บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 Reunion EP.4

“แกจำตอนที่บอกฉันได้ปะ ตอนนั้นที่อยู่ๆ พี่อี้ก็รุกจนฉันงงไปหมด แกว่ายังไงนะ”

ตะวันฉายมองคนที่ทำท่าเป็นศิราณีแล้วเม้มริมฝีปากเหมือนโดนขัดใจ “ตอนนั้นคนมันกำลังอินเลิฟนี่นา”

หมี่ขาวเบ้ปากเล็กน้อย “ตอนนี้ไม่อยากมีความรักแล้วว่างั้น”

“ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่อยากมี เข็ดแล้วเข้าใจมั้ย” เธอพูดพลางกอดอก ยิ่งเห็นรอยยิ้มรู้ทันของหมี่ขาวก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเอาตัวเองมาให้เพื่อนจับพิรุธอย่างนั้นแหละ “อย่าใช้สายตาแบบนั้นมองฉันนะ”

“ก็มันจริงนี่ จะว่าไปโลกมันก็กลมดีเนอะ วันดีคืนดีคนที่แกไม่ชอบขี้หน้าดันจะกลายเป็นว่าที่คู่หมั้น ทำไมไม่บอกให้พ่อเปลี่ยนว่าที่คู่หมั้นคนใหม่ไปเลยล่ะ”

คนโดนย้อนหน้าตึงไปในทันใด เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน แต่ถ้าเจอคนที่เลวร้ายกว่านายต่อนั่นล่ะ เธอไม่ใช่คนเหล็กสักหน่อยที่จะสามารถควงคนนั้นทีคนโน้นทีเพื่อทดสอบว่าไปกันรอดหรือไม่รอด

“แกพอใจคนนี้น่ะสิ” หมี่ขาวตอบแทนเพื่อน ไม่รอให้ตะวันฉายแก้ตัวก็พูดว่า “คนเราน่ะนะ เวลาเจอกันมักไม่ค่อยเห็นค่าหรอก ต้องโน่น เวลาเดือดร้อนนั่นแหละจะคิดถึงกัน พี่ต่อไม่ใช่คนเลวร้ายแบบที่แกคิดเสียหน่อย ไม่ลองคบหากันจริงจังไปเลยล่ะ”

“ไอ้หมี่” ตะวันฉายปาหมอนอิงใส่เพื่อนจนอีกฝ่ายต้องกระโดดหลบเป็นพัลวัน “มาปรึกษาเพราะกลุ้มใจนะ”

“ฮ่าๆ แกเคยบอกว่าพี่ต่อแซ่บดีไม่ใช่เหรอ หมั้นกับคนแซ่บๆ ก็ดีออก หนุ่มหล่อลุคแบดบอย หูย เหมือนในหนังเลยไม่คิดเหรอ” หมี่ขาวปาหมอนอิงกลับคืนที่เดิมแล้วหัวเราะคิกคัก

ตะวันฉายหลบไม่ทันเลยโดนเข้าเต็มๆ หน้า จากที่กำลังเซ็งก็ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปใหญ่ ร่างระหงลุกขึ้นเต็มความสูงแล้ววิ่งเข้าไปชาร์จเพื่อนพร้อมกับเอาหมอนไล่ตี

“ไอ้บ้า คนกำลังซีเรียสยังมีอารมณ์มาหัวเราะอีกเหรอ”

“อ้าว นี่หวังดีนะ พี่ต่อออกจะหล่อ แถมฉลาดด้วย เรื่องฐานะยิ่งแล้วใหญ่ ตอนแรกฉันยังกังวลอยู่เลยว่าถ้าจิ้นแกกับพี่ต่อแล้วเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา พี่ต่อจะเลี้ยงคุณหนูแบบแกไหวมั้ย เพราะตอนแรกเข้าใจว่าเขาโดนพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัด พอได้รู้ว่าที่แท้เป็นถึงลูกพ่อเลี้ยงไร่ชาชื่อดัง ค่อยโล่งใจหน่อยที่ยังมีสมบัติให้แกขายเอาเงินไปซื้อบัตรคอนฯ โอ๊ยๆ แค่ก เบาๆ”

“เพื่อนเวร!”

“ฮ่าๆ หยุดตีก่อน เจ็บโว้ย เจ็บๆ”

“ไม่หยุดจะทำไม หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่ได้ให้คำแนะนำดีๆ หุบปากไปเลยดีกว่า”

“เห้ย เพื่อนพูดจริงยังคิดว่าล้อเล่นอีกเหรอ พี่ต่อมีอะไรไม่ดีอะ” หมี่ขาวคว้าหมอนได้ก็ผลักเพื่อนไปที่โซฟา ทว่าเป็นเพราะวันนี้ตะวันฉายใส่กระโปรงมา ผลจึงทำให้คนผลักเหยียบใส่กระโปรงเพื่อนแล้วล้มไปที่โซฟาพร้อมกัน

ผู้หญิงกำลังคร่อมกันบนโซฟา ดูไม่จืดเท่าไรนักถ้ามีคนอื่นมาเห็น โชคดีที่...

“หมี่ ทำอะไรกันครับ”

หมี่ขาวกับตะวันฉายสบตากัน ในใจร่ำร้องแทบจะทันที

ฉิบหายแล้ว

ตะวันฉายปฏิกิริยาโต้ตอบไวกว่า อาศัยจังหวะที่หมี่ขาวหันไปสบตากับเก้าอี้รีบผลักเพื่อนสาวลงจากโซฟาเสียงดังตุ้บ ขณะเดียวกันก็ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลเพราะกระโปรงยาวที่ร่นขึ้นมาถึงขาอ่อน พอจัดระเบียบร่างกายตัวเองเสร็จก็แทบหยุดหายใจ

คนที่เดินตามมาคือผู้ชายคนเดียวกับที่อยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่นี้

เก้าอี้กลั้นยิ้มเมื่อเห็นคนรักนอนโอดโอยบนพื้น เขาช้อนตัวหมี่ขาวขึ้นมาในอ้อมแขนแล้วเก๊กหน้าขรึม

“ไม่รู้หลังหักหรือเปล่า เดี๋ยวพี่เช็กให้นะครับ” พูดจบก็อุ้มหมี่ขาวขึ้นชั้นสอง แต่ไม่ลืมหันมาพูดกับต่อเสียงเรียบ “ให้ว่าที่คู่หมั้นคุยกันไปก่อนนะ น่าจะเช็กนานหน่อย”

“พี่อี้ หมี่ไม่ได้เป็นอะไร”

คนโดนอุ้มหันมาขอความช่วยเหลือจากตะวันฉาย ทว่าเก้าอี้ไม่สนใจเสียงเล็กเสียงน้อยของแฟนตัวเอง แถมยังคงก้าวขึ้นบันไดต่อ

“ไม่ได้หรอก หลังกระแทกพื้นขนาดนั้นต้องเช็กสภาพก่อน”

“หมี่ไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ ฉายมันถีบหมี่แรงไปหน่อยเลยตกลงมา คนผิดอยู่ข้างล่างนะคะ”

“พี่เป็นหน่วยพยาบาลต้องดูแลคนเจ็บก่อน ให้ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องสงสัยไปเถอะครับ”

ตะวันฉายเหลือบมองเพื่อนตัวเองแล้วแอบด่าในใจว่าสำออย สองคนนั้นเถียงกันหงุงหงิงราวกับว่าโลกนี้มีกันอยู่แค่นั้น พอประตูห้องนอนปิดลงเสียงทั้งหมดก็เงียบไป

เหลือแต่เพียงเสียงลมหายใจของตัวเองที่ยิ่งนานยิ่งดังชัดมากขึ้น

ต่อสาวเท้าเข้ามาใกล้ ถือวิสาสะนั่งข้างตัวเธอแล้วจ้องหน้าเธอนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น ตะวันฉายไม่เคยโดนคนมองอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้มาก่อนก็เริ่มวางตัวไม่ถูกขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ไม่รู้จะเดินออกไปหรือว่าจะเริ่มบทสนทนากับเขาดี

เพราะหลังจากวันที่นัดบอด เธอก็เดินหนีเขาออกมาดื้อๆ โดยไม่พูดอะไร

“ทำไม เขินหรือไง” เขาถามเสียงเรียบ ตาคมยังคงมองใบหน้าสวยที่วันนี้แต่งหน้าอ่อนจนเห็นสีเรื่อบนแก้มของตะวันฉาย แม้ว่าพอเริ่มคิดตามที่เก้าอี้แนะนำแล้วใจจะเต้นแรงขนาดไหน แต่ก็ต้องข่มความประหม่าแล้วพูดอะไรออกมาเพื่อข่มอาการไว้ อย่างเช่น “ไม่กล้าสบตา เขินจริงๆ ล่ะสิ หึ”

ต่อกระตุกยิ้ม รู้สึกมั่นใจขึ้นมาอีกนิดเพราะตะวันฉายไม่ยอมสบตาเขาจริงๆ

บรรยากาศที่นั่งคุยกันแบบปกติมันเหมือนเป็นเรื่องแปลกประหลาดในรอบสองปี เพราะทุกครั้งถ้าไม่เถียงกันก็แทบไม่เคยได้คุยกันแบบคนปกติเลยสักครั้ง

ตะวันฉายรวบรวมความกล้าสบตาเขา หลังจากได้ยินประโยคนั้นริ้วโทสะก็ผุดวาบขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ผู้ชายหลงตัวเองเอ๊ย

“ฉันแค่ไม่อยากมองหน้าคนอย่างนาย” เธอว่า

ต่อกระเถิบเข้าใกล้จนตะวันฉายแทบเบียดไปกับมุมหนึ่งของโซฟา มือข้างหนึ่งยื่นออกมากักไว้กับพนักพิงเพื่อไม่ให้เธอเขยิบหนีได้อีก ดวงตาร้อนแรงมองใบหน้าสวย รอยยิ้มยิ่งกดลึกขึ้น เมื่อได้กลิ่นน้ำหอมที่จำไม่เคยลืม เมื่อเลื่อนสายตามายังนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของผู้หญิงตรงหน้า เขาก็สัมผัสได้ถึงความประหม่าที่มาพร้อมกับอัตราการเต้นของชีพจรและกลิ่นน้ำหอมที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ตะวันฉายรีบเอามือทั้งสองข้างดันอกแกร่งไว้ พยายามหายใจให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้สูดเอากลิ่นตัวเขาเข้ามาเต็มปอด ทว่าช่องว่างระหว่างกันมีน้อยเกินไป แจ็กเก็ตที่เขาสวมแบะออกเล็กน้อย เธอจึงสัมผัสได้ถึงเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่ซ่อนอยู่ด้านใน ท่าทางล่อแหลมเช่นนี้กระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจของเธอได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายตะวันฉายก็ต้องหลบตาเขา เสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่าจนแทบอยากมุดโซฟาหนี

“นายขยับเข้ามาใกล้เกินไปแล้ว”

“เธอยังไม่ตอบคำถามฉันเลย เขินหรือไง”

ตะวันฉายตวัดสายตาใส่เขาทันที “เออ โดนมองหน้าแบบนี้ไม่ให้เขินได้ยังไงฮะ”

ต่อกะพริบตาปริบๆ พอประมวลผลได้ว่าฉายพูดอะไรออกมาก็แทบจะหลุดหัวเราะ เขากลั้นยิ้มแล้วมองคนหน้าแดง

“ชอบฉันเข้าแล้วล่ะสิ”

อั่ก!

หมัดลุ่นๆ กระแทกเข้าที่อกของต่อจนใบหน้าเขากระตุกไปเพราะจุกจริง

“เธอ!”

“หัดส่องกระจกบ้างนะ หน้าโหลอย่างนายมีเยอะแยะไป ชิ” พูดจบก็เบือนหน้าหนี มีผู้ชายหน้าตาดีมาทำตัวแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยยังนั่งด้านอยู่ได้ก็ต้องเป็นระดับปรมาจารย์แล้วล่ะ

ถึงเธอจะไม่ได้พิศวาสอะไรเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไม่มีเสน่ห์นี่นา ผู้ชายที่มีแรงดึงดูดทางเพศสูงอย่างเขามาทำตัวแบบนี้ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ถ้าไม่ใช่แม่ชีก็คงต้องรู้สึกประหม่าบ้างหรือเปล่า แต่คนปากแข็งอย่างตะวันฉายจะให้พูดตรงๆ ก็ยังไงอยู่

ผู้ชายที่เธอกล้าเต๊าะตรงๆ เอาจริงก็มีแค่ไอดอลที่เธอจีบเช้าจีบเย็นในทวิตเตอร์และโปสเตอร์ที่ซื้อมาติดเต็มห้องนั่นแหละ

คำพูดของตะวันฉายทำให้ต่อหน้าเสียก็จริง แต่อย่างที่เก้าอี้ว่า ความดันทุรังของเขามันสูงกว่าชาวบ้านทั่วไป ดังนั้นแล้วพอคิดจะลองทำอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าต้องเอาจริง เขาไม่เชื่อหรอกว่าตะวันฉายจะสามารถต้านทานเสน่ห์ของตัวเขาได้

“หน้าโหลอย่างฉันทำให้เธอเขินได้นี่ไงล่ะ” เขาหัวเราะในลำคอ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิด ใกล้จนแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่าแทบจะนาบไปกับโซฟา

อีกนิดก็จะโดนคร่อมแล้วให้ตายเถอะ

ลมหายใจของเธอสะดุด จำเป็นต้องหลับตาปี๋เพื่อซ่อนความประหม่าในแววตาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันมือเรียวก็ดันอกเขาไว้ไม่ให้แนบชิดเข้ามาแม้ว่ามันจะเป็นไปได้ยากก็ตามที

ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหูจนหญิงสาวตัวสั่นเทาเพราะปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของร่างกาย เธอเม้มริมฝีปากแน่น ภาวนาให้คู่รักที่ขึ้นไปคุยกันข้างบนลงมาช่วยสักที แต่กลับไร้ประโยชน์ เพราะประโยคที่ต่อพูดกับเธอได้ทำลายความหวังเพียงน้อยนิดนั้นไปแทบจะทันที

“คนน่ะ...คุยกันยาว ถ้าอยากเอาตัวรอด แนะนำให้ขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดีกว่านะ”

“นายจะทำอะไร ทำแบบนี้มันคือการคุกคามทางเพศแล้วนะ” เธอกัดฟันพูด ทว่าพอลืมตาขึ้นมา ใบหน้าเขาก็อยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ

ลมหายใจของต่อเป่ารดขนตาเธอจนจั๊กจี้ ตะวันฉายไม่กล้าช้อนสายตาขึ้นมอง เพราะตอนนี้เหมือนว่าอัตราการเต้นของหัวใจยิ่งนานยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

“ขอฉันลองอะไรสักอย่างสิ”

“อะไร”

“ถ้าเธอรังเกียจมัน ฉันจะมอบโอกาสให้เธอถอนคำพูดเรื่องงานหมั้น”

“นายหมายถึงอะไรกันแน่”

“แต่ถ้าเธอชอบมัน บางทีอาจถึงเวลาคิดแบบผู้ใหญ่” เขาไม่ได้ฟังเลยแม้แต่น้อย

ตะวันฉายทนไม่ไหวจนต้องช้อนสายตามองคนที่แทบจะขังตัวเธอทั้งตัวไว้กับโซฟา รู้สึกได้ว่าต่อตัวใหญ่ขนาดไหนเมื่อเทียบกับเธอ เป็นครั้งที่เธอรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายแท้ๆ คนหนึ่ง ให้ความรู้สึกต่างจากคนที่นอนด้วยกันเพราะความใคร่เพียงอย่างเดียว เหมือนว่าคนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง

แค่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ไม่ใช่คู่นอน

เธอกำลังจะถามเขาว่าสิ่งที่พูดนั้นหมายความว่ายังไง ทว่าคำตอบที่ได้ทำให้เธอต้องกลืนคำถามนั้นลงท้องไปแทบจะทันที สัมผัสร้อนรุ่มที่ริมฝีปากปิดผนึกทุกความสงสัยและความคิดต่างๆ นานาในหัวของเธอจนหมด ทันใดนั้นตะวันฉายก็รู้สึกเหมือนว่าสมองของตัวเองถูกชัตดาวน์ลงโดยความรู้สึกประหลาดนั้น

เขาใช้ริมฝีปากและไรฟันค่อยๆ เบียดทับลงมาบนกลีบปากสีชมพูอ่อนของเธออย่างเนิบช้า ขณะเดียวกันปลายลิ้นเรียวก็แทรกเข้ามาในโพรงปากพร้อมทั้งดูดดึงส่วนอ่อนนุ่มราวกับช่างทำขนมที่กำลังตั้งใจปั้นขนมสายไหม แรงดึงดูดจากรสชาติที่แทรกเข้ามาแทบหลอมละลายตัวเธอรวมทั้งสมองให้กลายเป็นเหมือนสไลม์ตัวเล็กๆ ดวงตาของเธอปิดลงเพราะไม่สามารถผลักไสความรู้สึกดีที่เกิดจากคนตรงหน้าได้ มือทั้งสองข้างขยุ้มเสื้อเชิ้ตเขาเพื่อข่มความรู้สึกรุ่มร้อนที่แผ่ลามไปทั่วทั้งร่าง ใบหน้าเรียวถูกเขาใช้มือล็อกไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่อาจรู้ได้ ทว่าเธอกลับไม่สนใจสัมผัสจากปลายนิ้วสากแม้แต่น้อย

เพราะในที่สุดตะวันฉายก็ตระหนักได้แทบจะทันทีในช่วงหนึ่งที่ปลายลิ้นของเธอถูกรุกเร้าพัวพัน

ถ้าหากเทียบเธอเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ เป็นไฟดวงใหญ่ที่พร้อมจะแผดเผาทุกคนให้เป็นเถ้าถ่าน

เขาก็เหมือนหลุมดำ[ หลุมดำ (black hole) หมายถึงเทหวัตถุในเอกภพที่มีแรงโน้มถ่วงสูงมาก ไม่มีอะไรออกจากบริเวณนี้ได้แม้แต่แสง ยกเว้นหลุมดำด้วยกัน เราจึงมองไม่เห็นใจกลางของหลุมดำ หลุมดำจะมีพื้นที่หนึ่งที่เป็นขอบเขตของตัวเองเรียกว่าขอบฟ้าเหตุการณ์ ที่ตำแหน่งรัศมีชวาร์สชิลด์ ถ้าหากวัตถุหลุดเข้าไปในขอบฟ้าเหตุการณ์ วัตถุจะต้องเร่งความเร็วให้มากกว่าความเร็วแสงจึงจะหลุดออกจากขอบฟ้าเหตุการณ์ได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่วัตถุใดจะมีความเร็วมากกว่าแสง วัตถุนั้นจึงไม่สามารถออกมาได้อีกต่อไป ] ไม่เพียงเธอไม่สามารถแผดเผาเขาให้มอดไหม้ได้ แถมยังถูกเขาดึงดูดเข้าไปทั้งตัว กว่าจะได้สติเธอก็หลุดเข้าไปในหลุมดำนั้นแล้วโดยไม่รู้ตัว

เดิมทีต่อแค่อยากทดสอบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเขาตอนนี้มันคืออะไร แต่พอได้เริ่มต้นแล้ว เขากลับรู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะพอเริ่ม...กลับหาทางหยุดไม่ได้อีกต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel