
ก่อนจันทร์จะลับฟ้าปรารถนาเพียงได้รัก
บทย่อ
บานประตูเปิดออกพร้อมกับร่างของอสูรรัตติกาลก็ปรากฏตรงหน้า เขาเดินเข้ามาใกล้ ร่างสูงใหญ่สวมกางเกงผ้าแพรสีดำที่ผูกปมตรงกลางกับเสื้อไร้กระดุมสีเดียวกัน เปิดเปลือยแผงอกแกร่งต่อหน้าหญิงสาว ‘คืนนี้เขาจะชำระแค้นเธอ ให้สาสมกับเธอทำกับเขาเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน’ “ก่อนจันทร์จะลับฟ้าในราตรีนี้ เจ้าจะได้ลิ้มลองรสสวาท ที่จะสะท้านสะเทือนไปถึงจิตวิญญาณของเจ้า” ลมหายใจของพราวดาราสะดุดลง เมื่อมือเย็นชืดของจอมแวมไพร์หนุ่มวางทาบลงลำคอของเธอ นิ้วเรียวของเขาไล้วนอยู่บนจุดชีพจรที่กำลังเต้นตุ้บๆเพียงเบาๆ แต่ทว่ากลับเขย่าความรู้สึกของเธออย่างมากมาย ‘แต่เธอจำได้ เขาบอกว่าเขาจะไม่มีวันมอบหัวใจให้กับเธอ เขาไม่มีวันรักเธอ เธอจะได้รับเพียงบทลงโทษของเขาเท่านั้น เขาเกลียดเธอ!’ หญิงสาวเผลอไผลจ้องตาเขานิ่งนานราวต้องมนต์สะกด พอรู้สึกตัวอีกที เขาก็กระชากเธอเข้าสู่อ้อมแขนแกร่งแล้ว อ้อมแขนที่ชวนให้เธอรู้สึกหวามไหวและหวาดหวั่นในคราวเดียวกัน
Ep.1 จุดเริ่มต้น เจ้าสาวของอสูรแห่งรัตติกาล (1)
ราตรีนี้เป็นคืนก่อนจะถึงคืนเดือนมืดในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างในห้องตกอยู่ในความมืดสลัวแทบจะมองไม่เห็นอะไร พราวดาราถูกปล่อยให้อยู่ในห้องนอนกว้างเพียงลำพัง
‘ไม่ได้ ทุกอย่างเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น แต่ยังไม่สมบูรณ์’
“เขาไปอยู่ที่ไหน”
พราวดาราหันไปมองรอบๆห้องก็ไม่เห็นแม้เงาของอสูรแห่งรัตติกาล เดินไปดูที่ระเบียงก็ไม่เห็น
ทำให้เจ้าสาวที่ยังอยู่ในชุดกรุยกรายสีขาวฟูฟ่อง ต้องออกตามหาเจ้าบ่าวของตนเองทุกห้องในคฤหาสน์หลังใหญ่ เธอเดินหาเขาจนเหนื่อยแต่ก็ไม่พบ
“ไปไหนของเขาเนี่ย หรือว่าเขาไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธอ แล้วเขายอมเข้าพิธีแต่งงานกับเธอทำไมกัน”
พราวดาราถามตนเองขณะที่มองหาเจ้าของร่างสูงในชุดสูทสีดำไปรอบๆ มองออกไปทางสวนหย่อมหนาทึบแต่ก็มองหาไม่เห็น
เธอเดินชนนั่นชนนี่ เดินตามหาเขาไปรอบๆตัวคฤหาสน์ จนจะใกล้จะครึ่งทางแล้ว อีกครึ่งทางก็จะเดินวนรอบคฤหาสน์ครบหนึ่งรอบ
ร่างอรชรในชุดสีขาวยาวลากพื้นค่อยๆเดินลัดเลาะเข้าสู่พุ่มไม้ ลอดผ่านซุ้มไม้ประดับเข้าไปตามทางเดินแคบที่โรยด้วยหินสีขาว แต่เธอมองไม่เห็นอะไรเลย เธอคลำสะเปะสะปะไปสุดทาง จนถึงทางออกในที่สุด
หญิงสาวพยายามปรับโฟกัสสายตา พยายามมองผ่านความมืดสลัวใต้แสงจันทราที่ยังคงมีแสงริบหรี่ ที่ทอประกายอย่างอ่อนแสง ท่ามกลางหมู่ดาวมากมายนับล้านดวง ที่แข่งกันส่องประกายระยิบระยับเต็มน่านฟ้า
“ดุ๊ค คุณอยู่ที่ไหน”
คืนนี้ไม่ว่าเธอจะกลัวเขามากแค่ไหน เธอก็จะไม่หนี
ต่อให้ต้องถูกกัดคอ ถูกเขาดูดเลือดของเธอจนหมดทุกหยาดหยด เธอก็ต้องอดทนจนกว่า...
กรอบ!
“ว้าย!”
หมับ!!
เธอเกือบล้มไปแล้ว แต่ก็ถูกมือของใครบางคนจับต้นแขนของเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง แล้วเขาก็พยุงเธอขึ้นมา เธอค่อยๆหมุนตัวแล้วหันหน้ามาเผชิญกับเขา
เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเขา
คฤหาสน์หลังนี้ในเวลาเช่นนี้ นอกจากเธอแล้วก็มีเพียงเขาตนเดียวเท่านั้นที่ยังตื่นอยู่ เพราะมันเป็นเวลาที่เหล่าบริวารที่เป็นมนุษย์พากันหลับไหลกันหมดแล้ว จะเหลือก็แต่พวกปีศาจรตรีเท่านั้นที่ยังตื่นและออกหากินอยู่
“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมเจ้ายังไม่นอน” เขาถามเสียงเรียบ
“ก็คุณไม่อยู่ด้วย พราวจะนอนได้ยังไง”
“ไหนบอกว่ากลัวข้า”
“ไม่กลัวแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าไม่กลัว เงยหน้าขึ้นมาสบตาข้าสิ”
พราวดารากลั้นใจแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาแวมไพร์หนุ่ม ผู้ซึ่งเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่แห่งเหล่าแวมไพร์ทั้งปวงช้าๆ และเธอหวังว่าเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เธอจะไม่เห็นเขี้ยวสีขาววาววับยาวโง้วที่แสนน่ากลัวของเขางอกออกมาให้เห็นหรอกนะ
‘เขาจะกัดคอเธอตอนนี้ยังไม่ได้ เขาจะกัดคอและดูดเลือดเธอได้ ก็ต่อเมื่อ’
หญิงสาวสบตาเจ้าของดวงตาสีครามเข้มในยามนี้ด้วยประกายตาไหวระริก
“หึ ปากบอกว่าไม่กลัว แต่ตัวสั่นแบบนี้มันคืออะไร”
“พราวก็แค่...กลัวความมืด”
“ปากไม่ตรงกับใจเหมือนเดิมเลยนะ สองร้อยกว่าปีก่อน เจ้าเคยเป็นแบบไหน ตอนนี้เจ้าก็ยังเป็นแบบนั้น ไม่เคยเปลี่ยน แต่ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเจ้าถึงยอมเป็นเจ้าสาวของข้าง่ายๆล่ะ ทั้งที่ข้าบอกเจ้าไปแล้วว่า การตกเป็นของข้าหมายถึงความตาย หรือถ้าโชคร้ายกว่านั้น ก็ต้องเป็นเหมือนข้าไปตลอดกาล”
การกระทำของเธอ เมื่อมาเจอเขาในโลกยุคนี้ มันทำให้เขาแปลกใจ
“พราวบอกเหตุผลคุณไปแล้ว”
“รักข้า แค่นั้นเหรอ ไม่ใช่แค่เหตุผลนี้หรอกกระมังพราวดารา ไหนลองพูดความจริงกับข้าซิ เจ้าตกลงแต่งงานกับข้าเพราะอะไร ในเมื่อเราเพิ่งเจอกัน แล้วเจ้าก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ข้าเป็นปีศาจราตรี เป็นผีดิบดูดเลือดที่เจ้าควรต้องกลัว”
“พราวกลัวค่ะ พราวกลัวผีดิบหรือว่าแวมไพร์ แต่ถ้าคุณอยากรู้ว่าพราวรักคุณจริงหรือเปล่า คุณก็แค่ดูดเลือดของพราว คุณก็จะรู้ความจริงแล้วนี่คะ”
“งั้นข้าขอรู้ความในใจของเจ้าจริงๆตอนนี้เลยได้ไหม” iชาแวมไพร์หนุ่มทำท่าเอียงคอก้มลงมา ทำท่าเหมือนจะกัดคอเธอ
“ไม่ค่ะ คุณต้อง...ต้อง...”
