บทที่ 2 ทะลุมิติ
ข้าน้อยขอเป็นติ่งพระรอง บทที่ 2 ทะลุมิติ
เมื่อภัทราลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอรู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาในทันที สองมือยกขึ้นบีบขมับเพื่อบรรเทาอาการปวดดังกล่าว สายตามองจ้องไปยังเพดานที่ดูแปลกตา เพดานที่เห็นไม่ใช่เพดานเรียบของห้องนอนของเธอ แต่กลับเป็นเพดานที่ประดับด้วยลวดลายไม้แกะสลักซับซ้อน
ภัทรารีบชันตัวลุกขึ้น ดวงตาหรี่เล็กลงพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดกันเป็นปมอย่างรู้สึกแปลกใจที่พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องนอนของเธอ แต่กลับนอนอยู่บนเตียงที่ประดับด้วยผ้าปักลายดอกโบตั๋นละเอียดอ่อน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกำยานลอยโชยมาแตะจมูกสร้างความแปลกประหลาดใจเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ
ภัทรามองไปรอบๆ ตัวด้วยความงุนงง ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นเพื่อสำรวจไปรอบๆ บริเวณดังกล่าว เท้าเปล่าสัมผัสกับพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ภายในห้องประดับตกแต่งคล้ายเรือนนอนในละครจีนโบราณที่เธอดูอยู่บ่อยๆ รอบตัวมีข้าวของและเครื่องประดับโบราณอันดูสวยงามและมีมูลค่าเรียงรายอยู่อย่างสมบูรณ์แบบ โต๊ะเขียนหนังสือไม้เนื้อดีตั้งอยู่ริมหน้าต่าง ด้านบนมีพู่กันวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ข้างๆ กันนั้นมีกระจกทองเหลืองตั้งอยู่
แต่แล้วภัทราก็ต้องสะดุดกับเงาสะท้อนในกระจกทองเหลืองที่ตั้งอยู่ด้านข้างของมุมห้องด้วยสายตาที่ตกตะลึง ภาพในกระจกไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคยของเธอ แต่เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่มีผิวขาวนวล ใบหน้ากลมมน และดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่กลับฉายแววประหลาดใจจนเกินบรรยาย ริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเผยอออกเล็กน้อยราวกับกำลังเพ้ออย่างคาดไม่ถึง
“นี่มัน...ฉันหรือ” ภัทราอุทานเบาๆ แล้วรีบยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าไปมาอย่างตื่นตระหนก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะความคิด ภัทรารีบหันไปทางต้นเสียง ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกอย่างเบามือ หญิงสาววัยดรุณีในชุดแพรต่วนสีเทาอ่อนเดินเข้ามาอย่างนอบน้อม
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ใกล้จะได้เวลาพิธีปักปิ่นแล้วเจ้าค่ะ นายท่านกับฮูหยินให้บ่าวมาตามคุณหนู แขกเหรื่อล้วนทยอยมาในจวนจนครบแล้ว คุณหนูรีบไปที่ห้องโถงเถิดเจ้าค่ะ”
คำกล่าวที่ดูแปลกตากับหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังเอื้อนเอ่ยด้วยความนอบน้อมทำให้ภัทรารู้สึกเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ เธอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความงุนงงและชะงักค้างไปในทันที
“ท่านพูดสิ่งใดนะ” ภัทราถามด้วยความประหลาดใจอีกหน ราวกับตนเองกำลังอยู่ในห้วงฝัน
“คุณหนูใหญ่เป็นอันใดเจ้าคะ ไม่สบายตรงไหนหรือไม่” หญิงสาวตรงหน้ารีบปรี่เข้ามาตรงด้านหน้าภัทรา พร้อมเพ่งมองด้วยความเป็นห่วง
ภัทรากัดริมฝีปากพยายามตั้งสติ เธอคิดว่าเธออาจกำลังฝันหรืออาจเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากความเครียดสะสม “คุณหนูใหญ่...ท่านเรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่หรือ” ภัทรายังคงถามอย่างงงงวย
“คุณหนูใหญ่อย่าล้อเล่นกับบ่าวเช่นนี้สิเจ้าคะ...คุณหนูกำลังทำให้บ่าวกลัวนะเจ้าคะ” เสียงร้อนรนที่ดังอย่างตื่นตระหนกทำเอาภัทราถึงกับพ่นลมหายใจออกมา
“เอ่อ...คือ...เฮ้อ...เอาเป็นว่าข้ารู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเลยทำให้ความคิดสับสนไปหน่อย...ท่านบอกข้าหน่อยสิว่าข้าชื่ออะไร”
“คุณหนู...คุณหนูชื่อเจียงอันเล่อ เป็นบุตรสาวของท่านโหวเจียงเสิ่นเย่วกับฮูหยินไงเจ้าคะ...หรือว่า...หรือว่าคุณหนูความจำเสื่อม...ข้าจะตามหมอมาเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน...หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ...ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น...ขอเวลาข้าคิดสักครู่หนึ่งก่อน” ภัทรารีบตะโกนห้ามเอาไว้ ก่อนจะเดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่ายด้วยความร้อนรน “เจียงอันเล่อ...นี่ฉันอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ บุตรสาวเจียงเสิ่นเย่วหรือ” ภัทราพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
ความทรงจำจากนิยายผุดขึ้นในหัวราวกับสายธารที่ไม่หยุดไหล เจียงอันเล่อคือบุตรสาวคนเดียวของเจียงเสิ่นเย่ว ท่านโหวผู้ทรงอิทธิพลในแคว้น ทว่าเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูงและคิดเพ้อแต่สิ่งที่หล่นหายไปแล้ว ทำให้สุดท้ายชะตากรรมของคนสกุลเจียงถึงกับต้องมอดม้วย แถมยังลากเอาหานอี้หลง พระรองในดวงใจของเธอพลอยตกต่ำไปด้วย
“นี่ฉันหลุดเข้ามาในนิยายจริงๆ หรือ...หรือว่าเป็นแค่ความฝัน” ภัทราเพ้อออกมาก่อนจะรีบยกมือขึ้นหยิกแขนของตนเองอย่างแรง
“โอ๊ย...เจ็บ” ภัทราอุทานออกมาเมื่อเนื้อขาวนวลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจ้ำ “ไม่ใช่ฝัน...แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดีละเนี่ย”
หญิงสาวคนดังกล่าวยืนมองเจียงอันเล่ออย่างตกตะลึงกับท่าทีที่ดูแปลกตาราวกับนางกำลังถูกผีร้ายเข้าสิง
“คุณหนูใหญ่...ให้บ่าวตามหมอเถิดเจ้าค่ะ...หรือจะให้บ่าวไปเรียนนายท่าน”
“เจ้าอย่าได้ปริปากเรื่องนี้เป็นอันขาด” ภัทรารีบหันมาตวาดใส่นางในทันที ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้งอย่างต้องการตั้งสติ
“เจ้าชื่ออะไร...มานั่งตรงนี้ ข้ามีเรื่องอยากสอบถามเจ้า”
“บ่าว...หลีอันไงเจ้าคะ เป็นบ่าวรับใช้คุณหนู...คุณหนูจำไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ”
“เอาละหลีอัน...ตอนนี้ข้าคิดอันใดมิค่อยออกนัก เจ้าช่วยเล่าเรื่องของข้าและสกุลเจียงให้ฟังอย่างละเอียดที”
หลีอันเบิกตากว้างอย่างตะลึงค้าง แต่เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของเจียงอันเล่อ นางก็รีบคุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมกับเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้นายหญิงของตนฟังในทันที
ภัทราร้อยเรียงเรื่องราวต่างๆ ผสานกับเนื้อหาในนิยายที่เธออ่านจนแทบจะจดจำได้ขึ้นใจ จนได้รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในช่วงอายุสิบห้า กำลังจะเข้าพิธีปักปิ่นซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่หานอี้หลงจะพบเจอเคราะห์กรรมในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
ภัทราใช้เวลารวบรวมสติและตัดสินใจแน่วแน่ เธอจะไม่ยอมให้หานอี้หลงต้องเผชิญชะตากรรมอันแสนเศร้าตามที่เธออ่านมาในนิยายเด็ดขาด ในเมื่อโชคชะตานำพาให้เธอมาอยู่ที่นี่ เธอก็จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมนี้ให้ได้
“หานอี้หลง ฉันจะช่วยคุณเอง ฉันจะไม่ยอมให้คุณตกอยู่ในชะตากรรมที่เลวร้ายนั้นอีกแล้ว” ภัทราพูดกับตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่นและตั้งใจ
ภารกิจพิทักษ์พระรองจึงเริ่มต้นขึ้นในโลกของนิยายที่เธอหลุดเข้ามา พร้อมกับความหวังที่จะเปลี่ยนบทสรุปของเรื่องราว และปกป้องชายในดวงใจของเธอจากชะตากรรมที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าวให้ได้ในที่สุด
