บท
ตั้งค่า

บทที่5 เหตุผล

บรรพตกับเกษมและดวงใจกำลังนั่งทานข้าวด้วยกันอยู่ในร้านหรูแห่งหนึ่งอย่างเป็นกันเองตามประสาเพื่อนที่รู้จักกันมานานหลายปีบทสนทนาที่คุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องธุรกิจกับเรื่องลูกๆ ที่โสดด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้าเป็นไปได้บรรพตอยากจะให้ทั้งสองครอบครัวมาดองเป็นครอบครัวเดียวกัน

"ว่าแต่ลูกสาวของนายสวยเหมือนแม่เขาหรือเปล่าล่ะ" บรรพตถามขึ้นเพราะเคยเห็นแค่ตอนเด็กๆเท่านั้น

"สวยสิ ไว้วันหลังจะพามาเจอนะ"เกษมเอ่ยขึ้น

"ว่าแต่ลูกสาวชื่อว่าอะไรนะ" บรรพตถามต่อ

"ชื่อน้ำน่ะ"

"ชื่อนี้มันคุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินและเจอที่ไหนสักที่" บรรพตขบคิดอยู่ในหัว

"น้ำเขาเป็นช่างภาพอิสระน่ะ จะคุ้นก็ไม่แปลกหรอกมั้ง"

"นั้นสิคะ ลูกสาวเราคงมีคนรู้จักบ้างแล้วแหละ" ดวงใจส่งยิ้มให้บรรพต

"ว่าแต่หนูน้ำเขามีเพื่อนชื่อพิมพ์หรือเปล่าล่ะ"บรรพตยังไม่เลิกสนใจ

"มีค่ะ เราก็พึ่งจะไปร่วมงานศพพ่อหนูพิมพ์เขามาไม่กี่วันนี้เอง"ดวงใจเอ่ยขึ้น

"นั้นไงถึงว่าทำไมคุ้นๆ ฉันพึ่งจะเจอหนูน้ำที่งานนี่เองแหละ แต่เจอกันแค่ครั้งเดียวนะ ฉันสารภาพเลยนะว่าชอบตั้งแต่แรกเจอเลย เอาเจ้าภูมิอยู่หมัดแน่" บรรพตหัวเราะเสียงดัง

"ขนาดนั้นเลยเหรอเพื่อน" เกษมเอ่ยขึ้น

"ฉันพูดจริงๆ"

"แต่ภูมิเขาเจ้าชู้นะคะ ฉันว่าน้ำไม่เหมาะกับภูมิหรอกค่ะ" ดวงใจพูดไปตามที่เห็น

"ผมยอมรับนะ ว่าภูมิเขาเจ้าชู้แต่ผมอยากจะให้เด็กทั้งสองคนมาเจอกันก่อน เผื่อจะเข้ากันได้" บรรพตไม่ยอมลดล่ะความพยายาม

"แล้วนายคิดว่าลูกชายนายจะเปลี่ยนได้เหรอ จะให้ลูกสาวฉันไปคบหาดูใจด้วยมันคงจะไม่ไหวนะ" เกษมพูดไปตามที่คิด

"นายเชื่อมั่นในรักแท้หรือเปล่าล่ะ เมื่อก่อนภูมิเขาไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก เขาเลิกไปนานแล้ว แต่พอถูกหักอกก็กลับมาประชดตัวเองอีก ถ้าภูมิเขาเจอผู้หญิงดีๆ สักคน ฉันเชื่อนะว่าภูมิเขาจะเปลี่ยนได้"

"ฉันว่าให้เป็นเรื่องของหัวใจดีกว่าค่ะ เพราะเราจะไปบังคับหัวใจใครให้ชอบหรือรักกันไม่ได้" ดวงใจพูดในหลักความเป็นจริง

