บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ฉันอยู่ที่ไหน

ตอนที่จันทร์วาดได้สติเธอก็นอนกอดหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ เสียงฟ้าร้องทั้งฟ้าผ่าดังเปรี้ยง ๆ รอบกายของเธอไม่ได้มืดมิด ยังมีแสงสลัว ๆ ส่องสะท้อนทำให้พอมองเห็นได้ชัดเจน

จันทร์วาดลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ อย่างมึนงง เธอกำลังนั่งอยู่บนพื้นไม้กระดานขัดเงาวับ และรอบ ๆ ห้องนี้ก็ล้วนเป็นไม้ไม่ใช่ห้องปูนในคอนโดห้องสตูดิโอขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กของเธอ

“นะ นี่มันอะไรกัน”

หญิงสาวลุกพรวดขึ้นมา เธอจ้องไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ ด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

“หรือว่าฉันจะฝันไป”

จันทร์วาดหยิกเข้าที่แขนของตัวเองทันใด

“โอ๊ย เจ็บ”

“ให้ตายเถอะ ฉันเจ็บ เจ็บได้ยังไง นะ นี่ไม่ใช่ฝันเหรอแล้วฉันอยู่ที่ไหน”

หัวใจของจันทร์วาดเต้นแรงแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว แต่แล้วสายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับสิ่งที่เธอคิดว่าคุ้นเคย

แจกันใบใหญ่สีขาวที่มักจะปักดอกไม้นานาชนิดเอาไว้เสมอ เธอเคยจินตนาการว่าแจกันนั้นจะมีลวดลายอื่นหรือเปล่าเพราะมีใครบางคนหวงแจกันใบนี้นัก

คนคนนั้นก็คือ คุณหลวงอัครเดช

จันทร์วาดตกใจจนปากสั่น เธอก้มลงมองหนังสือนิยายที่ตัวเองถืออยู่และในตอนนั้นเธอก็เปิดบทที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว

บทที่ 1 ห้องคุณหลวง

ในห้องของคุณหลวงล้วนเต็มไปด้วยกองหนังสือเล่มใหญ่อยู่หลายกอง และยังมีเก้าอี้ใหญ่ตัวหนึ่งที่คุณหลวงชอบนั่งริมหน้าต่าง เมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นสถาปัตยกรรมไทยผสมจีนปะปนกันอย่างอ่อนช้อย

บริเวณใกล้หน้าต่างยังเห็นแจกันสีขาวขนาดใหญ่ที่เพื่อนชาวฝรั่งของคุณหลวงมอบให้มา

จันทร์วาดปิดหนังสือตัวสั่นระริก เธอรู้สึกกลัวจับใจพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และแน่นอนว่าเธอเห็นทุกอย่างตามที่หนังสือนิยายนี้บรรยายกับตา

จันทร์วาดเข่าอ่อนและล้มพับลงไปนั่งกับพื้นในทันใด

“นี่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

หญิงสาวรู้สึกกลัวจนไม่กล้าขยับ กระทั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้นตามด้วยเสียงของฟ้าผ่าจันทร์วาดหวาดผวาเผลอกรีดร้องออกมา

“กรี๊ด”

เงาตะคุ่มสายหนึ่งผ่านหน้าของจันทร์วาดไปแล้วของเย็นยะเยือกบางสิ่งบางอย่างก็พาดเข้าที่ลำคอของเธอ พร้อมกับเสียงตะคอกถามของใครคนหนึ่ง

“หล่อนเป็นผู้ใด เข้ามาได้อย่างไร”

จันทร์วาดเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตื่นตะลึง เขาเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาคมคายและตัวสูงใหญ่ร่างทั้งร่างดูแน่นขนัดเต็มไปด้วยกล้ามอันงดงาม

เขาไม่ได้สวมเสื้อใส่เพียงกางเกงผ้าแพรอย่างสบายเปิดเปลือยท่อนอก อวดรูปร่างเหมือนในหนังสือบอกไว้ยังไงยังงั้น

“คุณหลวงอัครเดชเหรอคะ”

จู่ ๆ เธอก็โพล่งชื่อเขาออกไป แน่นอนว่าตอนพูดนั้นไม่ได้มั่นใจว่าเป็นเขาร้อยเปอร์เซ็นต์

เขาเอ่ยเสียงเย็น

“หล่อนรู้จักชื่อฉันด้วยหรือ”

จันทร์วาดย้ำชัดถึงความรู้ของตัวเอง

“แน่ล่ะ คุณหลวงชื่อหลวงอัครเดช มีพี่ชายสองคนคุณหลวงอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับแม่และพ่อพี่ชายทั้งสองรับราชการแต่งงานแยกไปปลูกบ้านที่อื่นแล้ว”

หลวงอัครเดชยกมุมปากเล็กน้อย

“เรื่องนี้ผู้ใดก็ย่อมรู้ หล่อนยังมาทึกทักว่ารู้จักฉันดีได้อย่างไร”

“อา จริงสินะ ฉันถูกดูดเข้ามาจริง ๆ ด้วย”

เมื่อเจ้าตัวยืนยันหนักแน่นว่าเขาคือคุณหลวงอัครเดชจริง จันทร์วาดตีตัวเองอีกครั้ง ยังลงน้ำหนักมือแรงกว่าเดิม

คราวนี้ชัดแล้วชัดยิ่งกว่าสัญญาณห้าจี เธอเจ็บของจริง

“เจ็บ ๆ ๆ”

“พึมพำอะไรของหล่อน ท่าทางพิลึกพิลั่น หล่อนเป็นผู้ใด ไยจึงมาอยู่ในห้องของฉัน” เขาเพ่งมองใบหน้าที่ดูงามประหลาด ทั้งยังมีเรือนผมยาวผิดกับผมของแม่หญิงอื่นที่ล้วนตัดสั้นเป็นทรงพุ่ม

ผิวพรรณนี้ดูอย่างไรก็ไม่ใช่พวกไพร่ แม้ท่าทางจะประหลาดก็น้ำเสียงฉะฉาน เวลาพูดยังกล้าจ้องหน้าเขาผิดกับบ่าวไพร่ทั่วไปที่ไม่กล้าจะเงยหน้าสบตากับเจ้านายหากไม่ได้สั่งหรือคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

แม่หญิงคนนี้ยังแต่งกายประหลาด มีเพียงผ้าหนา ๆ สีขาวคลุมกายเท่านั้น มิใช่ชุดโจงกระเบนผ้าคาดอกเหมือนเครื่องแต่งกายแบบสตรีอื่น

หรือจะเป็นแม่หญิงที่อยู่ในโบสถ์ คนที่พวกมิชชันนารีสั่งสอน คุณหลวงประเมินจันทร์วาดและคิดในหัวอย่างรวดเร็ว

จันทร์วาดจ้องหน้าคุณหลวงแล้วพูดอย่างจริงจังว่า

“ฉันอธิบายไม่ถูกค่ะ แต่ว่าฉันรู้จักคุณหลวงอย่างดีเลยค่ะ ยังเอาคุณหลวงมานอนฝันว่าถ้ามีตัวตนจะเป็นคนยังไงนะ แต่ก่อนอื่นเอาของนี่ออกจากคอฉันก่อนได้หรือเปล่าคะ ฉันไม่ใช่คนร้ายจริง ๆ ค่ะ สาบานได้”

จันทร์วาดค่อย ๆ ผลักไม้ตะพดออกจากคอของตัวเอง เขาจ้องมองแม่หญิงร่างเล็กที่เห็นชัดว่าหน้าอกไม่เล็กด้วยสายตาดูฉงน

คุณหลวงย่อมคุ้นเคยกับแม่หญิงคนงามมามาก กระทั่งสตรีชั้นเจ้าเขาก็พบเห็นบ่อยทว่าต้องยอมรับว่าแม่หญิงผู้นี้งดงามแปลกตา ผิวพรรณยังขาวผ่องเหมือนพวกฝาหรั่งเสียอีก

“เป็นพวกมิชชันนารีหรือ”

จันทร์วาดมองเขาตาแป๋ว

“ไม่ใช่ค่ะ แต่ฉันอธิบายได้เอาไม้นี่ออกไปก่อนนะคะ”

เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้ว คุณหลวงเห็นว่าเธอเป็นแค่แม่หญิงที่อ่อนแอไม่มีอันตรายอันใด จึงยอมดึงไม้ออกจากลำคอขาวโดยดี

จันทร์วาดพ่นลมหายใจยาวออกมา ดีที่เป็นแค่ไม้ตะพดอันหนึ่งไม่ใช่ดาบไม่ยังงั้นจันทร์วาดคงเสียสติไปแล้วแน่ ๆ

“ฉันยังไม่รู้ว่าหล่อนเป็นใคร บุกรุกมายามวิกาลแล้วยังแต่งกายประหลาดเยี่ยงนั้น หากไม่ใช่คนของมิชชันนารีหรือว่าจะติดตามผู้ใดมาจากเมืองเหนือหรือ ผิวพรรณของหล่อนจึงไม่เหมือนคนแถวนี้”

สายตาของคุณหลวงไม่ใช่เล่น เวลามองคนทำเอาจันทร์วาดรู้สึกใจสั่นระรัว

แต่แล้วเธอก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้มองเธอแบบนี้ นั่นก็เพราะเธอสวมเสื้อคลุมไว้หลวม ๆ และยังไม่ได้ผูกสายคาดเสื้อคลุมด้วยซ้ำก่อนที่จะถูกดูดมาที่นี่

ตอนนี้เต้ากลม ๆ ของเธอยังโผล่ออกมาต้อนรับสายตาที่รุ่มร้อนคู่นั้นเสียด้วย

คุณหลวงในนิยายเป็นผู้ชายหื่นกามที่เหย่อยิ่งไม่น้อย ถึงเขาจะเป็นคนหื่นนอกจากเมียของเขาทั้งสี่คนแล้วเขาไม่เคยมองบ่าวคนอื่นแม้ว่าบ่าวพวกนั้นจะชอบให้ท่าเขาแค่ไหนก็ตาม

แต่คุณหลวงตัวจริงกลับดูเคร่งขรึมท่าทางสำรวมไม่ได้มีดวงตาเจ้าชู้ตามที่หนังสือบรรยายเลยแม้แต่น้อย

เขาจ้องเธออย่างเปิดเผยแต่ในขณะเดียวกันสายตานั้นก็แฝงความดูแคลนเอาไว้อย่างชัดเจน

เธอเองก็มองเขาราวกับเขาเป็นตัวประหลาด จ้องเอา จ้องเอา พร้อมกับคิดวิเคราะห์ไปต่าง ๆ นานา

นี่เป็นครั้งแรกที่หลวงอัครเดชถูกแม่หญิงจ้องมองเช่นนี้เขาจึงรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว ใบหูยังแดงระเรื่อ

“หล่อนจะเลิกจ้องฉันได้หรือยัง”

“คุณหลวงอัครเดชจริง ๆ ใช่หรือเปล่า”

คนถามดูเหมือนพึมพำกับตัวเองไม่ได้ตั้งใจที่จะถามออกมา แต่คนตอบก็ยืดอกตอบด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ฉันก็คือฉันหล่อนจะถามย้ำกี่ครั้งก็ยังเป็นฉัน”

ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือฝัน ตอนนี้คนที่เป็นที่พึ่งให้เธอได้ก็คือคุณหลวงอัครเดชคนนี้ พระเอกที่เป็นคนวางท่าแต่ว่าเป็นคนจิตใจดีไม่น้อย

“เมื่อรู้แล้วก็เลิกจ้องมองเสียที”

จันทร์วาดหัวเราะคิก เมื่อเห็นว่าใบหน้าของคุณหลวงคนนี้แดงเล็กน้อย

“ก็คุณหลวงหล่อนี่คะ หล่อกว่าที่หนังสือบรรยายไว้เยอะเลย”

“อย่าพูดจาเลื่อนเปื้อน เหลวไหล”

“จริง ๆ ค่ะ”

“ฉันไม่รู้ว่าหล่อนเข้ามาได้อย่างไร แต่ประเดี๋ยวจะเรียกให้คนไปส่ง บ้านช่องอยู่ที่ใดหรือจึงได้หลงทางมาที่นี่ พวกบ่าวไพร่ก็กระไรไยปล่อยให้หล่อนเข้ามาในเรือนนอนของฉันได้”

ก่อนหน้านี้คุณหลวงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องหนังสือกระทั่งดึกดื่นจึงกลับเข้ามาในเรือนเพื่อพักผ่อนกระทั่งได้พบแม่หญิงนางนี้

จันทร์วาดรีบลุกขึ้น เธอจัดการผูกเสื้อคลุมของตัวเองจนแน่นหนาแล้วจับแขนของเขาเอาไว้

หลวงอัครเดชรีบดึงมือของตัวเองออกอย่างถือตัว แต่จันทร์วาดกลับจับนิ้วของเขาแน่น เขาคิดจะดึงออกแต่เมื่อเห็นว่านิ้วเรียวของของแม่หญิงผู้นี้กลายเป็นสีแดงก็คิดว่าหล่อนอาจจะเจ็บจึงปล่อยให้ตนเองถูกลวนลาม

จันทร์วาดยังวิงวอน

“คุณหลวง ฉันไม่ใช่คนแถวนี้จริงค่ะ ฉันไม่มีบ้านให้กลับอย่าให้ใครมาเจอฉันเลยนะคะ ฉันไม่มีที่ไปจริง ๆ”

“ไม่มีบ้านหรือ”

“ค่ะไม่มีจริง ๆ”

“หล่อนคงมาจากทางเหนือกระมัง”

จันทร์วาดส่ายหน้ารัวเร็ว

“ไม่ใช่ค่ะ ฉันคือฉันหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง โอ๊ย จะบอกยังไงล่ะ คุณหลวงให้ฉันไปไม่ได้นะคะ คิดดูสิคะว่าตอนนี้ฝนตกหนัก ยังเป็นเวลาดึกดื่นมืดขนาดนี้ฉันจะมาที่นี่ได้ยังไง”

“นั่นน่ะสิ เรื่องนี้ฉันก็แปลกใจยิ่งว่าหล่อนมาด้วยวิธีใด หรือว่าจะร่ำเรียนวิชาสะเดาะกลอนมา”

จันทร์วาดรีบลนลานส่ายหน้าเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ คอของเธอจะเคล็ดหรือเปล่านะ

“ไปกันใหญ่แล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ขุนแผนนะคะ ไม่มีอาคมอะไรที่ว่าหรอกนะคะ คือว่า คุณหลวงนั่งลงฟังฉันพูดก่อนนะคะ ฉันขอร้อง ฉันจะค่อย ๆ เล่าให้ฟังค่ะ”

สำเนียงของแม่หญิงผู้นี้ดูแตกต่าง ถึงหล่อนจะพูดภาษาเดียวกับเขาทว่าคุณหลวงกลับรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างหรือคำบางคำที่แปลกใหม่ เป็นคำพิกลที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

และที่สำคัญเขาคิดว่าน้ำเสียงนี้ช่างรื่นหูชวนฟังเหลือเกิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel