บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ฟู่ฟู่ แห่งคฤหาสน์ตระกูลจ้าว

“นะคะป๊า...ป๊าให้หนูเลี้ยงหมาเถอะนะ หนูอยากเลี้ยงหมา หนูเหงามากๆ ถ้าป๊าไม่ให้หนูเลี้ยงหมาหนูจะหาแฟนแล้วนะ!”

“...!”

คนเป็นพ่อหน้าตึงยิ่งกว่าหน้ากลองเมื่อได้ยินว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวอย่างจ้าวเมิ่งเหยียนเอ่ยปากถึงเรื่องการหาแฟนขึ้นมา

อันที่จริงปีนี้ลูกสาวของเขาก็อายุไม่น้อยแล้ว เรียนจบแล้วแถมยังไปช่วยงานที่บริษัทได้หลายเดือนแล้ว เขาผู้เป็นพ่อไม่ควรที่จะควบคุมหรือจำกัดการใช้ชีวิตของแกอีกต่อไป แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคำสั่งเสียสุดท้ายของภรรยาก่อนที่เธอจะจากไปด้วยโรคร้าย ได้สั่งเสียเอาไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามลูกสาวมีแฟนก่อนอายุยี่สิบห้า และชั่วชีวิตนี้จ้าวเมิ่งเหยียนห้ามเลี้ยงสัตว์สี่ขาเป็นอันขาด

เขารู้ว่ามันออกจะเป็นเรื่องงมงายไปมากกับการที่ภรรยาของเขาค่อนข้างที่จะเชื่อในเรื่องของโชคชะตาและการทำนายทายทัก เธอคลั่งไคล้มันถึงขั้นไปร่ำเรียนศาสตร์ด้านนี้โดยเฉพาะและคนแรกที่เธอดูดวงให้ก็คือตัวเธอเอง ต่อมาก็เป็นลูกสาวสุดที่รักที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กทารกน้อยวัยแปดเดือน

และในตอนที่ลูกสาวอายุได้หกขวบเธอก็จากไปด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็งร่วมกับอาการติดเชื้อในกระแสเลือด คำสั่งเสียสุดท้ายที่เธอทิ้งไว้ก่อนจากไปยังติดอยู่ในหูของเขามาจนถึงทุกวันนี้

“ที่รัก...จากนี้ต่อไปคุณกับลูกชายของเราจะมีแต่ความโชคดี พวกคุณทั้งสองคนจงยึดมั่นและทำแต่สิ่งดีๆ เอาไว้ แล้วชีวิตจะพบแต่ความสุขความเจริญ...ส่วนเหยียนเอ๋อร์ ที่รัก...ได้โปรดดูแลอย่างดีจนกว่าเธอจะมีอายุครบยี่สิบห้าปีอย่าให้เธอมีแฟนเด็ดขาด ที่สำคัญสัตว์สี่เท้าคือสิ่งต้องห้ามสำหรับเธอ ห้ามเลี้ยงมันเด็ดขาด ที่รักได้โปรดทำตามคำขอของฉัน”

“ได้ ผมจะดูแลลูกๆ ของเราอย่างดี โดยเฉพาะเหยียนเอ๋อร์”

“ป๊า...ป๊าขา~ให้หนูเลี้ยงหมาเถอะนะ...นะคะ” คนเป็นลูกสาวก็ออดอ้อนไม่หยุด ในขณะที่ผู้เป็นพ่อกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบาก

คำสั่งเสียของภรรยานั้นเป็นสิ่งที่เขาเคยให้สัญญากับเธอไว้ แต่ความต้องการและความสุขของลูกสาวเพียงคนเดียวก็เป็นสิ่งที่เขาไม่ควรที่จะละเลยหรือมองข้ามไปได้

...หากว่าต้องเลือกให้ลูกเลี้ยงหมากับให้ลูกมีแฟน เขาขอเลือกอย่างแรกจะดีกว่า หมาก็เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เทียบกันแล้วคงจะก่อปัญหาให้เขาหรือลูกสาวได้ไม่มากเท่าคนแน่นอน

“ป๊า”

“ได้ งั้นลูกก็ไปเลือกเอามาสักตัวก็แล้วกัน เอาที่เห่าเสียงเบาๆ หน่อยก็ดี”

“เย้! ขอบคุณนะคะป๊า หนูรักป๊าที่สุดในโลกเลย”

สองวันต่อมาจ้าวเมิ่งเหยียนก็ได้สุนัขปอมเมเรเนียนสีน้ำตาลวัยสองเดือนเพศเมียมาตัวหนึ่ง เธอตั้งชื่อให้มันว่าฟู่ฟู่ที่แปลว่าร่ำรวย

เจ้าฟู่ฟู่เป็นสุนัขที่ฉลาดมาก มันฟังภาษาคนรู้เรื่องจ้าวเมิ่งเหยียนเลี้ยงมันไว้ในห้องนอนของเธอราวกับว่ามันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ฟู่ฟู่ไม่เคยอึหรือฉี่เลอะเทอะ กินอาหารเรียบร้อย ที่สำคัญคือมันไม่เห่าเก่งเหมือนสุนัขตัวอื่นๆ ทั้งยังเข้าใจหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของมากๆ เวลาที่จ้าวเมิ่งเหยียนเครียดเรื่องงานแล้วมาบ่นให้มันฟังฟู่ฟู่ก็จะนั่งฟังอย่างตั้งใจราวกับว่ามันรู้เรื่องและเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นเป็นอย่างดี

นั่นจึงทำให้จ้าวเมิ่งเหยียนหลงรักฟู่ฟู่มาก ทุกคืนพวกเธอจะนอนด้วยกันบนเตียงกว้าง ภายใต้ผ้าห่มผืนหนานุ่มจะมีร่างของหนึ่งคนหนึ่งสุนัขซุกตัวนอนหลับอยู่เช่นนั้นทุกคืน

แต่แล้วความแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในเช้าวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่จ้าวเมิ่งเหยียนควรจะตื่นได้แล้วเพื่อที่เธอจะได้เตรียมตัวออกไปทำงานอย่างเช่นทุกวัน ทว่าวันนี้เธอกลับไม่ตื่นเสียอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอยังมีอาการตัวร้อนและละเมอพูดออกมาอีกด้วย

“เมิ่งเหยียน เมิ่งเหยียน นี่ตื่นสิ!”

เสียงเล็กๆ เอ่ยเรียกหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของอยู่ข้างหู แต่จนแล้วจนรอดร่างบอบบางที่นอนอยู่บนเตียงก็ยังนิ่งไร้ปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับ จนสุดท้ายร่างเล็กที่มีขนปุกปุยก็ตัดสินใจวิ่งลงจากเตียงไปที่ประตูเพื่อขอความช่วยเหลือ

แต่ด้วยความที่ยามนี้นางเองเป็นเพียงสุนัขน้อยตัวหนึ่งมีหรือที่จะสามารถเปิดประตูที่มีลูกบิดอยู่สูงกว่าตัวเองเกือบหนึ่งเมตรได้

“หรือว่าคราวนี้ข้าจะต้องเห่าอีกจริงๆ” ปอมเมเรเนียนตัวน้อยขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเสียงเห่าเล็กๆ ก็ดังขึ้นอยู่ภายในห้องนอนของจ้าวเมิ่งเหยียน

เวลาผ่านไปเนิ่นนานร่วมสิบกว่านาที ประตูห้องนอนจึงถูกเปิดออกโดยชายสูงวัยผู้หนึ่ง ฟู่ฟู่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือบิดาของหญิงสาวที่นอนไข้อยู่บนเตียงดังนั้นมันจึงเห่าเรียกเขาสองสามทีก่อนจะกัดที่ขากางเกงของเขาแล้วพาเดินไปยังเตียงนอน

นั่นจึงทำให้ผู้เป็นบิดารู้ว่าลูกสาวที่รักของตนไม่สบาย จ้าวเมิ่งเหยียนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วนเมื่อเธอมีไข้สูงถึงสี่สิบองศา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel