ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ

58.0K · จบแล้ว
Ranadda , ณัฐสุดา , สาวก หวังเซียว
25
บท
5.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

จะเป็นยังไงหากคุณเสียชีวิต แล้วหลุดเข้าไปเป็นตัวละครในนิยายที่คุณเป็นคนสร้างมันขึ้นมา ชีวิตที่สุดแสนพิศดารของ ' เยว่เสี่ยวซือ ' นักเขียนสาวไส้แห้ง ที่ต้องต้องเผชิญวิบากกรรมด้วยการหลุดเข้าไปในนิยายที่ตัวเองเป็นคนเขียน ด่านเคราะห์สวรรค์กระหน่ำซ้ำซ้อนอย่างต่อเนื่อง เมื่อเธอดันข้ามภพมาเป็นฮูหยินของแม่ทัพหนุ่ม ' หยางเฟยฉี ' ตัวร้ายในคราบของพระเอก ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลมีอำนาจล้นฟ้าจากการให้ท้ายของฮ่องเต้ หรือที่คนในยุคปัจจุบันขนานนามว่า ' มาเฟีย ' นั่นแหล่ะ เย่วเสี่ยวซือจะทำเช่นไร เมื่อการข้ามภพมาในครั้งนี้จากต่างจากบทละครในนิยายที่เธอเขียนไว้ราวฟ้ากับเหว อยากกลับไปยังโลกที่เธอจากมาก็ทำไม่ได้ ให้ดำเนินเรื่องต่อไปตามในนิยายก็สุดแสนจะลำบาก ด่านเคราะครั้งนี้ทำไมช่างหนักหนาสาหัสสากรรจ์ขนาดนี้ !

รักหวานๆนิยายจีนโบราณนิยายรักโรแมนติกแม่ทัพฮ่องเต้ฮองเฮาข้ามมิติ18+

บทที่ 1. หนึ่งภพจบสิ้น

ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ

บทที่ 1. หนึ่งภพจบสิ้น

เอี๊ยด ! โครม !

ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก สิ้นเสียงห้ามล้อของรถยนต์ดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ร่างบอบบางของหญิงสาวนางหนึ่งก็ลอยกระเด็นขึ้นสูง ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรงในสภาพร่างกายผิดรูป ลมหายใจของหญิงสาวแผ่วเบารวยริน ก่อนจะขาดหายไปในที่สุด

เลือดที่ไหลออกมาจากร่างกายบอบบางถูกชะล้างไปกับสายฝน ในขณะที่รถยนต์ต้นเหตุขับหนีไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวความผิด ปล่อยให้ร่างของหญิงสาวผู้โชคร้ายที่ไม่มีลมหายใจนอนแน่นิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝน

เสียงอสุนีบาตดังแข่งกับสายฝนที่โหมกระหน่ำ ขณะนั้น ร่างที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้นถนนเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้น มวลสารเล็ก ๆ สีขาว ค่อย ๆ ลอยออกมาจากร่างบอบบาง ก่อนจะรวมตัวเป็นรูปร่างโปร่งแสงยืนอยู่เหนือร่างที่นอนแน่นิ่งท่ามกลางสายฝน

ใบหน้าที่เห็นเพียงรางเรือน ยืนสงบนิ่งมองร่างของตัวเองที่นอนแน่นิ่งอยู่กลางสายฝนพรำด้วยแววตาเศร้าสร้อย ทำให้อุณหภูมิที่เย็นอยู่แล้วหนาวเหน็บลงไปอีก

มือบางที่มีลักษณะโปร่งแสงพยายามยื่นไปแตะร่างไร้ลมหายใจของตัวเอง หากเธอกลับไม่สามารถสัมผัสมันได้ แม้จะลองอีกกี่ครั้ง แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม หญิงสาวมองมือของตัวเองที่จมหายลงไปในร่างครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเศร้าเสียใจ จากนั้นไม่นาน ร่างโปรงแสงก็ค่อย ๆ จางหายไป เมื่อรับรู้ได้ว่า ตัวเธอนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว

___________________________

แสงแดดยามเช้าที่ทอดผ่านม่านสีขาวบางเบาที่ถูกรวบเอาไว้ข้างหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้มองเห็นสภาพภายในห้องนอนได้ถนัดตา ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่ในห้องนี้ล้วนทำมาจากเครื่องลายครามชั้นดี เตียงขนาดใหญ่รองด้วยฟูกหนาตั้งอยู่กลางห้อง บนเตียงมีร่างของแม่นางผู้หนึ่งนอนหลับตานิ่ง ปล่อยให้หญิงสาววัยแรกรุ่นค่อย ๆ เช็ดตัว และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้

"นั่น !"

นางอุทานด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นระคนดีใจ เมื่อเหลือบไปเห็นเปลือกตาบางเริ่มขยับ รีบหันไปสั่งแม่นางอีกคนที่รุ่นราวคราวเดียวกันอย่างรวดเร็ว

"ฮูหยินน้อยฟื้นแล้ว เสี่ยวไช่ เจ้ารีบไปตามนายน้อยมาเร็ว"

"ได้... ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้"

สาวใช้นามว่าเสี่ยวไช่รับคำ ก่อนจะผลุนผลันออกจากห้องทันที ส่วนสาวใช้อีกคนที่มีนามว่าเสี่ยวชีหันไปประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พร้อมทั้งจัดหมอนรองให้เสร็จสรรพ

"ฮูหยินน้อยท่านฟื้นแล้ว บ่าวดีใจจริง ๆ เจ้าค่ะ ท่านหลับไปถึงสามวันเต็ม ๆ เลยนะเจ้าคะ"

ดวงตากลมใสค่อย ๆ หันมองคนพูดด้วยความรู้สึกงุนงงและสับสน ก่อนจะมองไปรอบ ๆ เมื่อเริ่มมองเห็นความผิดปรกติที่ตัวเองแน่ใจว่าไม่เคยพบเห็นมาก่อน และเมื่อก้มลงมองตัวเองก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นว่าชุดที่สวมใส่อยู่นั้นเป็นชุดบางเบาของสตรีชาวจีนในยุคโบราณ คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเมื่อเจ้าตัวพยายามใช้ความคิดอย่างหนัก

ที่นี่ที่ไหน ?

หากแต่ก่อนที่นางจะได้คิดเรื่องใดต่อไป เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ก็ดังขึ้นขัดความคิดของนางเสียก่อน พร้อมกันนั้น เจ้าของเท้าเหล่านั้นก็พากันเข้ามาในห้อง หากแต่หญิงสาวไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเพราะมีม่านบาง ๆ กั้นระหว่างเตียงนอนกับประตูห้องเอาไว้

"ฟื้นแล้วอย่างนั้นรึเสี่ยวชี ?"

น้ำเสียงทุ้มฟังดูมีอำนาจกังวาลก้องดังมาจากคนที่หญิงสาวบนเตียงเห็นได้อย่างเรือนรางผ่านผ้าม่านว่าเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่หน้าสุดของกลุ่มผู้มาใหม่

อ๋อ... ผู้หญิงคนที่พูดกับเธอเมื่อครู่นี้ชื่อเสี่ยวชีนี่เอง หญิงสาวคิดในใจ

ว่าแต่... แม่นางเสี่ยวชีคนนี้ชื่อของนางฟังดูคุ้น ๆ นะ เหมือนชื่อตัวละครสาวใช้ในนิยายที่เธอเขียนขึ้นมาเลย

"เจ้าค่ะนายน้อย"

เสี่ยวชีตอบ พลางย่อตัวลงทำความเคารพอย่างนอบน้อมให้กับบุรุษหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารชั้นสูงของจีนที่กำลังก้าวเดินผ่านม่านเข้ามา ตามมาด้วยคนอีกสองคนอันประกอบด้วยหญิงหนึ่งคน และชายอีกหนึ่งคน

ดวงตากลมใสกวาดมองใบหน้าของคนกลุ่มนี้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยหยุดพิจารณาชายหนุ่มคนหน้าสุด ก่อนจะมองเลยไปยังหญิงและชายที่ยืนเคียงกัน

ชายหนุ่มคนแรกเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ชายผู้นี้จัดได้ว่าเป็นบุรุษหนุ่มที่รูปงามนัก ดวงตาคมกริบประดุจเหยี่ยวสีดำขลับ ผิวกายสองสี ริมฝีปากหยักหนา คิ้วเข้มพาดเฉียงส่งให้หน้าตาที่ดูคมเข้มอยู่แล้วเปี่ยมไปด้วยอำนาจ เขาแต่งกายด้วยชุดทหารจีนโบราณ มีผ้าคลุมไหล่สีดำเย็บแซมปักด้วยดิ้นทอง

ถัดไปทางด้านหลังคือหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่ม นางเป็นหญิงสาวรูร่างบอบบางหากแต่ดูสูงส่ง ผิวกายของนางขาวเนียนละเอียดราวกับหยกเนื้อดี เค้าโครงหน้าของนางคล้ายคลึงกับชายคนแรก หากดูละมุนอย่างสตรีมากกว่ากระด้างอย่างบุรุษ แต่งกายด้วยชุดฮั่นฝูจีนโบราณ

ส่วนชายหนุ่มคนสุดท้าย มีรูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้ชายคนแรก ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาดูอ่อนโยนและเอาจริงเอาจัง ดวงตาที่ดูอ่อนโยนสีดำสนิท แต่งกายด้วยชุดทหารชั้นสูงโบราณเช่นเดียวกัน

และแม้จะพิจารณาโดยละเอียดแล้ว หญิงสาวก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่า นางไปรู้จักมักจี่กับคนพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ดังนั้นริมฝีปากสีชาดจึงเม้มแน่นอย่างนึกขัดใจตัวเอง

คนพวกนี้เป็นใครกันล่ะเนี่ย ?

เป็นใครจะไม่งงล่ะ อยู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมา ท่ามกลางสถานที่และผู้คนที่ไม่รู้จักแบบนี้ แถมยังรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งเนื้อตัวอีก เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ หญิงสาวพยายามคิดใคร่ครวญอีกครั้ง