ตอนที่ 3
หิรัญหน้าเครียด ฟังคำพูดแบบนี้แล้วขัดหูพิกล แต่ยังไม่ทันทำอะไร ก็มีชายคนหนึ่งในกลุ่มที่เป่ายิงฉุบชนะเดินเข้าไปหาทั้งสองสาว
“สวัสดีครับ ผมชอบคุณ” ผู้ชายคนนั้นพูดตรงๆ
ทั้งเอมมาลินและโบนิตาสบตากัน นึกขำ แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้
“ขอเบอร์โทร.คุณได้ไหมครับ หรือว่าวันนี้คุณมายังไง ขากลับบ้านผมขออาสาไปส่งได้ไหมครับ” เขาจู่โจม
โบนิตายิ้มให้ ตอนนี้สองสาวคงจะกรึ่มๆ กันเต็มที่แล้ว เพราะไม่ใช่ขาดื่ม ใบหน้าออกแดงระเรื่อกันทั้งคู่
“ส้ม โบนิตาค่ะ”
“ไวท์ สันชัยครับ นี่นามบัตรของผม” เขาหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋า
โบนิตารับมันมาถือ ก่อนจะอ่าน ทั้งชื่อและตำแหน่ง วิศกรอยู่ที่รถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ นี่เพื่อนฉัน”
“เอมมี่ค่ะ” เอมมาลินยื่นมือไปจับตามธรรมเนียมฝรั่ง
“ผมชอบเพื่อนของคุณเอมมี่นะครับ พวกคุณพอจะเชื่อเรื่องรักแรกพบอะไรแบบนี้ไหมครับ”
ทั้งสองสาวยิ้ม และหัวเราะในความขี้เล่นของเขา
“จะรังเกียจไหมถ้าวันนี้คุณเอมมี่ต้องกลับคนเดียว แต่ผมจะขออาสาไปส่งคุณส้มที่บ้าน”
“ส้มอยู่คอนโดฯ ค่ะ” โบนิตาบอก
“ผมก็อยู่คอนโดฯ เหมือนกันครับ ผมเป็นคนเชียงใหม่ มาทำงานที่นี่”
“จริงหรือคะ เชียงใหม่น่าอยู่จะตาย”
“ใช่ๆ อยากไปเที่ยวจัง”
“มารักกับผมสิครับ ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่บ่อยๆ แน่”
โบนิตาหัวเราะ
“คุณเป็นคนน่ารักอัธยาศัยดีแบบนี้ตลอดหรือคะ”
“ครับผม เอ่อ... เดี๋ยวผมขอกลับไปดื่มกับเพื่อนๆ อีกนิดนะครับ แต่อย่าลืม คืนนี้คุณส้มต้องกลับกับผม” เขาทิ้งทวน โปรยรอยยิ้มแบบหนุ่มหล่อหว่านเสน่ห์ให้กับโบนิตาสุดกำลัง
พอเขาเดินพ้นไป
“ขำว่ะแก” โบนิตาพูดขึ้นมาและหัวเราะ
“เฮ้ย แต่เขาก็ดูเหมือนจริงว่ะ คนไทยเดี๋ยวนี้เขาจู่โจมกันแบบนี้แล้วเหรอ”
“ยายเอมแกหันไปมองรอบๆ ดิ ในนี้มีแต่ผู้ชาย แล้วแกดูดิมีผู้หญิงมากี่โต๊ะ”
เอมมาลินหันไปมองรอบๆ ก็จริงอย่างที่โบนิตาบอก ในนี้แทบจะไม่มีผู้หญิงเลย
“เอ๊ะ... ผับของพวกเกย์เหรอ”
“หื้อ... คิดไปได้ ไม่ใช่หรอก ผู้หญิงมีน้อย ผู้ชายมีมาก สงสัยตาถั่วมาบอกว่าปิ๊งฉัน แทนที่จะเป็นแก”
“ก็เมื่อกี้แกไปส่งตาหวานให้เขาทำไม”
“ไหน ตาแบบไหนวะที่เรียกว่าตาหวาน แบบนี้เหรอ” เธอหลิ่วตาทำตาเล็กตาน้อย เอมมาลินหัวเราะร่วน
“อยากมีผัว” เธอกระซิบบอกเพื่อน
“อะไรนะ” เอมมาลินเอียงหูเข้าหาหัวเราะกิ๊กกั๊ก
“ดูสิ นามบัตรบอกว่าผู้ชายคนเมื่อกี้เขาเป็นวิศกร น้องจิมิของฉันยังไม่ได้ใช้ แกว่าถ้าฉันยอมไปกับเขาคืนนี้จะดีไหม แบบว่าทดลองดูก่อน แต่ถ้าไม่ใช่ก็เลิก”
“เฮ้ย...สมงสมองไปแล้ว ไม่ได้รักไม่ได้ชอบจะไปยอมมีอะไรด้วยทำไม” เอมมาลินจิ้มนิ้วไปที่หน้าของเพื่อน
“อ้าว... เมื่อกี้แกก็ยังลุ้นฉันอยู่เลย” โบนิตาทำหน้าจ๋อย
“สงสัยน้องจิมิของฉันไม่ต้องใช้ปูนโปกทับมันก็คงตันปิดสนิทแล้วมั้ง”
ฮา... สองสาวหัวเราะกันอย่างสนุก
“แหม ก๋ากั่นกว่าที่คิดเอาไว้แฮะ” หิรัญส่ายหน้า ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน
ตื๊ด... ตื๊ด... ตื๊ด...
(“ฮัลโหล”)
“กายไหนแกบอกจะดูแลแฟนพี่ แกออกมาดูเร็ว เอมเมาอ้วกเต็มร้านแกไปหมดแล้ว”
(“เหรอครับ เดี๋ยวผมออกไป”)
หิรัญก้าวขายาวๆ ออกมาจากห้อง ตรงดิ่งไปที่โต๊ะของสองสาวทันที
ไกด์กำลังประคองคนรักอยู่ โดยที่มีโบนิตาคอยช่วยอยู่ข้างๆ มีพนักงานมาช่วยอีกสองคน
“เอายังไงดีคะ” โบนิตาถามพี่ไกด์
“พี่ว่าต้องพาเอมกลับบ้านแล้วละ สภาพแบบนี้ ดูไม่จืดเลย”
“ค่ะ” เธอหน้าจ๋อย ยิ้มแหยๆ มองหน้าการันต์แบบรู้ตัวว่าตัวเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้ เอมมาลินเป็นแบบนี้
“เมามากนะเนี่ย ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เอม เอม” เขาเรียกชื่อคนรัก
“ขอโทษนะคะพี่ไกด์ ไม่คิดว่าเอมจะคออ่อน ส้มขอโทษจริงๆ ค่ะ” เธอยกมือไหว้การันต์ปลกๆ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ใครว่าฉันเมา ฉันเมาที่ไหน หึ... เอิ้ก...” เอมมาลินยังส่งเสียงดังออกมาจากปาก หันไปจับหน้าพี่ไกด์แล้วยิ้ม
“ขอบคุณนะคะที่รักที่มารับเอมกลับบ้าน รักพี่ไกด์ที่สุดในโลกเลย” น้ำเสียงที่อ้อแอ้เต็มที
โบนิตาไม่รู้จะทำยังไงได้แต่โค้งตัวขอโทษพี่ไกด์และยกมือของตัวเองไปเกาอยู่ที่คอแบบเก้อๆ
“แล้วส้มจะกลับบ้านยังไง”
“โอ๊ย... ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไกด์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวส้มโบกแท็กซี่กลับเอง ไปจากตรงนี้นิดเดียว ใกล้มาก แต่ถ้าไม่มีแท็กซี่ ส้มยังเดินกลับเองไหวเลย ใกล้ๆ” เธอปดเขา ทั้งๆ ที่คอนโดฯ ของตัวเองไปจากนี่ไกลพอสมควร
“แกก็กลับกับฉันสิ” เอมมาลินห่วงเพื่อน
“เฮ้ย... ไปคนละทาง ขืนไปส่งก็เสียเวลาเปล่า แล้วสภาพแกตอนนี้ ฉันว่าเอมกลับบ้านกับพี่ไกด์เหอะ ไม่เป็นไร ฉันเอาตัวรอดได้” เธอรีบบอกเพื่อน พลางขยับมือเข้าไปช่วยไกด์จับเอมมาลินเอาไว้
“ให้ผมช่วยดีกว่าครับ” กายอาสาเข้ามา เขามองหน้าพี่ไกด์แล้วยิ้มให้ พี่ไกด์ไม่พูดอะไร
โบนิตาหันไปมองหน้า
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันช่วยเอง” เธอปัดมือของกายออกเพราะเป็นผู้ชายแปลกหน้า
และอีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบแบงก์ยี่สิบประมานสี่ห้าใบออกมายื่นให้
“ช่วยค่าทำความสะอาดร้านก็แล้วกันนะ” ตาก็ปรือมองไม่ออกแล้วว่าใครเป็นใคร ตาลายไปหมด แต่ก็พยายามจะครองสติของตัวเองให้ได้
ไกด์หันไปพยักหน้าให้น้องชาย
“ขอโทษนะที่ทำเลอะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
กายยังเดินออกมาส่งทั้งสามคนด้วย เขาดูจนการันต์พาเอมมาลินขึ้นรถ
“บ๊ายบายนะเอม แล้วฉันจะโทร.หา”
แม่สาวหน้าจืดยืนโบกมือลาเพื่อนรัก และตะโกนตามหลังเหมือนว่าเอมมาลินจะได้ยิน เธอมองรถของไกด์จนลับตา
โบนิตาทำท่าจะเมาออกมาแล้วตอนนี้
“เออะ...” เสียงเรอดังออกมาจากลำคอ ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ทำท่าจะอ้วกแต่ก็กลืนมันลงไป ยกมือของตัวเองขึ้นคลำหากระเป๋า แล้วก็เจอว่าตัวเองสะพายอยู่ แต่มันไพล่พาดไปอยู่ข้างหลัง
“แน่ะๆๆ แน่ นึกว่าหายไปไหน” เธอกำลังคุยกับกระเป๋าเหมือนมันมีชีวิต ก่อนจะทิ้งมันลงไปข้างตัวเหมือนเดิม
หิรัญยังคงยืนมองเธอไม่วางตา จะคอยดูซิ ว่าแม่ผู้หญิงคนนี้จะทำอะไร เขาได้แต่ยืนมองส่ายหน้าแล้วหัวเราะ
‘ยายรั่ว’
แทนที่โบนิตาจะเดินออกไปเรียกรถตามที่เธอบอกกับการันต์ แต่เธอกลับเดินเข้าไปในผับ
“อ้าว... ยายคนนี้ เมาแล้วไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง” หิรัญแทบถลาเดินตาม เพราะท่าเซตุปัดตุเป๋เอาตัวไม่รอดของหญิงสาว อีกอย่างเขากลัวเธอจะไปทำเลอะเทอะอยู่ข้างในเหมือนกับเอมมาลินอีก
หญิงสาวตรงไปที่ห้องน้ำ
“ทำไมปวดฉี่แบบนี้ จะราดแล้ว” เธอพึมๆ พำๆ อยู่คนเดียว เดินเข้าไปข้างในใช้มือผลักบานประตูเกือบทุกบาน
มันปิดมีคนอยู่ ยกมือขึ้นกุมไปที่หน้าท้องเพราะปวดชิ้งฉ่องหนักมาก
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย” เธอบ่น จนเดินไปถึงห้องสุดท้าย ยอมรับกับตัวเองเลยว่ามันปวดมากๆ
“ไม่ไหวแล้ว” ถ้าใครมาเห็นท่าเดินของเธอตอนนี้คงจะหัวเราะน่าดู
โบนิตารีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่มันก็ไม่ทันการซะแล้ว เธอนั่งลงไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ถอดกางเกงใน ทำหน้าแบบฟินสุดๆ ที่ได้ปลดปล่อยของเสียออกไป โบนิตาก็นั่งฉี่จนเสร็จ
“อึก...” โบนิตายกมือปิดปากตัวเอง
‘ตายห่า แม่เอ๊ย อะไรกันนี่ ทำไม...!!! ทำไงดี’ กางเกงในเปียกหมดแล้ว
“เฮ้อ...” เธอถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะเริ่มทำความสะอาดโดยการถอดกางเกงในออกมาซัก
‘แหม...กระโปรงก็สั้น ลมมันจะเย็นไหมเนี่ย’ เธอคิด ค่อยๆ ปลดกลอนเปิดออกมาดู ดูซ้ายดูขวาโชคดีไม่มีคนอยู่ในนั้น
โบนิตาวิ่งปรู๊ดไปที่ซิงก์น้ำจัดการซักกางเกงในเปื้อนฉี่ของตัวเอง ไม่วายยังกดเอาสบู่ล้างมือออกมาเพื่อให้กลิ่นหอมและสะอาดยิ่งขึ้น
‘ไม่ทิ้งเหรอ’
‘ทิ้งได้ไง ตัวแค่นิดเดียว เกือบสามร้อย ทิ้งก็บ้าน่ะสิ เพิ่งได้มาใหม่ด้วย’
‘รีบๆ เข้าเดี๋ยวมีคนมา’
ขณะที่กำลังบิดกางเกงในให้แห้งนั้นก็มีคนเปิดประตูห้องน้ำเข้ามา โบนิตาจึงรีบยัดกางเกงในที่เปียกหมาดๆ เข้าไปไว้ในกระเป๋าสะพาย
‘เอกสารที่จะเอาไปส่งให้กับบริษัทคนหล่อไม่เลอะหมดเหรอ’ เธอหมายถึงเจ้าของบริษัทที่เคยไปเจอครั้งหนึ่งหล่อสุดๆ
‘ไม่เป็นไร ค่อยไปปริ๊นต์ออกมาใหม่วันอาทิตย์’
เธอยืดอก พยายามยืนตรงๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ในหัวเริ่มตีรวน ทั้งเบียร์ ทั้งเหล้า ทั้งค็อกเทลปะปนกันอยู่ในท้อง แล้วพวกมันก็คงถูกส่งเข้าไปในเส้นเลือด
‘ฉันอยากจะบ้าตาย วันอาทิตย์วันหยุด ฉันต้องถ่อสังขารไปออฟฟิศอีกเหรอ ฉันอยากนอน’
‘เหอะน่า ยังไงก็คุ้ม เพื่อยายเอมเพื่อนรัก วันนี้ควรเป็นวันที่เรามีความสุขที่สุดในโลก’
‘ใช่ๆ ฉันมีความสุขที่สุด’ สองแขนสู่ขึ้นสูงทำหน้าตาว่ากำลังมีความสุข
‘ป่านนี้ เอมจะเป็นไงบ้างนะ’
โบนิตาเริ่มเดินหน้าออกจากผับ และก็คิดเป็นห่วงเพื่อน
