(3)สถานะเพื่อนที่เอากันได้
สถานะเพื่อนที่เอากันได้
3 ปีก่อน
"วันนี้ฉันไปส่งนะ"ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยน้ำเสียงทุ้มในขณะที่ฉันกำลังเก็บหนังสือเรียนใส่กระเป๋า เตรียมตัวกลับบ้าน
"...."ฉันเงยหน้ามองคนพูดแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ
"วันนี้เธอไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ"
"อืม"ฉันตอบกลับสั้น ๆ แต่ในใจรู้สึกแย เมื่อรถประจำที่ฉันขับได้ถูกขายไปแล้ว เรื่องนี้ฉันไม่ได้บอกใคร ถึงแม้ว่าฉันกับเทมโปตกลงเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่สนิทใจที่จะเล่าเรื่องส่วนตัว.
"มีอะไรหรือเปล่า"
"ไม่มีอะไร..เราไปกันเถอะ"ระหว่างฉันนั่งเงียบเพราะในหัวคิดแต่เรื่องที่บ้าน ตอนนี้พ่อฉันที่เป็นเจ้าของบริษัทกำลังจะล้มละลายเพราะถูกเพื่อนที่ไว้ใจโกงเงินไปแทบหมดตัว พ่อจำเป็นต้องขายสมบัติออกไปบางส่วนเพื่อใช้หนี้ รวมถึงรถยนต์ที่ฉันขับอยู่บ่อย ๆ ด้วย แต่ถึงจะขายสมบัติออกไปค่อนข้างเยอะ ก็ยังใช้หนี้ที่มากมายมหาศาลไม่หมด
"เฮ้อ..."ฉันเผลอพ่นลมหายใจพรืดใหญ่ ทำให้คนขับที่นั่งข้าง ๆ หันขวับมาที่ฉัน
"เป็นอะไรหรือเปล่า"แล้วเอ่ยถาม
"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย"จะโกหกว่าไม่มีอะไรก็แปลก ๆ เพราะฉันถอนหายใจดังขนาดนั้น
"มีเรื่องอะไรเล่าให้ฉันฟังได้นะ"
"...."ฉันไม่ได้พูดอะไรได้แต่นั่งนิ่ง.
"อย่าลืมสิว่าเราเป็นเพื่อนกันนะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก"
"แกนขอจัดการปัญหานี้เองก่อนนะ แต่ถ้าเกิดยังจัดการไม่ได้แกนจะขอความช่วยเหลือจากนาย"ฉันก็พูดปัด ๆ ไปเพราะปัญหาที่บ้านมันหนักหนาคงไม่มีใครช่วยครอบครัวเราได้หรอก
"อืม..ฉันยินดีช่วยเธอเสมอ"เจ้าของใบหน้าหล่อหันมาคลี่ยิ้มให้แล้วหันไปที่ถนน ฉันจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกอุ่นใจ เทมโปเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมาก
สถานการณ์บ้านฉันแย่ลง พ่อล้มละลาย และที่แย่กว่านั้นบ้านที่ฉันอาศัยอยู่ก็โดนบริษัทสินเชื่อที่พ่อเอาบ้านไปค้ำประกันก็โดนยึด ทำให้ฉันและครอบครัวต้องโยกย้ายหาบ้านเช่าใหม่ จึงไม่มีเวลาได้ไปเรียน จนกระทั่งเราได้บ้านหลังใหม่ ระหว่างที่กำลังย้ายข้าวของ รถสปอร์ตคันหรูก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ฉันจำได้ดีเลยว่ารถคันดังกล่าวเป็นของใคร
"เทมโป"
"ใช่เพื่อนลูกที่เคยมาส่งไหม"พ่อเอ่ยถามขึ้น
"ใช่ค่ะ"เทมโปมาส่งฉันบ่อย ๆ พ่อกับแม่จึงจำรถของเขาได้ แต่ไม่เคยได้พูดคุยกันเพราะเทมโปมักจะมีธุระรีบกลับไปก่อน
"สวัสดีครับ"ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาในบ้านแล้วเอ่ยสวัสดีพ่อกับแม่ฉันก่อนที่จะกวาดสายตามองไปที่ข้าวของที่ถูกบรรจุไว้ในลัง.
"จะย้ายไปไหนกันเหรอครับ"คำถามนั้นทำให้เราสามคนพ่อแม่ลูกมองหน้ากัน ก่อนที่ฉันจะเป็นคนตอบคำถามเอง.
"ย้ายไปที่xx"
"ทำไมถึงต้องย้าย"เทมโปเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัยและอยากรู้
"บ้านแกนโดนยึด"ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นแล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวบ้านอย่างสลดใจ เพราะบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ฉันอยู่ตั้งแต่เกิด
"ทำไมถึง...."
ตอนนี้ฉันแยกตัวมาคุยกับเทมโปสองต่อสอง แล้วตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างให้กับเขาได้รู้
"เกิดเรื่องขนาดนี้ทำไมไม่บอกฉันเลย"พอเล่าจบเทมโปก็พูดขึ้น
"แกนคิดว่าเรื่องมันหนักหนาเกินกว่าที่เทมโปจะช่วย..."
"เธอคิดว่าฉันช่วยเธอไม่ได้?"เสียงทุ้มดังแทรกขึ้นขณะที่ฉันยังพูดไม่จบประโยค
"บริษัทสินเชื่อที่ยึดบ้านของเธอคือบริษัทอะไร"เทมโปพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่มีสีหน้าดูเคือง ๆ ฉันนิดหน่อย
"เทมโปจะรู้ไปทำไมเหรอ"
"บอกมาเถอะหน่า"สุดท้ายฉันก็ยอมบอกแล้วเอาเอกสารสัญญาให้เทมโปดู พอเขาดูเอกสารอย่างละเอียดเทมโปก็กลั้วหัวเราะออกมา
"หึ...เดี๋ยวฉันจัดการให้"พูดจบก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่งหินอ่อน
"นายจะทำอะไร"
"บอกพ่อแม่ของเธอด้วยว่าไม่ต้องย้ายไปไหน..ฉันจะจัดการเรื่องบ้านให้เอง"
"เทมโป...มันเป็นเงินไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ"
"เชื่อฉัน"ว่าแล้วคนตัวสูงก็เดินออกไปปล่อยให้ฉันยืนงงเต็ก
สรุปว่าฉันกับครอบครัวไม่ต้องย้ายไปไหนแล้ว เนื่องจากบริษัทสินเชื่อนั้นเป็นบริษัทญาติของเทมโป เขาจึงไปช่วยพูดให้พ่อฉันได้ผ่อนผันในระยะยาวได้ต่ออีก ทำให้พ่อแม่ฉันซาบซึ้งน้ำใจเพื่อนคนนี้ของฉันมากร่วมถึงตัวฉันด้วย
ไม่เพียงแค่นั้นเทมโปยังติดต่องานที่บริษัทให้พ่อทำด้วยเป็นบริษัทอสังหาฯที่ใหญ่โตของที่บ้าน ซึ่งมี ลุงเหนือ เป็นประธานบริษัท และ พี่ทอย เป็นรองประธานนั้นเอง พ่อได้เงินเดือนค่อนข้างสูงเลยที่เดียว.
ถึงพ่อจะมีเงินเดือนที่สูงแต่ก็ยังต้องใช้หนี้ที่มีอยู่มากมาย ฉันกับแม่จึงไม่อยากอยู่เฉย ๆ แม่ตัดสินใจทำขนมส่งขาย ส่วนฉันก็หางานพาร์ทไทม์ทำ
"ช่วงนี้ทำไมรีบกลับบ้านจัง"ระหว่างที่ฉันเก็บหนังสือใส่กระเป๋า เทมโปก็เดินเข้ามาที่ฉันแล้วเอ่ยถาม.
"แกนจะไปหางานพาร์ทไทม์ทำน่ะ..จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้น"
"ทำไมต้องทำ?"ชายหนุ่มหน้าหล่อขมวดคิ้วถาม
"อยากช่วยพ่อกับแม่"ฉันตอบกลับแล้วเบือนหน้าไปลอบหายใจเบา ๆ
"อืม..."เทมโปแค่นเสียงในลำคอเบา ๆ แล้วจ้องมองที่มาฉันด้วยสีหน้าราวกับคิดอะไรบางอย่าง
"....ฉันมีงานให้เธอทำสนใจไหม"
"งานอะไรเหรอ"ฉันรีบถามด้วยความดีใจเพราะเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังหางานไม่ได้
"ก็แค่ช่วยติวหนังสือให้ฉันกับเพื่อน"ฉันนิ่งไปครู่นึงในหัวนึกถึงคำพูดของฝนวันนั้นที่ฉันแอบได้ยิน
"งานสบาย ๆ เงินดีไม่สนเหรอ"
"อืม..ก็ได้"สุดท้ายฉันก็ยอม เพราะต้องการหาเงินช่วยพ่อ
ฉันช่วยติวหนังสือให้กับทุกคนในกลุ่มมาตลอด โดยเฉพาะเทมโป บางครั้งเขามักจะให้ฉันไปติวหนังสือให้ที่คอนโด และที่บ้านช่วงที่เขาจะกลับไปนอนบ้าน ทำให้ฉันรู้จักกับครอบครัวเขาเป็นอย่างดี ช่วงเวลานั้นฉันใกล้ชิดและมีความผูกพันธ์กับเทมโปมาก จึงทำให้ฉันรู้สึกกับเขามากกว่าเพื่อนซะแล้ว
จนกระทั่งพวกเราสอบเสร็จ ทุกคนต่างพากันดีใจเพราะผลสอบออกมาดีมาก จนเทมโปนัดฉลองที่ผับของเขา
และวันนั้นฉันก็ได้บอกความในใจกับเขาด้วยอาการมึนเมา
"เทมโป...แกนรักเทมโป"
"หึ..รักฉันแล้วยอมให้ฉันเอาได้ไหม"
"ทะ เทมโปทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ"ฉันรู้สึกตกใจกับคำพูดของเขาเล็กน้อย
"ฉันก็พูดไปงั้นแหละ"พูดจบเทมโปก็ลุกขึ้น
"นายจะไปไหนเหรอ"ฉันแหงนหน้าเอ่ยถามทันที
"ฉันนัดคนไว้ เธอดื่มไปเถอะ"ขายาวกำลังจะก้าวเดิน ฉันรีบลุกขึ้นตามแล้วคว้าแขนแกร่งไว้
"แกนไม่อยากให้เทมโปไปเลย"ฉันรู้ดีว่า เทมโปออกไปเจอกับผู้หญิงแล้วจะทำอะไรกัน.อารมณ์ของฉันเกิดมีความรู้สึกหึงหวงขึ้นมา เทมโปจ้องหน้าฉันแล้วขมวดคิ้วเข้ม.
"ที่ผ่านมานายไม่รู้สึกอะไรกับแกนเลยเหรอ"
"...."เทมโปไม่พูดได้แต่จ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น
"แกนรักเทมโปจริง ๆ นะ แกนไม่อยากเป็นเพื่อนกับเทมโปแล้ว"ฉันยังคงจับแขนแกร่งไว้แน่น
"ขอโทษที่ฉันอาจจะทำให้เธอเข้าใจผิด...ฉันเห็นเธอเป็นแค่เพื่อน"
"เทมโป..."ฉันเอ่ยเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
"...ถ้าอย่างนั้นแกนขอเลิกเป็นเพื่อนกับเทมโป"พูดจบฉันก็ปล่อยแขนเขา
"คิดจะเลิกคบก็จะเลิกง่าย ๆ เหรอ"ระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินออกจากห้อง จู่ ๆ มือหนาก็กระชากแขนฉันเซไปที่หน้าอกชายหนุ่ม
"เทมโปปล่อยแกนนะ..แกนเจ็บ"เทมโปบีบที่ข้อมือฉันแรงมาก
"พอฉันไม่รับรักก็จะเลิกเป็นเพื่อน?...อยากโดนฉันเอานักใช่ไหม"
"ว้ายยย!"ฉันกรีดเสียงร้องด้วยความตกใจ เพราะเทมโปเหวี่ยงฉันไปนอนกองที่โซฟา
"ถ้าฉันยังเรียนไม่จบ..เธอจะไปจากฉันไม่ได้"ฉันขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มที่กำลังปลดกระดุมเสื้อ และพยายามจะลุกขึ้น
"และเธอก็ต้องอยู่ในสถานะเพื่อน ที่ฉันสามารถเอากับเธอได้"พรึ่บ ! เสื้อเชิ้ตก็ถูกเหวี่ยงลงไปที่พื้น
........
