EP.1 ขึ้นชื่อว่าผัว [2] จบตอน
จบสงครามรักลงด้วยความเหนื่อยล้า ฉันสลบไปภายในห้องของโรงแรมม่านรูดประมาณสองชั่วโมง ก่อนที่จะตื่นมาอีกทีแล้วพบว่าครามกำลังดูดบุหรี่อยู่ที่ปลายเตียง
ที่ตื่นเพราะเหม็นกลิ่นบุหรี่นั่นล่ะ
“คราม มิวบอกแล้วไงว่าให้หยุดสูบบุหรี่เวลาอยู่กับมิว” ฉันแย้งขึ้นแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นมา แต่ขาสั่นตัวสั่นจนขยับตัวไม่ไหว “อะ”
“กล้าสั่งเหรอ” เขาหันหน้ามาถาม พร้อมกับกระตุกยิ้ม มองร่างกายที่อ่อนเปลี้ยและบอบช้ำไปด้วยรอยจ้ำมากมายราวกับว่านี่คือผลงานชิ้นโบว์แดงของตัวเอง
“อย่างน้อยก็ตอนนี้ล่ะ” ฉันพึมพำเบาๆ ด้วยท่าทางงอนเขาแล้วล้มตัวลงนอน “ครามไม่รักมิวเลย”
“กูจะไม่บอกว่ากูรักมึงหรอกนะ” เขาพ่นบุหรี่ออกมาเป็นวงกว้าง “กูว่ามันดาษดื่น อีกอย่างมันน่ารำคาญ”
“...”
“แต่คราวนี้มึงคงรู้แล้วนะ ว่าตัวกับใจมึงเป็นของใคร” ฉันชะงักไป ก่อนที่จะหรี่ตาลงมองเขา แล้วก็เห็นว่าครามมองฉันในความเงียบ “มึงจะไปคบกับคนอื่นนอกจากกูไม่ได้”
“งั้นครามก็ทำบ้างได้มั้ยล่ะ” ฉันผุดลุกขึ้น มองเขาอย่างอ้อนวอน “ครามทำเพื่อมิวสักเรื่องได้มั้ย ถ้ามิวจะขอ”
“ว่ามา”
“ครามเลิกนอกใจ เลิกมีชู้ แล้วอ้างว่าเซ็กซ์กับความรักไม่เกี่ยวกันได้มั้ย” ฉันอ้อนเขา แม้จะรู้ว่าเขาทำมันเป็นสันดานแล้วก็ตาม “เรื่องการพนัน เรื่องเหล้า เรื่องเพื่อนที่คบ เรื่องสรรพนามที่ใช้กับมิว มิวไม่เคยว่าครามสักเรื่อง เพราะครามโตกว่ามิว”
“...”
“แต่ขอแค่เรื่องนี้ได้มั้ย ที่อย่าหักหลังกัน”
ร่างสูงมองฉัน แววตาของเขาแพรวพราวจนน่ากลัว ก่อนที่ครามจะแค่นหัวเราะออกมา เขาทำเหมือนมันเป็นเรื่องตลก
“ได้” เขายิ้มรับ “จะไม่มีเซ็กซ์กับคนอื่นนอกจากมึงก็ได้”
“จริงเหรอ” ฉันเผลอหลุดยิ้มออกมา นี่ล่ะความสุขของฉัน แค่ครามสัญญาว่าจะไม่มีคนอื่น เท่านี้ก็มีความสุขแล้ว ฉันเข้าไปโผกอดร่างใหญ่ๆ ของครามอย่างรักใคร่ “มิวรักครามนะ”
ฉันไม่รู้ว่าครามทำสีหน้ายังไงตอนฉันกอดเพราะฉันมองไม่เห็น ฉันรู้แค่ว่าเขาตอบกลับมาด้วยการกอดฉันกลับอย่างแนบแน่น แล้วกระซิบเสียงหนักที่ข้างหู
“แน่นอน”
[พาร์ท : คราม]
กูกับมิวรู้จักกันมาห้าเดือนได้
กูเป็นคนหยาบคาย แต่พยายามปั้นน้ำเป็นตัว ทำตัวดีกับมิวตลอดตั้งแต่แรกเจอ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเธอคงพอรู้ประวัติของกู
อดีตรุ่นพี่ที่เหมือนเป็นคนรู้จักกันกับพ่อของเธอ พ่อของมิวฝากฝังมิวไว้กับตระกูลกู โดยที่กูรู้อยู่แก่ใจว่าพ่อเธอมันก็แค่เห็นอำนาจและเศษเงินที่กูมี แล้วอยากจะฝากลูกสาวไว้เพื่อจะได้หุ้นกันทางอ้อม
พ่อกูเป็นมาเฟียและดูแลเรื่องดำมืดทั้งหลายไว้ในอุ้งมือหยาบโลนทั้งสองข้าง และกูเป็นลูกคนเดียว จะเรียกว่าลูกเศรษฐีก็ได้
แม่กูตายไปแล้ว กูจำหน้าแม่ไม่ได้และไม่คิดจะจำ เพราะถูกพ่อปลูกฝังว่าแม่มีคนอื่นจนติดโรคแล้วถูกไล่ออกจากบ้านให้ไปตายข้างนอก
จนโตมาป่านนี้ กูก็เพิ่งรู้รสชาติของเซ็กซ์ตอนอายุสิบสอง เพราะพ่อกูก็นอนกับผู้หญิงคนอื่นไปทั่ว กูเลยลองเอากับแม่บ้านในบ้านทุกวัน จนอายุสิบหกก็เริ่มไปซื้อผู้หญิงมาเอา แล้วร่านจนมาเจอมิว
