บทที่ 4 นางจิ้งจอก
บทที่ 4 นางจิ้งจอก
สายตาคมที่ถูกล้อมไว้ด้วยแพขนตาหนา สำรวจมองไปทั่วห้องประชุม ก่อนจะสิ้นสุดที่ผู้จัดการใหญ่ “เข้าประชุมครบแล้วใช่ไหม”
“ครับ” ชาลีตอบ บอกให้ผู้ช่วยเริ่มแจกเอกสารให้ผู้จัดการฝ่ายทุกแผนก
“แต่ฉันว่ายังขาดนะ” อย่างน้อยก็สาวมั่นคนนั้นแหละหนึ่ง
ชาลีเริ่มไล่มองผู้เข้าร่วมประชุมทีละคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนรักของเขาร่วมอยู่ด้วย “ไม่ขาดนะครับ ครบทุกแผนกตามที่ท่านสั่ง” เขาบอกกับเจ้านายเมื่อไล่เรียงครบทุกคนแล้ว
“ขาดสิ ฉันมองปราดเดียวก็รู้แล้ว” คิ้วเข้มดำสนิทที่ยาวรับกับดวงตาขมวดเป็นปมอย่างไม่พอใจ “ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศคนนั้นไง เธอชื่ออะไรนะ.. คุณอินทิราใช่ไหม” บอกกับชาลี ทำเหมือนจำเธอไม่ค่อยได้ ผิดกับความเป็นจริงที่จำได้แม่นยำ
“อ๋อ คุณป่านเธอเดินทางไปติดต่อเรื่องงานที่ดูไบสามวันแล้วครับ วันนี้ผู้ช่วยของเธอมาเข้าประชุมแทน” ชาลีชี้แจงเมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“ไปดูงานที่ดูไบเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย เธอไม่ต้องขออนุมัติจากฉันแล้วเหรอ” ใบหน้าหล่อเหลานั้นเคร่งเครียดขึ้นยิ่งกว่าเก่า เมื่อรู้ว่าเธอเดินทางไปตั้งสามวันแล้ว โดยที่ตนไม่รู้เรื่องเลย
“เรื่องนี้อนุมัติไว้ตั้งแต่ท่านประธานคนก่อนแล้วครับ” เขาเพิ่งมาทำงานได้ยังไม่ถึงเดือน บางเรื่องก็คงผ่านหูผ่านตาไปบ้าง
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ในเมื่อฉันมารับตำแหน่งแทนแล้ว เธอก็น่าจะมาแจ้งสักนิดก่อนการเดินทาง ถ้าเธอกลับมาให้มาพบฉันด้วยล่ะ” ผู้หญิงคนนี้คิดจะแข็งข้อกับเขาหรือไร หรือว่าเธอไม่เห็นความสำคัญของเขา
“ครับ” ชาลีรับคำแล้วเริ่มเปิดการประชุม...
ชินวุฒิลุกจากที่นั่งบริเวณหน้าโต๊ะประชาสัมพันธ์เมื่อเห็นชาลีกำลังเดินมา เพราะเขาจำได้ว่าฝ่ายนั้นคือคนรักของปัทมาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอินทิรา
“พี่ครับ สวัสดีครับ”
ทั้งชาลีและยัสซันต่างก็หยุดเดินด้วยกันทั้งคู่เมื่อถูกเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหุ่นนายแบบ หน้าตาหล่อเหลาราวไอดอลเกาหลีมายืนขวางไว้
“ขอโทษนะครับที่รบกวน คือผมมารอพบพี่แก้วแต่พี่เขายังไม่ลงมา บังเอิญผมจำได้ว่าพี่เป็นแฟนของพี่แก้วก็เลยเข้ามาทักทายครับ” เด็กหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปี นักศึกษาปีสามของมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง แล้วจึงเริ่มเข้าเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจตัวเอง “คือผมติดต่อพี่ป่านเขาไม่ได้เลยครับ รู้สึกเป็นห่วงเขามากก็เลยแวะมาหา ถึงได้รู้ว่าพี่เขาเดินทางไปต่างประเทศ พี่เขาจะกลับมาเมื่อไหร่พี่พอจะทราบไหมครับ”
“วันเสาร์กลับมาถึงครับน้อง น่าจะถึงสนามบินดึกหน่อย” ชาลีตอบตามที่รู้ มองเด็กหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม นึกอิจฉาเพื่อนรักของแฟนสาวที่มีเด็กหนุ่มมาดดี หน้าตาหล่อเหลามาติดพัน ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะมีโอกาสได้เจอตัวจริง หลังจากได้ยินเรื่องเล่ามานานแล้ว
“ขอบคุณครับพี่ แล้วถ้าตอนนี้ผมอยากติดต่อกับพี่เขา พอจะมีทางไหมครับ คือผมคิดถึงพี่เขามากๆ เลยครับ” เด็กหนุ่มสารภาพความในใจด้วยสีหน้าละห้อย
“คือพี่กับป่านไม่ได้ติดต่องานกันโดยตรงก็เลยไม่รู้เรื่องตรงนี้ ลองติดต่อทางเฟซทางไลน์ดูสิ หรืออีเมลก็น่าจะดีนะ ในกรณีที่เครือข่ายไม่เสถียร” ชาลีแนะนำ
“ผมส่งอีเมลหาพี่เขาตั้งหลายฉบับ เขายังไม่ได้ตอบกลับมาเลยครับ ขอบคุณพี่มากนะครับสำหรับข้อมูล ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” หลังจากรำพึงรำพันอย่างเศร้าสร้อยแล้ว เด็กหนุ่มจึงบอกลาและเดินคอตกกลับไป
“น้องชายคุณอินทิราเหรอ” ยัสซันถามชาลีเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเดินออกไปไกลแล้ว
“ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ หรอกครับ ที่ผมทราบคือพวกเขาสนิทกันมาก ตั้งแต่ตอนที่คุณป่านช่วยบริจาคเลือดให้เขาจากอุบัติเหตุครับ” เขายังรู้อีกว่าเด็กหนุ่มคลั่งไคล้เพื่อนรักของแฟนสาวยิ่งกว่าเด็กวัยรุ่นคลั่งไคล้ดาราซะอีก
ยัสซันมองตามร่างสูงโปร่งดั่งนายแบบของเด็กหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นไม่วางตา ต่อให้ดูดีแค่ไหนก็ยังเทียบชั้นกับเขาไม่ติดหรอก เขาสูงกว่าและดูดีกว่ามาก... แต่แล้วความภาคภูมิใจก็ลดฮวบลงทันที เมื่อนึกได้ว่าสาวไทยคลั่งไคล้หนุ่ม ๆ แนวตี๋มากกว่าหนุ่มเข้มสไตล์แขกแบบตน.. หงุดหงิดโว้ย!
“ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้ตกหลุมรักคุณป่านหรอกนะ” ไม่รู้อะไรเจาะปากให้เขาพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มขำขัน
“คุณยัสซันดูออกด้วยเหรอครับ” ชาลีทำท่าแปลกใจ มองชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองทางเดิน
ดวงตาดำสนิทไหววูบ หรี่ตามองอีกฝ่าย “หมายความว่ายังไงเหรอชาลี”
“คุณยัสซันไม่ได้คิดอยู่เหรอครับว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหลงรักคุณป่านของเรา” ชาลีถามกลับ
“นั่นมันเด็กนักศึกษาอยู่เลยนะคุณชาลี ส่วนคุณอินทิราอายุสามสิบแล้ว คุณเป็นคนพูดเองนะ”
“ครับ คุณยัสซันเข้าใจไม่ผิดหรอกครับ”
“อย่าบอกนะว่าคุณอินทิราก็เล่นด้วย” ชายหนุ่มอยากจะบ้าตาย รู้สึกไม่พอใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ เธอเป็นแม่มดหรือไง หลอกได้แม้กระทั่งเด็กเพิ่งโต
“เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบครับ”
‘กินแม้กระทั่งเด็ก เธอมันนางจิ้งจอกชัด ๆ’ ชายหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด ตำหนิอินทิราอยู่ในใจ...
ชินวุฒิมองตารางเที่ยวบิน เช็กเที่ยวบินทั้งเข้าและออกไปเรื่อย ๆ จนเจอเที่ยวบินที่ต้องการ จึงรีบเดินไปยังบริเวณผู้โดยสารขาเข้าตามรายละเอียดที่ได้รับ ประมาณยี่สิบนาทีคนที่เขารอก็เดินลากกระเป๋าใบใหญ่ออกมาด้วยท่าทางมาดมั่นดั่งนางพญา ใบหน้าเรียวรับกับผมบ๊อบเทสั้นปัดข้างอย่างไร้ที่ติ
“พี่ป่านครับ” โบกมือโบกไม้ขณะตะโกนเรียก เพื่อให้หญิงสาวได้เห็นตน
อินทิรารีบลากกระเป๋าเดินเร็วขึ้นกว่าเดิมตรงไปหาชายหนุ่มรุ่นน้อง “มารอรับพี่เหรอปอ”
“ครับ”
“ตีสองเนี่ยนะ” เธอเบิกตาโตขณะมองนาฬิกาข้อมือ
“ครับ” ชินวุฒิตอบรับสั้น ๆ จ้องหน้าหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มไม่วางตา เขาคิดถึงเธอเหลือเกิน ไม่ได้เจอหน้าเธอเกือบสิบวันมันทำให้เขาแทบบ้าตาย “ปอคิดถึงพี่ป่านมาก ๆ เลยครับ” หนุ่มน้อยออดอ้อนพร้อมดึงหญิงสาวเข้ามากอด
“นี่ ๆ ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เด็กบ้า” อินทิราดิ้นหนีเพื่อจะออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากเป็นจุดเด่น
“อีกนิดเดียวนะครับพี่ป่าน ขอให้ปอได้กอดพี่ป่านเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองอีกหน่อยนะครับ ปอคิดถึงพี่ป่านมาก ๆ เลยนะ” เพราะเขารู้ว่าถึงแม้เธอนั้นจะปากร้ายแต่ก็ใจดีมาก จึงใช้น้ำเสียงออดอ้อนที่ได้ผลชะงัดมาแล้วทุกครั้ง
