บทที่ 7 รากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง
บทที่ 7 รากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง
กู้ชิงอวิ๋นที่นั่งนิ่งครุ่นคิดถึงการหาเงินอยู่คนเดียวมาพักใหญ่ นางนึกถึงสภาพของจวนที่ตนเองเห็นระหว่างที่เดินไปหาเรือนท่านย่า...เรือนหลายหลังถูกทิ้งร้างจนหญ้าขึ้นสูง แต่เหตุใดกลับยังดูเหมือนมีบ่าวไพร่เดินไปเดินมาอยู่เต็มไปหมด? หากการเงินฝืดเคืองถึงเพียงนี้ ทำไมยังต้องเลี้ยงคนไว้มากมายให้สิ้นเปลืองเบี้ยหวัดและอาหาร? มันช่างดูขัดแย้งกันอย่างยิ่ง
นางหันไปมองอาหนิงที่นั่งอยู่อย่างสงบเสงี่ยม แล้วเอ่ยถามข้อสงสัยนั้นออกไป
"อาหนิง ในเมื่อการเงินของจวนเราฝืดเคืองถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงยังต้องมีบ่าวไพร่มากมายนัก?"
อาหนิงมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะตอบ
"คือว่า…คุณหนูใหญ่เจ้าคะ บ่าวไพร่ที่ยังอยู่ในตอนนี้นั้นถือว่าน้อยลงมากแล้วนะเจ้าค่ะ ฮูหยินรองได้ส่งบางส่วนกลับบ้านเดิมไปบ้างแล้วเจ้าค่ะ"
กู้ชิงอวิ๋นเลิกคิ้ว
"ส่งกลับบ้านเดิม? หรือว่าขายไป?"
อาหนิงสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกถามตรงๆ นางก้มหน้าลงแล้วตอบเสียงแผ่ว
"ก็...ก็มีทั้งสองอย่างเจ้าค่ะ...แต่ที่พวกเขาดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงทำงานกันมากนักก็เพราะว่า…เอ่อ..."
นางลังเลอย่างเห็นได้ชัด
นางลังเลอย่างเห็นได้ชัด
"พูดมาเถอะ" กู้ชิงอวิ๋นกล่าวเสียงเรียบ "ตอนนี้มีแค่เราสองคน"
อาหนิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ "เพราะว่า...พวกเขาไม่ได้เบี้ยหวัดรายเดือนมาสามเดือนแล้วเจ้าค่ะ…ฮูหยินรองบอกกับพ่อบ้านว่าตอนนี้เงินคงคลังเหลือน้อยเต็มที หากนำมาจ่ายเบี้ยหวัดก็จะไม่มีเงินสำหรับซื้อข้าวสารอาหารแห้งแล้ว...เพราะเบี้ยหวัดของท่านแม่ทัพเองก็ถูกลดลงไปมากหลังจากทำงานพลาดเมื่อคราวก่อนเจ้าค่ะ" นางรีบเสริม "บ่าว...ไปแอบได้ยินพวกป้าจางในครัวคุยกันมาเจ้าค่ะ"
คำอธิบายของอาหนิงทำให้กู้ชิงอวิ๋นนิ่งไป...ในหัวกำลังวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ทำงานพลาด? ลดเงินเดือน? ไม่มีเงินจ่ายเบี้ยหวัด?
นางเข้าใจแล้ว...นี่ไม่ใช่แผนการที่ลึกซึ้งซับซ้อนอะไรเลย มันคือการบริหารจัดการที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง!
ฮูหยินรองหลิวซื่อนั้นไม่ได้ฉลาดล้ำลึกอย่างที่นางเคยคิด นางเป็นเพียงสตรีที่พยายามจะรักษาหน้าตาและเอาตัวเองให้รอดเท่านั้น! การที่ไม่ปลดบ่าวไพร่ที่เกินความจำเป็นออกไปทั้งหมด ก็เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของ "จวนแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่" เอาไว้ไม่ให้คนภายนอกดูแคลน แต่เมื่อเงินสดในมือมีจำกัด...นางก็เลือกที่จะเก็บเงินนั้นไว้เพื่อปรนเปรอตัวเองและบุตรสาวก่อนเป็นอันดับแรก!
นางเลือกที่จะปล่อยให้บ่าวไพร่ลำบาก อดมื้อกินมื้อ และทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก ดีกว่าลดมาตรฐานการใช้ชีวิตของตัวเองลง! ช่างเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและสายตาสั้นอย่างแท้จริง!
"แล้วร้านค้ากับที่นาของท่านแม่ข้าเล่า? จวนเราไม่มีรายได้จากทางนั้นเลยรึ?" กู้ชิงอวิ๋นถามต่อ
อาหนิงส่ายหน้า
"มีเจ้าค่ะ...แต่...แต่ได้ยินว่าสองสามปีมานี้ ร้านค้าทั้งสามแห่งแทบจะไม่มีกำไรเลยเจ้าค่ะ พ่อบ้านที่ฮูหยินรองส่งไปดูแล...ดูเหมือนจะไม่มีความสามารถเท่าใดนัก ทำให้รายได้หลักของจวนตอนนี้มีเพียงเบี้ยหวัดอันน้อยนิดของท่านแม่ทัพเท่านั้น"
จวนแม่ทัพกู้กำลังเผชิญกับพายุจากทุกทิศทาง...จากภายนอกคือความไม่โปรดปรานของฮ่องเต้ ทำให้รายได้หลักถูกตัดทอน ส่วนจากภายใน...ก็คือการบริหารที่ล้มเหลวและเห็นแก่ตัวของฮูหยินรอง ที่ทำให้รายได้เสริมเหือดหายไปจนหมดสิ้น!
นางไม่ได้กำลังต่อสู้กับศัตรูที่ร้ายกาจ...แต่นางกำลังต่อสู้กับความยากจนและความไร้ความสามารถที่กำลังกัดกินจวนแห่งนี้ให้พังลง!
อาหนิงถอนหายใจยาว ดวงตาฉายแววเศร้าสร้อยและซับซ้อน
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ...เรื่องเงินเป็นเพียงปลายเหตุรากเหง้าของปัญหานั้นลึกซึ้งกว่านั้นมากเจ้าค่ะ"
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเล่าความจริงที่คนทั้งจวนต่างรู้ดีแต่ไม่มีใครกล้าพูดออกมาดังๆ
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ...เรื่องที่ใหญ่ที่สุด...คือท่านแม่ทัพไม่มีทายาทชายเจ้าค่ะ"
คำพูดนั้นทำให้กู้ชิงอวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ในโลกเก่าของนางเรื่องนี้อาจจะดูไร้สาระ แต่ในยุคสมัยที่ยึดมั่นในวงศ์ตระกูลเช่นนี้...การไม่มีผู้สืบทอดที่เป็นบุรุษ ถือเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด
อาหนิงเล่าต่อ "นายท่านมีคุณหนูใหญ่เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวกับฮูหยินเอกผู้ล่วงลับ...ส่วนฮูหยินรองนั้น แม้จะพยายามมาหลายปี แต่พวกเขาก็ไม่มีลูกด้วยกันและนายท่านก็ไม่ได้รับอนุเข้าบ้านอีกด้วย เรื่องนี้ทำให้เกิดเสียงซุบซิบนินทาไปทั่ววงสังคมขุนนาง โดยเฉพาะในหมู่แม่ทัพด้วยกัน...พวกเขาต่างมองว่าตระกูลกู้กำลังจะสิ้นสุดลงที่รุ่นของท่านแม่ทัพ"
"เพราะเหตุนี้...เหล่าแม่ทัพตระกูลอื่นจึงไม่ค่อยให้เกียรติท่านเหมือนเก่าก่อน มักจะหาเรื่องกลั่นแกล้งในราชสำนักอยู่เสมอ แม้แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาบางคนก็เริ่มไม่ยำเกรงเหมือนเคย เพราะพวกเขาคิดว่าเมื่อท่านแม่ทัพสิ้นอำนาจไปแล้ว ก็ไม่มีอนาคตให้ติดตามอีกต่อไป"
"ประกอบกับหลายปีมานี้...ท่านแม่ทัพแทบไม่มีผลงานใหญ่ๆ ในสนามรบเลยเจ้าค่ะ การรบที่ชายแดนเป็นเพียงการรบติดพันเล็กๆ น้อยๆ ที่เอาชนะได้ยาก บางครั้งยังเพลี่ยงพล้ำกลับมา...ทำให้ฝ่าบาทเริ่มไม่พอพระทัยมากขึ้นเรื่อยๆ จวนตระกูลกู้ของเราจึงไม่ได้รับการเหลียวแลเหมือนเมื่อก่อน ทั้งเบี้ยหวัดและรางวัลต่างๆ ก็ลดน้อยลงไปมาก" ข้อมูลวงในที่ลึกซึ้งขนาดนี้นางก็ได้มาจากห้องครัวเช่นกัน บ่าวไพร่นั้นนั่งนินทาเจ้านายโดยไม่ได้เกรงใจมันมากนัก
กู้ชิงอวิ๋นหลับตาลง...บัดนี้นางเข้าใจภาพรวมทั้งหมดแล้ว
ปัญหาทั้งภายในและภายนอกกำลังรุมเร้าบิดาของนางจากทุกทิศทาง แรงกดดันจากการไม่มีทายาท ความอัปยศในสนามรบ และความไม่ไว้วางใจจากเบื้องบน...ทั้งหมดนี้ได้กัดกร่อนชายผู้เคยเป็นวีรบุรุษให้กลายเป็นคนที่หมดหวัง
อาหนิงกล่าวปิดท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ท่านแม่ทัพจึงยิ่งร้อนใจ...ท่านอยากจะสร้างผลงานใหญ่ให้ฝ่าบาทเห็น อยากจะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง...ทำให้ท่านทุ่มเททุกอย่างให้กับกองทัพ...จนละเลยเรื่องราวในจวนไปหมดสิ้น...และปล่อยให้ทุกอย่างอยู่ในความดูแลของฮูหยินรอง..เจ้าค่ะซึ่งก็อย่างที่คุณหนูเห็นนางไม่ได้สนใจที่จะดูแลมากนัก หักว่าขายผู้ใดได้นางก็ขายเจ้าค่ะ "
กู้ชิงอวิ๋นลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในแววตาของนางไม่ได้มีเพียงความโกรธแค้นชิงชังต่อฮูหยินรองอีกต่อไป แต่มีความเข้าใจในตัวบิดาผู้โชคร้ายคนนั้นเพิ่มขึ้นมา...เขาไม่ใช่แค่พ่อที่เย็นชา แต่เขาคือแม่ทัพที่กำลังต่อสู้ในสงครามที่มองไม่เห็น...สงครามแห่งเกียรติยศและการยอมรับ
นางมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า เห็นประตูเมืองหลวงตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
ปัญหาที่แท้จริง...ไม่ได้อยู่ที่เงินที่ขาดแคลน...แต่อยู่ที่อำนาจและเกียรติยศที่เสียไป
ถ้าเช่นนั้น...มันก็ง่าย
ข้าก็แค่...ช่วยท่านพ่อทวงคืนมันกลับมาก็สิ้นเรื่อง!
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง...เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความมั่นใจอย่างที่สุด!
นขณะที่อาหนิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นางมองคุณหนูใหญ่ของตนด้วยสายตาที่ซับซ้อน...มีทั้งความเคารพเทิดทูน ความดีใจ และความสงสัยที่อัดอั้นอยู่ในใจมาหลายวัน
"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ" ในที่สุดอาหนิงก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามขึ้น "เรื่องที่จวนของเรายากจน...บ่าวพอจะเข้าใจแล้ว แต่ว่า...บ่าว...บ่าวมีเรื่องสงสัยมานานแล้ว แต่ไม่กล้าถามเจ้าค่ะ"
กู้ชิงอวิ๋นลืมตาขึ้น แววตาของนางสงบนิ่ง "มีอะไรก็ถามมาเถอะ"
เมื่อได้รับอนุญาต อาหนิงจึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง "คือ...วันที่แม่สื่อหลี่มา...ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะว่าไฝบนใบหน้าของนางมีปัญหา? แล้ว...แล้วอาการของท่านผู้เฒ่า...ท่านรักษาท่านได้อย่างไรเจ้าคะ? ทั้งยาเม็ดวิเศษนั่น...และ...และวิธีการรักษาที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน..."
นางนึกถึงภาพสายยางและของเหลวใสที่ไหลเข้าสู่แขนของฮูหยินผู้เฒ่าแล้วก็ยังรู้สึกขนลุกไม่หาย มันเป็นภาพที่ทั้งน่าอัศจรรย์และน่าหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน
กู้ชิงอวิ๋นไม่ได้ตอบในทันที นางทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าที่กำลังวิ่งอยู่ ปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาสบตากับอาหนิงด้วยแววตาที่ดูลึกล้ำและเปลี่ยนไปเล็กน้อย
"อาหนิง...เจ้าเชื่อเรื่องบรรพบุรุษหรือไม่?"
อาหนิงงุนงงกับคำถาม แต่ก็รีบพยักหน้า "เชื่อเจ้าค่ะ บ่าวเชื่อว่าบรรพบุรุษย่อมคุ้มครองลูกหลาน"
"ดี" กู้ชิงอวิ๋นกล่าว "เช่นนั้นเจ้าจงฟังให้ดี...เรื่องที่ข้าจะเล่าต่อไปนี้ ห้ามแพร่งพรายให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด"
นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวที่นางเตรียมเอาไว้
"คืนก่อนวันที่แม่สื่อจะมา...ข้าฝันไป...ในความฝัน ข้าได้พบกับชายชราผู้หนึ่ง ท่านสวมอาภรณ์โบราณสีขาวบริสุทธิ์ มีหนวดเครายาวสีขาว ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตา...ท่านบอกกับข้าว่า ท่านคือ ท่านทวดกู้เหวินจือ บรรพบุรุษของตระกูลเรา ผู้เป็นแพทย์เทวดาในสมัยก่อน"
อาหนิงเบิกตากว้างด้วยความตกใจ!
"ท่านทวดบอกว่า...ท่านเฝ้ามองตระกูลกู้จากสรวงสวรรค์ และรู้สึกปวดใจอย่างยิ่งที่เห็นลูกหลานต้องตกทุกข์ได้ยาก ถูกคนชั่วรังแกจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ท่านทนดูต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว..."
กู้ชิงอวิ๋นหยุดเล็กน้อย จ้องเข้าไปในดวงตาของอาหนิงที่กำลังตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ
"ในความฝันนั้น...ท่านทวดได้ยื่นมือมาแตะที่หน้าผากของข้า...ในวินาทีนั้นเอง ความรู้ทางการแพทย์มากมายนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของข้า! ทั้งวิชาการวินิจฉัยโรคที่ถูกลืมเลือน ตำรับยาในตำนาน และวิธีการรักษาที่พิสดารเกินกว่าที่คนในยุคนี้จะจินตนาการได้...เสียงที่ข้าเคยได้ยินในหัว...ก็คือเสียงของท่านทวดนั่นเอง"
บัดนี้...อาหนิงไม่ได้แค่ตกใจ แต่นางกำลังตัวสั่นเทาด้วยความตื้นตันและอัศจรรย์ใจ!
"ที่ข้ารู้เรื่องไฝของแม่สื่อหลี่...ที่ข้ารู้ว่ายาของท่านย่ามีปัญหา...และยาเม็ดวิเศษรวมถึงวิธีการรักษาท่านย่า...ทั้งหมดล้วนเป็นความรู้ที่ท่านทวดมอบให้ข้าในความฝันคืนนั้น แต่ทว่าถึงแม้จะได้ความรู้มามากมายแต่ข้าก็หลงลืมไปหลายอย่าง ดังนั้นหากว่าข้าถามอะไรไป หากว่าเจ้ารู้ก็ตอบมาก็แล้วกัน" กู้ชิงอวิ๋นกล่าวปิดท้ายง่าย จะได้มีเหตุผลหาว่านางถามสิ่งที่ยังไม่รู้ภายใจจวนแห่งนี้
ทุกอย่างลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบ มันเป็นคำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลสำหรับปาฏิหาริย์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น!
อาหนิงทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นรถม้าทันที น้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความปีติยินดีอย่างสุดซึ้ง!
"สวรรค์มีตา! บรรพบุรุษตระกูลกู้ยังคงคุ้มครองคุณหนูใหญ่! ฮือๆ ...ฮูหยินเอกบนสวรรค์คงจะดีใจมากแน่ๆ!"
กู้ชิงอวิ๋นมองภาพนั้นแล้วก็ถอนหายใจในใจอย่างโล่งอก...
ท่านทวดกู้เหวินจือ...ข้าขอยืมชื่อเสียงและบารมีของท่านมาใช้ก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ...ส่วนหนี้บุญคุณนี้...ข้าจะชดใช้ด้วยการทำให้ตระกูลกู้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งให้จงได้!
***