ยอมรับว่าเป็นคนติดเซ็กซ์ กูมันเอาไม่เลือกอยู่แล้ว
กูแค่อยากได้แฟนที่รับกูได้ ที่ยอมให้กูเรี่ยราดได้โดยไม่ใส่ใจ เพราะยังไงกูก็จะกลับมาตายรังที่เดิม
กูรักมิว แต่เธอ
“ครามเลิกนอกใจ เลิกมีชู้ แล้วอ้างว่าเซ็กซ์กับความรักไม่เกี่ยวกันได้มั้ย”
ไม่เคยเข้าใจกู
กูไม่ได้เริ่มเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก กูในอดีตเคยเป็นคนรักเดียวใจเดียว แค่มากเซ็กซ์ แต่ไม่มากรัก
เคยรักผู้หญิงคนเดียว ตายได้เพื่อผู้หญิงคนเดียว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมองกูไม่มีค่า เหมือนของตาย
สุดท้ายความรักที่กูมอบให้ไปก็ถูกเหยียบย่ำอย่างไม่ใยดี อีนั่นเดินจากไปเหมือนกูไม่มีตัวตน
มันเป็นความรักครั้งแรก เซ็กซ์แรกที่รู้สึกดีจนไม่อยากหาใครใหม่ แต่นั่นก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพราะสุดท้ายเธอก็หักหลังกู ทิ้งให้กูเหลือแต่ความรักที่พังไปแล้ว
นับตั้งแต่นั้นกูเลยไม่อยากพลาดอีก เหมือนที่เคยพลาดมาแล้ว เพราะหลังจากอีนั่นเดินจากไป มันก็เดินกลับมาเพราะไม่เหลือใคร แล้วทำให้กูเจ็บซ้ำเจ็บซากจนแทบเป็นบ้า เพราะกูเองก็ควาย รักมันจนหมดใจ
และสุดท้ายมันก็บอกกูว่า
‘น้องสาวเราก็เหมือนเรานั่นแหละ ถ้าครามยังลืมเราไม่ได้ ก็ไปเอาน้องสาวเราแทนสิ’
ก่อนที่จะหนีกูไปในครั้งสุดท้าย มันแนะนำน้องสาวของมันให้กู บอกว่าเป็นน้องสาวที่หน้าคล้ายกันมาก คงเอามาแทนที่กันได้ อยากจะทำไรก็ทำ แต่สุดท้ายมันก็จะไป
กูประชดมันด้วยการเข้าหาน้องสาวมัน โมโหที่น้องสาวมันไปคุยกับผู้ชายคนอื่นเพราะคิดว่าเป็นตัวแทนของมัน แล้วข่มขืนน้องสาวมันตอนที่เธออายุได้แค่สิบแปด
ใช่
น้องสาวของอีนั่น คือมิว
[จบพาร์ท : พี่คราม]
พี่สาวของฉันกลับมาจากญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่วันก่อน
‘พี่เหมียว’ คือพี่สาวแท้ๆ ของฉัน เราไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นัก เป็นพี่น้องที่เกลียดขี้หน้ากันตั้งแต่เด็ก ไม่ค่อยเล่นด้วยกันเหมือนพี่น้องคู่อื่นๆ เพราะพอเล่นของเล่นร่วมกันทีไร มักจะแก่งแย่งกันเองทุกครั้ง
ฉันกับพี่เหมียวเรามีใบหน้าที่คล้ายกันมาตั้งแต่เกิด แต่พี่เหมียวมักก้าวไปไกลกว่าฉันเสมอ เนื่องจากฉันอายุน้อยกว่าเธอตั้งห้าปี มารู้สึกตัวอีกทีตอนวันเกิด เธอก็บินไปต่างประเทศ ที่นั่นคือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงาน
ไม่มีใครรู้ว่าเธอบินไปที่นั่นทำไม เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ
พ่อแม่เรารักพี่เหมียว รักฉัน รักทุกคนเท่ากัน บ้านเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่ไม่รู้ทำไมฉันกับพี่เหมียวถึงไม่ถูกกันนัก
อาจเป็นเพราะ
พี่เหมียวเคยคบกับเพื่อนผู้ชายที่ฉันแอบรัก ฉันคงรู้สึกเหมือนโดนแย่งล่ะมั้ง
ฉันมันก็แย่นะ ที่จ้องแต่จะอิจฉาพี่สาวของตัวเองอยู่เรื่อยไป ตอนอายุสิบแปดพยายามเป็นที่สนใจจนได้เป็นเน็ตไอดอลเพราะอยากเด่นกว่าพี่สาวตัวเอง จนตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่
มีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ที่ครามละเว้นให้ฉันหายใจอยู่ได้
การเป็นเน็ตไอดอล
พี่เหมียวกลับมาพร้อมกับทรงผมยาวสีชมพู ท่าทางเปรี้ยวจัดจนฉันมองอย่างทึ่งสุดๆ พร้อมกับก้มลงมองตัวเองที่ยังเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบเก้าที่เพิ่งแตกเนื้อสาว พี่เหมียวอายุยี่สิบสี่ที่ตอนนี้เจิดจรัสจนฉันไม่สามารถเทียบเคียงได้
ฉันไม่รู้ว่าเธอเริ่มมีเซ็กซ์ครั้งแรกตอนไหน แต่ถ้าเธอรู้ว่าฉันมีเซ็กซ์กับแฟนครั้งแรกตอนอายุสิบแปด เธอต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อแม่แน่ๆ
พ่อแม่ไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยนะ ฉันปิดไว้ตลอด พอรู้ว่าจะเข้ามหาลัยฉันก็ขอย้ายเข้าหอนานๆ ทีจะกลับบ้าน พ่อแม่รับรู้เรื่องคราม แต่ก็แค่เปลือกนอกของเขา แถมยังมองว่าฉันเป็นเด็กดีสุดๆ
จริงๆ วันนี้ที่กลับบ้านมา ก็เพราะว่าแม่โทรมาบอกว่าคิดถึงก็เลยกลับไป อีกอย่างตั้งแต่วันนั้น ครามก็ไม่ค่อยได้มีเรื่องผู้หญิงให้ระแคะระคายใจตามที่เขาว่าจริงๆ
ฉันก็โล่งใจหน่อย แต่ก็พยายามอย่างมากไม่ให้ครามรู้ว่าฉันมีพี่สาวอีกคน ที่สวยและเปรี้ยวกว่าฉัน แถมยังไม่ถูกกันอีกต่างหาก
แค่คิดว่าถ้าเธอจะแย่งครามไปจากฉัน ก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้ว
ฉันมองพี่เหมียวที่คุยกับแม่พ่อเงียบๆ นั่งดูดโค้กอย่างหงุดหงิดที่เห็นหน้าพี่สาวที่ไม่พึงใจ จริงๆ อยากเป็นลูกคนเดียวด้วยซ้ำ ไม่ได้อยากมีพี่สาวแบบนี้เลย
พี่สาวที่ดีกว่าทุกอย่าง จนแอบคิดว่าเธอจะเข้ามาแย่งทุกอย่างไปจากฉัน
“เหมียว น้องเราก็เข้ามหาลัยแล้วนะ ไหนๆ นานๆ ทีก็เพิ่งเจอกัน เข้าไปคุยกับน้องหน่อยสิ” ฉันชะงักนิดๆ เมื่อแม่พูดกับพี่เหมียวที่ไม่คิดจะชายตามามองน้องสาวคนเดียวที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
พี่เหมียวคลี่ยิ้มหวาน พร้อมกับโบกมือทักทาย
“ฮาย มิวน้อย”
ฉันได้แต่ยิ้มกลับไป แน่ล่ะ เล่นละครกันทั้งคู่ เพราะพ่อแม่ไม่เคยรู้ว่าเราทั้งสองคนเป็นพี่น้องที่ไม่ถูกกัน
พี่เหมียวเดินเข้ามาหา ผมสีชมพูอ่อนพลิ้วยาวทำให้ฉันนึกอิจฉา ผมฉันเนี่ยไม่เคยทำสีมาก่อน เลยเป็นสีดำเรียบๆ แบบนี้
“พี่เปรี้ยวขึ้นนะ” ฉันพยายามเริ่มบทสนทนา เพราะแอบมีหนึ่งใจเล็กๆ ที่คิดว่าพี่เหมียวคงจะโตพอที่จะเลิกเมินฉันแล้ว ฉันนี่สิที่ยังเด็กจนขี้อิจฉาเธอ
“หมายถึงผมเนี่ยเหรอ” เธอจับผมยาวๆ ของตัวเองขึ้นมา “แค่ทำสีเอง สู้มิวน้อยไม่ได้หรอก”
“เลิกเรียกหนูว่ามิวน้อยสักที หนูโตแล้วนะ” ฉันกระซิบหน้าบูดๆ
“โอ๋ๆ ก็เรายังดูเด็กในสายตาพี่อยู่เสมอนี่นา” เธอพูดยิ้มๆ พร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ ใจฉันอ่อนยวบไปในทันที ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนะ “เข้ามหาลัยแล้วเป็นไงบ้าง มีแฟนรึเปล่า”
ฉันกลืนน้ำลายลงคอนิดๆ ในใจแอบคิดอีกแล้ว
ถ้าเธอแย่งครามไปล่ะ
“... มีแล้ว แต่อย่าบอกแม่นะ ไว้หนูจะพาเข้าบ้านเอง” ฉันเผลอบอกเธอไปโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะอยากแสดงความเป็นเจ้าของเขา
พี่เหมียวท้าวคาง เธอมีแววตาแปลกๆ
“จริงเหรอ ใครล่ะ”