"ครับ ผมเข้าใจ" บรรพตพยักหน้ารับรู้

"เอาเป็นว่าเราค่อยนัดมาเจอกันอีกทีก็แล้วกัน" เกษมเอ่ยขึ้น

"งั้นก็ตกลงตามนั้นนะ" บรรพตรับคำ

หนึ่งเดือนต่อมา

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาบรรพตพยายามจะนัดให้ภูมิกับน้ำได้เจอกันแต่ก็ไม่ผลเพราะทั้งคู่ติดงานตลอด ไม่เคยได้เจอกันอย่างที่หวังไว้สักที เพราะคนทั้งคู่ต่างก็รู้ทันว่าผู้ใหญ่จะพยายามหาคู่ให้ตัวเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงและหาข้ออ้างอยู่ตลอด เมื่อถึงเวลานัดหมายทุกครั้งไป แต่ทั้งสองคนไม่รู้ว่าคนที่พ่อแม่จะแนะนำให้รู้จักกันจริงๆแล้วเป็นใคร บรรพตรู้ดีว่าภูมิกับน้ำเคยเจอกันแล้ว แต่ทั้งคู่ยังไม่รู้ว่าทั้งสองครอบครัวรู้จักกัน แต่ถึงยังไงเขาก็จะไม่ลดละความพยายาม

ช่วงเย็นของวันน้ำเดินเข้าไปในงานแต่งงานของพิมพ์กับปีเตอร์พร้อมกับของขวัญเพื่อแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่

"ฉันยินดีด้วยนะพิมพ์" น้ำเดินเข้าไปสวมกอดพิมพ์

"ขอบใจจ้ะ" 

"นี้จ้ะ ของขวัญวันแต่งงานจากฉัน" น้ำยื่นกล่องขวัญให้พิมพ์

"ขอบคุณนะ ว่าแต่แต่งตัวสวยเป็นพิเศษเลยนะวันนี้" พิมพ์มองน้ำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

"ก็งานแต่งเพื่อนทั้งทีขอจัดเต็มสักวันก็แล้วกัน แต่เสียดายไม่ได้มาร่วมงานตอนเช้าพอดีฉันติดงานอะ" 

"ไม่เป็นไรเธอมาร่วมงานฉันก็ดีใจแล้ว"

"งั้นฉันขอตัวก่อนนะ พอดีรองเท้ามันกัดเท้าฉัน ขอตัวก่อนนะคะคุณปีเตอร์" น้ำหันไปทางปีเตอร์

"ครับ" ปีเตอร์พยักหน้าให้

คล้อยหลังน้ำเดินออกไปภูมิก็เดินเข้าไปแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเช่นกัน 

"ยินดีด้วยนะครับคุณพิมพ์คุณปีเตอร์" ภูมิเอ่ยขึ้น

"ค่ะ/ครับ" 

"นี้ครับ ของขวัญวันแต่งงาน" ภูมิยื่นกล่องของขวัญไปให้พิมพ์

"ขอบคุณค่ะ" 

"ผมว่าเชิญคุณด้านในดีกว่า"ปีเตอร์โอบเอวพิมพ์ไว้แน่น ไม่พอใจที่ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กัน

"ครับ" เดินเข้าไปในงานทันที

"คุณเป็นอะไรคะ" พิมพ์ถามขึ้น

"เปล่า แค่รักเมีย" ยื่นหน้าไปหอมแก้มเนียนทีหนึ่ง

"คุณอายคนอื่นเขา" พิมพ์มองค้อนปีเตอร์

ปีเตอร์ไม่ตอบแต่กลับโอบเอวพิมพ์แน่นยิ่งขึ้น ทุกคนในงานต่างก็ส่งยิ้มให้คนทั้งคู่ที่รักกันปานจะกลืนกิน น้ำเดินไปหาที่นั่งเพื่อดูเท้าขาขวาของตัวเองที่แดงบวมเป่งปกติเธอถนัดใส่รองเท้าผ้าใบมากกว่า แต่ด้วยชุดที่ใส่คงจะไม่เหมาะกับรองเท้าผ้าใบเธอจึงต้องใส่รองเท้าส้นสูงให้เข้ากับชุด ด้วยความเจ็บเธอจึงตัดสินใจถอดรองเท้าทั้งสองข้างออกจากเท้าไว้ข้างล่างโต๊ะ จากนั้นก็เดินเท้าเปล่าไปตักอาหารใส่จานมานั่งทานไปเพลินๆ 

แต่อยู่ๆก็มีคนที่เธอเกลียดขี้หน้าที่สุดมานั่งลงตรงข้ามกันกับเธอเสียอย่างงั้น น้ำรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น แล้วก้มหน้าทานอาหารตรงหน้าต่อ ส่วนคนที่ถูกเมินก็กระตุกยิ้มมุมปากให้กับท่าทางของคนตรงหน้า หลังจากที่น้ำทานเสร็จก็หยิบรองเท้าของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำด้วยเท้าเปล่าทันที

"โอ๊ย!ไอ้รองเท้าบ้า ฉันจะใส่แกได้ยังไงเล่นกัดเท้าฉันจนบวมไปหมดแล้วเห็นไหม" ชูรองเท้ามาตรงหน้าตัวเองแล้วต่อว่า

"ได้อยากจะกัดเท้าฉันมากใช่ไหม ฉันขอกัดแกคืนก็แล้วกัน" น้ำยกรองเท้าของตัวเองขึ้นมากัดทันที

"ตั้งแต่ผมเกิดมาพึ่งจะเคยเห็นคนทะเลาะกับรองเท้าก็วันนี้แหละ" ภูมิเดินมาหยุดตรงด้านหลังน้ำ 

น้ำได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็ชะงักนิ่งไปหันไปตามเสียงของคนที่อยู่ด้านหลังเธอทันที พร้อมกับมองด้วยสายตาไม่พอใจ ที่อยู่ๆก็มายุ่งเรื่องของเธอหน้าตาเฉย 

"ทำไมมันเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ" 

"ผมก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก พอดีเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดีก็แค่นั้น" ยิ้มมุมปาก

"ฉันขอตัว" เดินกะเผลกเท้าเปล่าถือรองเท้าตัวเองผ่านหน้าภูมิไป

"ผมเคยไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า คุณถึงไม่อยากจะคุยกับผม" เดินตามหลังน้ำไปติดๆ

"ก็คุณเคยจูบ" ใช้มือปิดปากของตัวเองทันทีด้วยความตกใจ 

"คุณว่าอะไรนะ ผมเคยทำอะไรคุณ" 

"เปล่า ฉันขอตัว" รีบเดินออกไปทันที

"คุณเดี๋ยวก่อน" ภูมิเรียกตามหลังน้ำ

น้ำเดินไปหาโต๊ะนั่งโดยมีภูมิตามไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย น้ำจึงหยิบกล้องที่ห้อยคล้องคอตัวเองไว้ขึ้นมาเพื่อไปถ่ายรูปร่วมกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่กำลังเดินทักทายแขกเรื่อทุกโต๊ะทั่วทั้งงาน หลังจากถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จเธอก็ไปถ่ายบรรยากาศในงานต่อ 

จวนได้เวลาเจ้าบ่าวเจ้าสาวขึ้นเวทีเพื่อให้แขกผู้ใหญ่อวยพรกับขอบคุณแขกที่มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ หลังจากที่แขกผู้ใหญ่อวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จก็ถึงคราวขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน

"เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวครับ"พิธีเอ่ยขึ้น

"ครับ ก่อนอื่นผมก็ขอขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมเป็นพยานรักให้เราทั้งสองคนและอวยพรให้เรา ขอบคุณมากๆครับ" ปีเตอร์ส่งยิ้มไปให้ทุกคน

"ค่ะ ฉันก็ขอขอบคุณทุกท่านเช่นกันนะคะ ที่มาร่วมงานของเราสองคนในวันนี้ เชิญทานอาหารและของว่างให้อร่อยนะคะ" พิมพ์ส่งยิ้มให้ทุกคนในงาน

"แล้ววางแผนจะมีลูกกันกี่คนดีครับ"พิธีกรหันไปถามเจ้าบ่าว

"มากกว่าสองคนแน่นอนครับ" ปีเตอร์พูดปนหัวเราะ

"เจ้าสาวว่ายังไง ไหวไหมครับ" พิธีถามหยอกๆ

"ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตก็แล้วกันค่ะ" พิมพ์ยิ้มเขินอาย

"รักกันหวานชื่นขนาดนี้ ผมขอเจ้าบ่าวเจ้าสาวหอมแก้มโชว์หน่อยนะครับ หอมเลยๆๆๆ" พิธีกรตะโกนใส่ไมค์เชียร์คนทั้งคู่

เมื่อเสียงเชียร์คนในงานดังสนั่นหวั่นไหวให้ทั้งคู่แสดงความรักต่อกัน ปีเตอร์จึงหันไปหอมแก้มพิมพ์ จากนั้นพิมพ์ก็หอมแก้มปีเตอร์กลับเช่นกัน ทุกคนในงานต่างก็ปรบมือเสียงดังกึกก้องไปทั่วงานแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่ 

"เจ้าสาวเขินอายหน้าแดงเลยนะครับ งั้นเราไปโยนช่อดอกไม้กันเลยดีกว่าครับ เชิญสาวๆทุกคนด้านหน้าเวทีเลยนะครับ ใครจะได้สละโสดรายต่อไปเดี๋ยวได้รู้กันครับ" 

เมื่อสาวๆทุกคนในงานมารวมกันอยู่ตรงหน้าเวทีหนึ่งในนั้นก็มีน้ำด้วย ยืนเท้าเปล่าอยู่หลังๆ ทุกคน เพราะกำลังถ่ายรูปบรรยากาศในงาน พอพิธีกรให้สัญญาณในการโยน พิมพ์จึงหันหลังพร้อมกับโยนช่อดอกไม้ทันที ช่อดอกกุหลาบสีชมพูลอยข้ามหัวทุกคนไปในอากาศแล้วตกลงตรงหน้าน้ำที่กำลังถ่ายรูปไปเพลินๆพอดี ทุกคนต่างก็มองไปที่น้ำเป็นตาเดียวกันเพราะเธอยังไม่ยอมหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาถือไว้

"คุณผู้หญิงครับ หยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาสิครับ เดี๋ยวคนอื่นจะแย่งไปนะครับ"พิธีบนเวทีเอ่ยขึ้น

น้ำจึงรีบหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาถือไว้ในมือทันที พร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ อยู่ๆดอกไม้ที่เธอไม่อยากจะได้ก็มาตกลงตรงหน้าเธอหน้าตาเฉยซะงั้น เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง แฟนก็ยังไม่มีจะแต่งงานได้ยังไงกัน น้ำคิดในใจ 

"เชิญคุณผู้หญิงขึ้นบนเวทีหน่อยนะครับ"พิธีกรเอ่ยขึ้น

น้ำได้ยินอย่างนั้นก็จำใจเดินขึ้นไปบนเวทีที่ไม่อาจจะเลี่ยงได้ เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องมาทำอะไรอย่างนี้มาก่อน พอเดินขึ้นไปก็ส่งยิ้มให้พิมพ์กับปีเตอร์และแขกตรงหน้าเวทีทุกคน 

"ชื่ออะไรครับคุณผู้หญิง"พิธีกรถามขึ้น

"ชื่อน้ำค่ะ" 

"คุณน้ำดีใจไหมครับที่ได้ช่อดอกไม้"

"ค่ะ"

"แล้วจะแต่งงานเมื่อไหร่ครับ"

"เรื่องนั้นไม่มีในหัวฉันเลยค่ะ"

"ทำไมล่ะครับ"

"แฟนยังไม่มีเลยค่ะ"

"ไม่แน่นะครับ สวยๆอย่างนี้อาจจะได้แต่งงานสายฟ้าแล่บเลยก็ได้ ขอบคุณครับคุณน้ำ" 

"ค่ะ" รับคำแล้วเดินลงเวทีทันที 

"เชิญทุกท่านสนุกกันต่อเลยนะครับ" พิธีเอ่ยขึ้น

เวลาล่วงเลยไปดึกพอสมควรแขกทุกคนในงานต่างก็แยกย้ายกันกลับ น้ำกำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์เพื่อไปพักในห้องของตัวเอง ที่พิมพ์จัดไว้ให้เธอพักในคืนนี้ ภูมิก็เช่นกันพอเห็นน้ำกำลังยืนรอลิฟต์จึงเดินไปยืนอยู่ข้างๆเธอ พอประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งคู่ก็เดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน ภูมิกดชั้นที่ตัวเองพักอยู่ ซึ่งมันเป็นชั้นเดียวกันกับชั้นที่น้ำพักพอดี น้ำจึงหันไปมองหน้าภูมิแวบหนึ่ง ทำไมเธอกับเขาจะต้องมาพักชั้นเดียวกันด้วยเธอไม่เข้าใจเลยจริงๆ น้ำคิดในใจ 

พอประตูลิฟต์เปิดออกน้ำจึงเดินออกไปไปทันที ด้วยท่าทางทุลักทุเลเพราะเท้ายังคงเจ็บอยู่ แถมยังมีทั้งช่อดอกไม้รองเท้าที่ถือเอาไว้ในมือและกล้องถ่ายรูปที่คล้องคอไว้อีก ภูมิเห็นสภาพน้ำแล้วก็อดขำไม่ได้ ผู้หญิงอะไรเยอะชะมัดแถมยังหยิ่งอีกต่างหาก ภูมิส่ายหน้าเดินตามหลังไปติดๆ 

"คุณให้ผมช่วยไหม พักอยู่ห้องไหนล่ะ"

"ไม่ต้องมายุ่ง" 

"ผมก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่คุณเจ็บเท้าให้ผมช่วยเถอะ" ช้อนอุ้มตัวน้ำขึ้นทันที

"ว้าย !  ปล่อยฉันลงนะ" 

"คุณพักอยู่ห้องไหนบอกมาสิ ตัวคุณหนักนะไม่ใช่เบาๆ" 

"แล้วใครใช้ให้คุณอุ้มฉัน ห้องโน้น" น้ำชี้ไปข้างหน้า

"ก็แค่เนี่ย" ภูมิส่ายหน้า

พอประตูห้องถูกเปิดออกโดยฝีมือของน้ำที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของภูมิอยู่ ภูมิก็เดินเข้าไปข้างในห้องพร้อมกับวางตัวน้ำลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล

"ขอบใจ" น้ำพูดห้วนๆ

"ไม่เป็นไร ผมเต็มใจ" 

"ออกไปได้แล้ว" น้ำยืนขึ้นเดินไปที่ประตูห้องพร้อมกับเปิดออกผายมือเชิญภูมิออกไป

"ครับ"เดินผ่านหน้าน้ำออกไปจากห้องทันที

คล้อยหลังชายหนุ่มออกไปน้ำก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงพร้อมกับมองช่อดอกไม้ที่เธอรับได้ในงานด้วยความขบขัน เธอนะเหรอที่จะแต่งงานไม่ทางเป็นไปได้หรอก ผู้ชายดีๆสักคนในสมัยนี้คงจะหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีก

ส่วนภูมิที่อยู่ในห้องถัดไปก็อดนึกถึงคำพูดของน้ำขึ้นมาไม่ได้ ถ้าหูเขาไม่ได้ฝาดหรือฟังผิดไปเธอบอกว่าเขาเคยจูบเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วมันตอนไหนล่ะ ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย อยากจะถามเธอให้รู้เรื่องแต่เธอกลับทำท่ารังเกียจเขาไม่อยากจะคุยด้วยอีก ขนาดเขาเจอเธอที่คอนโดหน้าเขาเธอยังไม่อยากแม้แต่จะมองเลย แต่ถึงยังไงเขาต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าเธอเกลียดเขาเพราะอะไรกันแน่

เช้าวันต่อมาน้ำไปเคาะประตูห้องพิมพ์กับปีเตอร์เพื่อจะลากลับกำลังคุยกันอยู่ตรงหน้าห้อง ภูมิก็เดินเข้ามาเพื่อจะลากลับเช่นกัน พิมพ์เห็นว่าน้ำเดินกะเผลกเพราะรองเท้ากัดก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ประจวบเหมาะกับที่ภูมิจะกลับพอดีจึงไม่ลืมที่จะฝากฝังเพื่อนให้ภูมิดูแลด้วย

"ฉันรบกวนคุณภูมิช่วยดูยัยน้ำด้วยนะคะ ไหนๆก็จะกลับพร้อมกันแล้ว"

"ไม่ต้องหรอกฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย" น้ำปฏิเสธขึ้นทันควัน

"เธออย่าดื้อสิน้ำ เดี๋ยวเท้าก็ระบมหมดหรอกให้คุณภูมิเขาช่วยนั้นแหละดีแล้ว"

"งั้นผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกัน" ภูมิพูดพลางเดินออกไปทันที

"ฉันกลับก่อนนะพิมพ์"

น้ำเดินตามหลังภูมิไปจนถึงรถตู้ที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ไปส่งที่สนามบิน ร่างบางนั่งลงข้างๆร่างหนาอย่างจำใจ ไม่นานก็ไปถึงสนามบินทั้งคู่เช็คอินที่สายการบินและเวลาเดียวกัน ระหว่างที่นั่งรอขึ้นเครื่องภูมิก็เหลือบไปมองน้ำเป็นระยะ เพราะเธอเอาแต่นั่งเงียบๆ กดรูปในกล้องถ่ายรูปไปเพลินๆ

"เท้าของคุณยังเจ็บอยู่ไหม" เสียงทุ้มถามขึ้นทำลายความเงียบ

"เอ่อ ก็นิดหน่อยค่ะ" เงยหน้าขึ้นจากกล้องขึ้นมามองใบหน้าชายหนุ่มตรงๆ

"ถ้าเดินไม่ไหวก็บอกผมได้เลยนะ"

"ขอบคุณค่ะ แต่ว่าไม่จำเป็นหรอก"

"หึ คุณนี่หยิ่งจังเลยนะ คุณเป็นอย่างนี้กับทุกคนหรือเปล่า ผมอยากรู้จริงๆ" ภูมิหัวเราะ

"ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นกับบางคนเท่านั้น"

"ผมคงจะเป็นหนึ่งในนั้นสินะ"

"แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน"

"ได้เวลาแล้วไปกันเถอะ" ชายหนุ่มพูดพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป

พอทั้งคู่ขึ้นเครื่องไม่นานเครื่องก็ลงจอดที่สนามบินปลายทางใจกลางเมือง ด้วยเท้าที่เริ่มระบมมากขึ้นกว่าเดิมน้ำจึงจำใจให้ภูมิช่วยประคิงเดินไปขึ้นแท็กซี่เพื่อกลับคอนโดของทั้งสองคน พอถึงตรงหน้าคอนโดภูมิก็อุ้มน้ำไปส่งถึงห้องทันที ก่อนที่ภูมิจะออกจากห้องไปก็ไม่ลืมหันไปถามน้ำเรื่องที่ค้างคาใจ

"ตกลงผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจกันแน่ " เสียงทุ้มถามขึ้น

"เปล่าคุณไม่ทำอะไรฉันทั้งนั้นแหละ" พูดพลางหลบสายตาคมกริบที่จ้องมา

"ไม่ได้ทำแล้วเมื่อคืนทำไมคุณถึงบอกว่าผมเคยจูบคุณ"

"ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย คุณหูฝาดไปหรือเปล่า"

"ผมว่าผมฟังไม่ผิดนะ บอกมาผมเคยจูบคุณตอนไหน ที่ไหน"

"ก็ฉันบอกไปแล้วไงว่าคุณหูฝาด ฉันไม่จูบกับคุณให้เสียปากหรอก"

"หึ ฉันมันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นเลยเหรอ" ภูมิพูดพลางเดินเข้าไปใช้มือทั้งสองข้างท้าวไปที่พนักโซฟาเพื่อกักร่างบางให้อยู่นิ่งกับที่ แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าเนียน

"คุณจะทำอะไร!" น้ำจ้องใบหน้าคมที่จ้องมาด้วยความตกใจ

"ก็จะจูบกับเธอยังไงล่ะ"

"ไม่ ! เพี๊ยะ! ถอยออกไปนะ!" มือบางตบไปที่แก้มสากแรงๆ ทีหนึ่ง

"อื้อ....ปล่อย!" ทันทีที่มือบางตบลงที่แก้มสากมือหนาก็คว้าใบหน้าเรียวเข้ามาใกล้ๆ แล้วใช้ริมฝีปากหนาจูบบดขยี้ทันทีด้วยความโกรธ ร่างบางพยายามขัดขืนโดยการดิ้นและใช้มือบางผลักร่างหนาออกแต่ไม่เป็นผล ลิ้นหนายังคงซอกซอนเข้าไปในโพรงปากหวานอย่างหื่นหิวกระหายเพราะหยุดความต้องการของตัวเองไม่ได้

เมื่อร่างบางต้านทานแรงไม่ไหวเธอจึงต้องปล่อยเลยตามเลย พอร่างหนาบดขยี้ริมฝีปากบางจนพอใจแล้วก็ผละออกจากร่างบางช้าๆ พร้อมกับกับจ้องมองใบหน้าเนียนที่แดงก่ำ เพราะเกิดจากรอยมือหนาที่จับตึงใบหน้าเนียนไม่ให้ขัดขืน น้ำจ้องมองใบหน้าสากด้วยความโกรธเคืองเขาที่ล่วงเกินเธอทั้งที่ไม่เต็มใจ แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากปากเธอเพราะพูดไม่ออกหัวหมุนไปหมดแล้ว

"บอกมาตกลงเธอรังเกียจฉันเพราะอะไร ถ้าไม่บอกฉันจะทำมากกว่าจูบอีก เธอจะเอาอย่างนั้นไหมล่ะ" ภูมิพูดข่มขู่หญิงสาวเพราะอยากจะรู้ความจริงทั้งหมด

"ก็ได้ฉันจะบอกคุณ" น้ำตัดสินใจบอกเล่าความจริงในคืนที่ภูมิปล้ำจูบเธอในผับให้ภูมิฟังทันที

"ฉันขอโทษด้วยก็แล้วกันพอดีฉันเมาก็เลยคิดว่าเธอคือจินนี่แฟนเก่าฉัน ส่วนจูบเมื่อกี้ถือว่าเราหายกันนะ ตบแลกจูบถือว่าเสมอกันไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ" ยกยิ้มมุมปาก

"คุณรู้แล้ว งั้นก็ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว"

"ฉันว่าแค่จูบเดียวในคืนนั้นที่ผับ ยังไม่มีเหตุผลพอที่จะทำให้เธอเกลียดฉันนะ บอกมาเธอไม่พอใจอะไรฉันอีก"

"ได้ฉันจะบอกให้มันจบๆไป คุณจะได้เลิกมายุ่งกับฉันสักที"

"ก็บอกมาสิ"

"ฉันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ที่ควงผู้หญิงมั่วซั่วไม่ซ้ำหน้าอย่างคุณ ได้ยินชัดแล้วก็ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว"

"หึ เกลียดแต่กลับโดนผู้ชายอย่างฉันจูบ น่าขำชะมัด" ภูมิยิ้มหัวเราะเสียงดัง

"แต่ฉันไม่ขำ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆฉันไม่อยากจะเข้าใกล้คนอย่างคุณด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องจูบฉันถือว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็แล้วกัน ฉันหวังว่าฉันกับคุณจะไม่มีอะไรต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก ออกไป!"

"ฉันเชื่อแล้วว่าเธอเกลียดฉันจริงๆ แต่ระวังไว้นะโบราณเขาว่าไว้เกลียดอะไรมักจะได้อย่างนั้น" พูดพลางเดินออกจากห้องไปทันที

"เฮ้อ...ออกไปสักที" น้ำถอนหายใจแรงๆรีบเดินไปล็อคกลอนประตู พร้อมกับจับริมฝีปากบางของตัวเองที่พลาดท่าเสียทีให้ภูมิจูบเธอเป็นครั้งที่สองจนได้

ส่วนภูมิพอกลับถึงห้องก็นั่งยิ้มอยู่คนเดียวเพราะกำลังนั่งนึกถึงรสชาติริมฝีปากบางที่เขาพึ่งจะลิ้มรสมามาดๆ รสหวานจากริมฝีปากบางมันทำให้เขาติดใจอยากจะลิ้มลองรสชาตินั้นอีกครั้ง แต่พอนึกถึงคำพูดของเธอที่รังเกียจเขานักหนาก็อยากจะเอาชนะขึ้นมา ค่อยดูเถอะเขาจะทำให้เธอตกเป็นของเขาและเป็นเบี้ยล่างจนถอดตัวไม่ขึ้นเลยล่ะ ในเมื่อเธอเกลียดเขานักเขาก็จะทำให้เธออยู่ในวงจรผู้ชายเจ้าชู้อย่างเขานี่แหละ ภูมิยกยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel