ตอนที่ 5
“ ท่าทางทำอะไรไม่เป็นเลยสินะเนี่ย .. ทุเรศ..”
“ อุ๊ย..”
เสียงคนงานหญิงคนหนึ่งพูดพร้อมกับสาดน้ำเฉียดมาหาเธอ ที่รีบหลบ
“ นี่แม่จวน ..เบา ๆ หน่อย ..ถึงอย่างไร ..เขาก็เป็นนายหญิง ..ถึงจะผ่านอะไรมาก็ช่างเถอะ.. นายของเราเขารักหล่อนอยู่นะ..”
คำพูดของบัวชุมทำให้คนงานเหล่านั้นเงียบไปได้บ้าง แต่ก็ยังอดที่จะกลั่นแกล้งเสียไม่ได้ ถ้ามีโอกาส
“ คุณ ..มาใกล้ ๆ สิคะ ..เรียนรู้ไว้ก็ดีนะคะ ..การทำอาหารเนี่ย ..อย่าไปสนใจนักเลยไอ้เรื่องล้างถ้วยชามน่ะ ..มานี่ค่ะ..ป้าจะสอนให้..”
ป้าบัวคำ แม่ของบัวชุม กวักมือเรียกเธอ เพราะรู้สึกถูกชะตากับเธอ จึงเอ็นดูนักหนา
“ นี่แกงพะแนงนะคะ ..หรือเรียกว่าแกงคั่วแห้ง นี่เป็นแกงพะแนงเป็ด พอดีเป็ดในฟาร์มมีเยอะเลยเอามาทำแกง..ลองดูบัวชุมมันทำพริกแกงนะคะคุณ..”
หญิงสาวยิ้มกว้าง รู้สึกว่าหัวใจที่ห่อเหี่ยวมันเบ่งบานขึ้นมาในบัดดล เมื่อได้มองเห็นหน้าของป้าบัวคำ หน้าตาของแกยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงไพเราะ ท่าทางโอบอ้อมอารี
“ เรียกพาก็ได้ค่ะป้าขา..เรียกพาเฉย ๆ ไม่ต้องเรียกคุณหรอกนะคะ ..ขอบคุณป้ามากค่ะ ที่เมตตาพานะคะ..”
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..คุณ ..เอ่อ หนูพา..”
หญิงสาวยิ้มหวานเบิกบานใจ แต่รอยยิ้มที่แสนหวานมันก็ทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกเย็นใจอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
เธอไปนั่งใกล้ ๆ บัวชุม แล้วยื่นมือไปช่วยหาเครื่องแกง ใส่ครกโขลก ด้วยความตั้งอกตั้งใจ บัวชุมเองก็รู้สึกเอ็นดูเธออยู่ไม่น้อย ยิ่งเห็นอากัปกิริยาที่ไม่ถือตัวแบบนี้ด้วยแล้ว
“ ดูคุณก็น่ารักดี ..มิหน้านายถึงได้ไปสู่ขอมาเป็นนายหญิงของเรา ..แต่ทำไมคุณถึงไม่รักนายของเรา เขาลือกันว่าคุณหนีตามชายชู้ไป ไม่ยอมเข้าหอกับนาย..แล้วชายชู้ ถูกนายเชี่ยวฆ่าตายด้วย..”
คำพูดของบัวชุมทำให้เธอนิ่งอึ้ง แต่คนอย่างบัวชุม เป็นคนเถรตรง
“ ถ้าคำพูดของฉันทำให้คุณไม่สบายใจก็อย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันเรียนมาน้อย ..พูดตรงไปหน่อย..”
เธอยิ้มน้อย ๆ
“ ไม่เป็นไรจ้ะ ..ทุกคนล้วนต้องมีเหตุผลด้วยกันทุกคน..”
“ งั้นคุณก็ต้องมีเหตุผล..เอาล่ะ ..ฉันไม่ถามแล้วล่ะ..”
บัวชุมพูดแค่นั้นแล้วก็ไม่เซ้าซี้ต่อ หยิบจับทำงานอื่นต่อไปเรื่อย ส่วนเธอก็พยายามมองดูทุกอย่างแล้วจดจำให้มากที่สุด
“ นี่คุณ มันหนักนะ ..ระวังจะแท้ง..”
เสียงร้องบอกของบัวชุมทำให้คนงานในที่นั้นทุกคนต่างหันมามองหน้าเธอแทบเป็นตาเดียว
“ ท้องหรือจ๊ะแม่หนู..”
ป้าบัวถามเธอด้วยความห่วงใย แต่เธอก็ยิ้มพลางส่ายหน้า
“นายบอกจ้ะแม่..”
ป้าบัวคำเมียงมองดูร่างบางของเธอก่อนจะมองหน้าลูกสาวคนเดียว
“ ยังไม่ได้เข้าหอไม่ใช่หรือ..แล้วจะท้องได้ไง..คนท้อง ต้องผ่านเวลาเป็นเดือนถึงจะรู้ว่าท้องนี่ยังผ่านมาได้ไม่กี่วันไม่ใช่หรือ ..”
เธอก้มหน้านิ่ง ไม่ปริปากพูดอะไร แล้วก็รีบช่วยกันทำงานต่อ จนแจ้ง ก็รีบยกอาหารออกต้องวางเป็นแถว เพื่อเตรียมไว้ให้คนงานมาตักไปทานก่อนเข้างาน
ในขณะที่เธอกำลังดูแลคนงานตักอาหารไปทาน ก็มีสายตาของใครคนหนึ่ง คอยสอดส่องจ้องมองเธออยู่แทบทุกขณะ จนเธอเองก็สามารถที่จะรับรู้แล้วสัมผัสได้
ไม่ว่าเธอจะก้าวเดินไปทางไหน หยิบจับอะไร เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เธอก็จะต้องพบเขาวนเวียนอยู่ไม่ห่างนัก
“ เสร็จแล้วก็ไปไร่..ทำงานที่ไร่..”
คำสั่งของเขาดังอยู่ใกล้ ๆ เมื่อเธอทานอาหารเช้าเสร็จ
“ ทราบแล้วค่ะ..ไม่ต้องย้ำ..”
เธอเอ่ยออกมาเบา ๆ
“ รู้แล้วก็ดี..”
เขาพูดกระแทกใส่ ก่อนจะก้าวเดินจากไป ..วริญยุพามองตามด้านหลังของเขาไป ก่อนจะเดินตามคนงานทั้งหลายออกไปยังไร่กว้าง ที่บัดนี้ ต้นกาแฟ เติบโตเบ่งบานเต็มที่
“ ไม่มีหมวกใส่หรือคุณ แดดมันร้อนนะ..แล้วร้องเท้าล่ะ ไม่มีเหรอ..”
เธอส่ายหน้า
“ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะป้า..”
“ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยแม่..เดี๋ยวนายมาจัดการเองนั่นแหละ..”
เธอมองดูคนงานทั้งหลายต่างก็ช่วยกันทำงาน เมื่อเหนื่อยก็หยุด แต่เธอนั้นเล่า ไม่รู้จะทำอะไรจึงเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ
“ ฉันให้เธอมาทำงานไม่ได้ให้เธอมาเดินตรวจงาน..”
เธอเดินเรื่อยมาจนไม่ได้มองเขา กระทั่งได้ยินเสียงของเขาที่ดังขึ้นจากเบื้องหน้าจึงหยุด ถ้าไม่หยุดมีหวังเธอต้องชนกับร่างกำยำของเขาแน่ ๆ
“ ฉันไม่รู้จะทำอะไรนี่คะ..”
เขามองสำรวจเรือนกายของเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะหันไปหาหญิงคนหนึ่ง
“ ให้ผู้หญิงคนนี้ไปทำงานด้วย ..ถากถางต้นหญ้านั่น ..อย่าอู้ล่ะ ทำงานให้คุ้มกับข้าวที่กินเข้าไปด้วย..”
วริญยุพาจ้องหน้าเขานิ่ง ก่อนจะก้าวตามหญิงคนนั้นไปทำงานตามที่เขาบอก ..ฝ่ามือเรียวบางสะอาดต้องจับจอบ จับคราด ถากถอนต้นหญ้าใต้ต้นกาแฟ เพื่อทำความสะอาด อีกทั้งอากาศก็ร้อนอบอ้าว
เธอเองก็ไม่มีหมวก ไม่มีผ้ากันร้อนสักชิ้นเดียว ฝ่าเท้าก็เปล่าเปลือย เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผิวที่ขาวผ่องเป็นยองใย กลับต้องหมองคล้ำลงไปจนเห็นได้ชัด
