บทที่ 3 ฮูหยินเพี้ยนไปแล้ว (2/2)
"เรื่องอื่นเล่า หมดเพียงเท่านี้รึ"
เฉิงซือหานเริ่มสับสน อย่างอื่นล้วนไม่มีแล้ว หากเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวันของหญิงสาวเขาก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว องครักษ์หนุ่มจึงเหลียวมองหน้าสหายที่ยืนสงบนิ่งประหนึ่งหุ่นขี้ผึ้งแกะสลักเพื่อขอความช่วยเหลือ อีกฝ่ายเขม้นสายตาดั่งต้องการบอกว่า เรื่องท่านโหวเล่า มีหรือไม่
เฉิงซือหานจึงเข้าใจในบัดดล เพราะเขาเป็นคนตรง ๆ ได้เห็นมาอย่างไรก็กล่าวเช่นนั้น "หากเป็นเรื่องที่ฮูหยินมักเที่ยวมาอาละวาดหน้าเรือนของท่านเช่นเมื่อก่อน ยามนี้ไม่มีแล้วขอรับ ดูเหมือนข้าไม่เคยได้ยินฮูหยินเอ่ยถึงท่านโหวเลยด้วยซ้ำ"
จู่ ๆ ช่ายจินซินก็รู้สึกว่ากำลังจะเกิดพายุลูกใหญ่ เขากระทุ้งข้อศอกไปยังหน้าท้องหนั่นแน่นของสหายเพื่อให้รู้สึกตัว
"เอ่อ เอ่อ มีเอ่ยถึงตอนที่บอกว่าไม่อยากทราบเรื่องท่านโหวแล้วขอรับ" เฉิงซือหานเหงื่อซึมแผ่นหลัง
ช่ายจินซินได้ฟังแทบอยากกัดลิ้นตนเพื่อลงไปนอนแดดิ้นเสีย ดูเหมือนเฉิงซือหานยังซื่อบื้อไม่แปรเปลี่ยน เขานั้นอยู่กับเจียงซื่อจวินตลอด ทราบดีว่าจิตใจอีกฝ่ายยามนี้กระวนกระวายเพียงใด เพราะเจียงซื่อจวินทำตัวราวกับว่า ไม่ใกล้สูญเสียก็ไม่รู้ใจตนเอง แม้เป็นเช่นนั้น นายของเขาก็ยังไม่ยินยอมไปเหยียบเรือนตะวันออกสักครั้ง ช่ายจินซินเป็นเพียงองครักษ์ จะริอ่านเสี้ยมสอนเจ้านายได้อย่างไร
ใบหน้าวสันต์กำลังแผ่รังสีสังหารออกมาเสียจนขนอ่อนพวกเขาลุกเกรียว นัยน์ตาคมกริบดุจมีดดาบตวัดมองฉับ
"เจ้าหมายความว่า นางไม่เห็นหัวข้าแล้วงั้นหรือ"
เฉิงซือหานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เดิมทีนายของตนก็มักรำคาญฮูหยินอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ หากนางไม่มายุ่มย่ามสักคนเจียงซื่อจวินก็ควรสบายใจ เหตุใดสีหน้าของเขากำลังบ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก
"ท่านโหว ฮูหยินไม่เข้ามาวุ่นวายกับท่านแล้ว ก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ เพราะเดิมทีข้าเองก็ไม่เห็นท่านออกไปพบฮูหยินสักครั้ง"
ปัง!
องครักษ์ทั้งสองสะดุ้งโหยง พวกเขาไม่อาจคาดเดาจิตใจของผู้เป็นนายได้จริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาคิดอ่านเช่นไรกันแน่
"สตรีตลบตะแลงทำตัวไม่มีหนังไม่มีหน้าอย่างนางจะมาไม้ไหนกันแน่"
เจียงซื่อจวินใจเต้นระส่ำ เขาไม่รู้ว่าอาการที่เกิดขึ้นหมายความอย่างไร เขาเฝ้าฝันให้นางไม่ต้องสนใจตนโดยตลอด ยามนี้สมใจปรารถนาแล้ว ทว่าเขากลับไม่ยินดีสักนิด เฉกเช่นตนกำลังถูกนางร่ายเสน่ห์มนตราปีศาจจิ้งจอกใส่อย่างจัง
จือหลิน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้ากันแน่ นิสัยเช่นนี้มิใช่เจ้าเลยสักนิด
"ซือหาน เจ้ากลับไปสังเกตนางให้ดี หากนางทำตัวประหลาดอีก รีบกลับมารายงานข้า"
"ขอรับ"
.
.
ภายในหอนอนขนาดกว้าง แสงจากบุหลันสะท้อนผ่านช่องลมทรงกลมเข้ามา ความสว่างจากทั้งเชิงเทียน และดวงจันทราส่งผลให้ผิวกายของหญิงสาวแลดูผุดผาดงดงามขึ้นอีกหลายส่วน
เจียวเจียวกำลังแปรงผมสีดำนุ่มสลวยซึ่งส่งกลิ่นหอมกรุ่นด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ส่วนปี้อี๋ช่วยหลิวจือหลินละเลงบางอย่างลงบนผิวด้วยความแผ่วเบา
เจียวเจียว "ฮูหยินเจ้าคะ เครื่องประทินโฉมพวกนี้ไยกลิ่นหอมยิ่งนัก แตกต่างจากที่ข้าเคยได้กลิ่นตามท้องตลาดมากโข ทั้งสดชื่น ทั้งรู้สึกช่วยให้ผ่อนคลาย หนำซ้ำยามนี้ใบหน้าของฮูหยินก็กลับมาสะสวยเช่นกาลก่อนแล้ว ท่านช่างเก่งกาจนัก กระทั่งท่านหมอยังตื่นตกใจที่รอยแผลเป็นของฮูหยินไม่หลงเหลือแล้ว"
หลิวจือหลินคลี่ยิ้ม "ข้าก็ไม่คิดว่าสมุนไพรธรรมชาติจะช่วยสมานแผลซ้ำยังสามารถรักษาร่องรอยได้ดีเพียงนี้ เช่นนั้นข้ายกให้เจ้าทั้งสองได้ใช้ด้วยดีหรือไม่"
ปี้อี๋เบิกตากว้าง "ได้อย่างไรเจ้าคะ บ่าวไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ"
หลิวจือหลินยิ้มขัน "ของพวกนี้เจ้าทั้งสองก็ช่วยข้าเช่นกันมิใช่หรือ เอาไปเถิดไว้ค่อยทำใหม่ก็ได้"
"แต่..."
"ไม่ต้องแต่แล้ว...เอาเป็นว่าตามนี้ ไว้พรุ่งนี้ไปตลาดกัน ข้าอยู่ที่นี่นานมากแล้วยังไม่เคยออกไปไหนเลย"
เจียวเจียวหน้าสลดลง "เอ่อ...ถ้าออกไปข้างนอกต้องขออนุญาตท่านโหวก่อนหรือไม่เจ้าคะ เกรงว่าหากเราออกไปกันเอง..."
"ต้องบอกเขาด้วยหรือ เดิมทีข้าคิดว่าเขาไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ อีกอย่างเจ้าคิดว่าเขานั้นใส่ใจข้าหรือ ดูเอาเถิดตั้งแต่เกิดเรื่องเขาไม่เคยมาดูดำดูดีข้าสักครั้ง แล้วพวกเจ้าจะเกรงกลัวไปไย หากเกิดอะไรขึ้นข้ายินดีรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว"
เจียวเจียวและปี้อี๋ก้มหน้างุด นายหญิงออกปากเช่นนี้ พวกนางควรออกไปเปิดหูเปิดตากันเสียหน่อยย่อมเป็นเรื่องดี จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เจียงซื่อจวินล้วนมิเคยให้พวกนางเฉียดเข้าใกล้เลยสักครั้ง เช่นนั้นการรายงานก็ย่อมมิสลักสำคัญใด
"ก็ได้เจ้าค่ะ" สาวใช้ตอบรับโดยพร้อมเพรียง
"ดูพวกเจ้าสิ หงอยเป็นแมวเชื่อง ๆ" หลิวจือหลินคลี่ยิ้ม พลางเอื้อมมือบีบบี้พวงแก้มสาวใช้คนละฝั่งอย่างนึกมันเขี้ยว
"ฮูหยิน เหตุใดซนนักเล่าเจ้าคะ" เจียวเจียวเอ่ยอู้อี้ ส่วนปี้อี๋หน้าเบี้ยวตามแรงบีบขยุ้มเสียแล้ว หลิวจือหลินหัวเราะคิกคักอย่างนึกสนุก สาวใช้ทั้งสองเห็นรอยยิ้มเริงร่าของนายหญิงก็พลอยขบขันไปตามกัน
"ไม่ต้องห่วงหรอกนา เขายังจำว่ามีข้าอยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้" หลิวจือหลินลอยหน้าตอบ จากนั้นเปลี่ยนเรื่องสนทนาเพราะไม่อยากเอ่ยถึงบุรุษที่ไม่เคยมีใจให้ฮูหยินตัวเอง ซ้ำใบหน้าของเขายังเป็นภาพเลือนรางจนมองไม่ชัด ดูเหมือนหลิวจือหลินคนก่อนคงเสียใจมากที่เขารับอนุสิท่า นางจึงได้พยายามลบอีกฝ่ายออกจากความทรงจำเช่นนี้
ทุกการกระทำและคำพูดของหลิวจือหลินล้วนสร้างความประหลาดใจให้บุรุษบนหลังคาอย่างยิ่งยวด เฉิงซือหานดีดกายผึง พลางเกาศีรษะพร้อมพ่นกิ่งไม้ขนาดเล็กให้พ้นทาง "นี่ฮูหยินเพี้ยนไปแล้วหรือ ดูเหมือนข้าต้องไปรายงานท่านโหวเดี๋ยวนี้"
