บทที่ 6
"เช่นนั้นขอข้าดูหน่อยว่าเจ้าจะทำให้ข้าพอใจเช่นนางโลมได้หรือไม่ ถอดชุดของเจ้าออกได้แล้ว"
"ทำไมข้าต้องถอดด้วยล่ะเจ้าคะ"
ลั่วหลี่เวยพูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนจะปัดมือของลั่วกงเฉินออกจากปลายคาง เพราะเสเพลเช่นนี้สินะท่านผู้เฒ่าลั่วถึงได้หนักใจ
"ท่านพี่คงจะเข้าใจอะไรผิดไป ข้าไม่ใช่นางโลมเจ้าค่ะและข้าคงไม่มีทางร่วมเตียงกับบุรุษที่เปรียบภรรยาตัวเองเป็นนางโลม"
"เจ้าอย่าเล่นตัวนักเลยหรือว่าเจ้าไม่บริสุทธิ์แล้ว วางใจเถอะเจ้าสาวที่แต่งเข้ามาล้วนเป็นเช่นเจ้าข้ารู้ดีจะมีสตรีบริสุทธิ์ที่ไหนกล้าแต่งกับสามีถึงสามคนข้าไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว"
อ่า...ท่านผู้เฒ่าลั่วท่านเองก็เป็นคนจิตใจดีมีเมตตา เหตุใดจึงมีหลานเลวทรามเช่นนี้ได้ไม่ใช่ว่าระหว่างคลอดถูกสลับตัวกับลูกบ่าวรับใช้ในเรือนหรือเจ้าคะ ในหัวนั่นมีอะไรอยู่หรือไม่หากให้ทายคิดว่าคงมีแต่เรื่องเลวทรามเช่นนี้อยู่เต็มหัว
"เจ้าแค่ทำให้พวกข้าพอใจ ร่อนเอวให้ดีอดทนให้นานก็พอ"
"ท่านพี่ ที่ข้าบอกว่ามิใช่นางโลมเพราะนางโลมไม่สามารถเลือกคู่นอนได้ แต่ข้าสามารถเลือกได้เจ้าค่ะ"
"เจ้าพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ"
"ข้ามีกฎว่าจะร่วมรักกับบุรุษที่ข้าพอใจเท่านั้น"
ลั่วกงเฉินมองสตรีตรงหน้าก่อนจะยิ้มสมเพช มือหนาหยิบปลายผมของนางขึ้นมาก่อนจะก้มลงจูบเบา ๆ
"บุรุษที่เจ้าพอใจ ฮูหยินเจ้าหวังจะได้ความรักจากการแต่งงานครั้งนี้หรือ.."
ลั่วหลี่เวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมาเบา ๆ นางถอยห่างจากลั่วกงเฉินก่อนจะปรายตาก้มลงมองความเป็นชายของเขาอย่างไม่ปิดบัง ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น
"อย่าเข้าใจผิดสิเจ้าคะ ข้าพูดว่าบุรุษที่ข้าพอใจไม่ใช่บุรุษที่ข้ารัก และจากที่ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พวกท่านเมื่อคืนก็รู้ได้ทันทีว่าพวกท่านไม่อาจทำให้ข้าพอใจได้"
ลั่วหลี่เวยพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม นางเห็นลั่วกงเฉินกำลังโกรธจนสติแตกก็รู้ทันทีว่าตอนนี้นางชนะแล้ว จริง ๆ นางเพียงให้คนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเท่านั้นแต่ที่พูดโกหกไปเช่นนี้เพราะอยากทำให้คนตรงหน้าโมโห
"เจ้ามันเป็นสตรีเช่นไร แต่งเข้ามาในจวนลั่วของข้าแล้วยังปากกล้าเช่นนี้!! รู้หรือไม่สาเหตุที่สตรีที่แต่งเข้ามาหย่าออกไปเป็นเพราะอะไร"
"........"
"พวกข้าทรมานนางบนเตียงทั้งวันทั้งคืนจนพวกนางทนไม่ไหวคลานออกไปจากห้องเอ่ยปากร้องอ้อนวอนกับท่านตาเพื่อขอหย่ากับพวกข้า รู้เช่นนี้แล้วเจ้ายังจะปากดีอีกหรือไม่"
"จริง ๆ การทรมานเช่นนั้นก็น่าสนใจดีแต่ไม่เอาดีกว่าข้ากลัวจะผิดหวัง อีกอย่างแม้ข้าจะแต่งเข้าตระกูลลั่วก็เป็นเพียงฉากบังหน้าเท่านั้น"
"ฉากบังหน้าอะไร"
"ต่อไป ข้าจะดูแลกิจการทั้งหมดแทนพวกท่านเอง นี่เป็นข้อตกลงระหว่างข้ากับท่านผู้เฒ่าลั่ว หากพวกท่านสงสัยก็สามารถไปถามเขาได้"
"หญิงละโมบนี่เจ้าคิดว่ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไรอยู่กันดูแลกิจการอะไร ทายาทสืบทอดก็อยู่ตรงนี้ถึงสามคนท่านตาจะยกกิจการของตระกูลให้คนนอกเช่นเจ้าได้อย่างไร"
"นั่นสิทำไมถึงไว้ใจคนนอกมากกว่าทายาทสายตรงกันนะ"
ลั่วหลี่เวยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสมเพช นางคิดว่าทั้งหมดนี่คงเพียงพอแล้วท่านผู้เฒ่าลั่วเองก็คงเตรียมตัวพร้อมแล้วเช่นกัน นางคงส่งไม้ต่อให้เขาได้แล้ว
"ในเมื่อข้ามาทักทายท่านพี่แล้ว เช่นนั้นต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ"
ลั่วกงเฉินมองสตรีรูปร่างบอบบางแต่การกระทำแฝงไปด้วยพิษเดินออกไปจากห้อง เขากำมือแน่นในตอนนี้ใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ผ่านมาเจ้าสาวที่แต่งเข้ามาล้วนเต็มไปด้วยความโลภแต่ไม่เคยเจอใครที่โลภและละโมบเช่นนาง!!!
ภายในห้องหนังสือที่เคยเงียบสงบในตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงของคุณชายลั่วทั้งสามคนน้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ท่านผู้เฒ่าลั่วทำเพียงปรายตามองพวกเขาเงียบ ๆ ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกไป
"พวกเจ้าหยุด"
ลั่วกงเฉินพูดออกมาเสียงเรียบทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ลั่วกงเฉินมองท่านตาของตนอย่างจับผิด เขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นว่าชายชราไม่ได้โมโหหรือด่าทอพวกเขาเช่นทุกทีที่เคยทำ
"ท่านตา นี่เป็นแผนของท่านหรือขอรับ"
"หากพวกเจ้าคิดเช่นนั้นก็ตามใจ ข้าเพียงเหนื่อยที่จะคาดหวังกับพวกเจ้าแล้วจึงหาผู้ที่เหมาะสมมาดูแลกิจการทั้งหมดแทน เว่ยเว่ยนางเฉลียวฉลาดและน่าเอ็นดู ในเมื่อหลานข้ามันไม่ได้ความเช่นนั้นทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับนาง"
"แต่นางเป็นคนนอก!!"
ลั่วหมิงเฉิงหลานชายคนรองพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ แม้จะไม่เคยเจอใบหน้าของนางแต่จากที่พี่ใหญ่เล่าให้ฟังก็รู้ว่าภรรยาคนใหม่นั้นละโมบเพียงใด จะยอมให้นางได้ทุกอย่างไปไม่ได้
"นางเป็นหลานสะใภ้ข้า ภรรยาของพวกเจ้าหาใช่คนนอก"
ท่านผู้เฒ่าลั่วกล่าวออกมาเสียงเรียบ ลั่วกงเฉินเคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างใช้ความคิดเขาไม่มีทางเชื่อว่าท่านตาจะยกกิจการของตระกูลลั่วทั้งหมดให้คนนอก นี่ต้องเป็นแผนที่ถูกวางไว้เป็นแน่
"ในเมื่อท่านตาตัดสินใจแล้ว พวกข้าคงเข้าไปยุ่งวุ่นวายอะไรไม่ได้"
"แต่พี่ใหญ่นั่นมัน....."
ลั่วกงเฉินหันไปสบตากับน้องชายทั้งสองทันที คุณชาย ลั่วทั้งสองที่เห็นเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีจึงยืนขึ้นทำท่าทางไม่ใส่ใจอะไร
"เช่นนั้นเรื่องกิจการทั้งหมดคงต้องฝากภรรยาของพวกเราแล้ว"
ลั่วหลี่หยวนเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม เขาหันไปมองท่านตาที่ยังคงมีท่าทีนิ่งเฉยไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของเขา
"โชคดีจริง ๆ ที่ท่านตาคิดเผื่อพวกเราไว้หมดแล้ว เช่นนี้ข้าก็คงเที่ยวหอนางโลมได้อย่างสบายใจ"
"ในเมื่อมีคนมาดูแลตระกูลแล้ว ท่านตาคงไม่เอาแต่บ่นพวกข้าใช่หรือไม่"
ท่านผู้เฒ่าลั่วแม้ในใจโกรธเป็นไฟแต่เพราะคำเตือนของหลานสะใภ้ที่บอกให้เขาระงับโทสะแผนที่วางไว้จึงจะสำเร็จ ท่านผู้เฒ่าลั่วในตอนนี้จึงทำเพียงมองพวกเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
"ว่าอย่างไรขอรับท่านตา พวกข้าสามารถเที่ยวหอนางโลมดื่มสุราหรือเล่นการพนันได้ใช่ไหมขอรับ"
"ตามใจพวกเจ้า"
ความเงียบกลับมาปกคลุมในห้องอีกครั้งลั่วหมิงเฉิงและลั่วหลี่หยวนหันไปมองพี่ใหญ่เหมือนต้องการถามว่าควรทำเช่นไรต่อไป เพราะปกติท่านตาควรจะโมโหจนปาแก้วน้ำชาในมือใส่พวกเขาแล้ว เหตุใดตอนนี้ถึงได้นิ่งเฉยเพียงนี้
"เว่ยเว่ยเจ้ามาแล้วหรือ"
ท่านผู้เฒ่าลั่วเอ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าลั่วหลี่เวยเดินเข้ามาในห้อง คุณชายลั่วทั้งสามต่างหันไปมองนางเป็นตาเดียว
"ข้าไม่รู้ว่าท่านพี่ทั้งสามอยู่ด้วย เช่นนั้นเดี๋ยวข้ามาพบท่านตาใหม่นะเจ้าคะ"
น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาจากริมฝีปากบางล้วนทำให้ชายหนุ่มทั้งสองต่างรู้สึกใจเต้น พวกเขาหันไปมองพี่ใหญ่ทันทีราวกับต้องการถามว่า เหตุใดถึงไม่บอกว่านางงดงามเช่นนี้!!
"ไม่ต้อง เดี๋ยวพวกเขาก็ออกไปแล้ว"
ท่านผู้เฒ่าลั่วพูดออกมาเป็นเชิงไล่เจ้าหลานจอมเสเพลทั้งสามให้ออกไปจากห้อง ลั่วกงเฉินมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างใช้ความคิด ในใจของเขาก็ยังคิดว่าทั้งหมดมันคือแผนการของท่านตา แต่หากที่ท่านตาพูดเป็นเรื่องจริงกิจการทุกอย่างถูกยกให้สตรีละโมบตรงหน้าถึงตอนนี้เขาจะทำเช่นไร
ให้ตายสิเรื่องทั้งหมดตรงหน้าข้าแท้จริงมันคือละครฉากหนึ่งหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่
