเขาไปหาเศรษฐีคราวพ่อที่รวยกว่า แถมยังจับแต่งานสะอาดผิดกับสาม) เธอไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากอาละวาดจนกว่าสามจะลงมา
“แกไปตามสามมาให้ฉันเดี๋ยวนี้ จะสวดมนต์หรืออะไรฉันไม่สน บอกสามด้วยว่าอย่าเล่นลิ้น ฉันต้องการเจอเขาเดี๋ยวนี้!!”
