บท
ตั้งค่า

ตายไป มันง่ายกว่า

“อะ โอ้ย!” มืออวบยกขึ้นจับบริเวณลำคอขาว ที่บัดนี้ขึ้นสีแดงช้ำจนน่ากลัว ลีน่าจำได้ว่าตนเองกำลังจะขาดอากาศหายใจ แต่ก็มีคนมาช่วยเธอไว้ได้ทัน

‘อ่า~ ดูเหมือนจะรอดแล้วสินะ’

“หลี่เอ๋อร์ฟื้นแล้วขอรับท่านพ่อ ท่านแม่” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น ดึงสติให้ลีน่าหันมองไปทางต้นเสียง ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเธอตอนนี้ เป็นภาพที่มีชายสองคน และหญิงอีกสองคน กำลังยืนมองเธอ ด้วยสีหน้าและแววตาเศร้าโศก

“หลี่เอ๋อร์ เหตุใดจึงทำเช่นนี้ลูก แม่ปวดใจยิ่งนัก ฮื้อออ” หญิงวัยกลางคนร้องห่มร้องไห้ ปานจะขาดใจ…

‘นี่มันเรื่องอะไรกัน คนพวกนี้เป็นใคร งงไปหมดแล้วนะ’ ลีน่าได้แต่มองคนนั้นที คนนี้ที

“พอเถิดน้องหญิง อย่าได้คาดคั้นลูกนักเลย” ชายหญิงคู่นี้ ดูเหมือนจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ทำไมถึงเรียกเธอว่าลูกกันล่ะ

“นั่นสิขอรับ ท่านแม่อย่าได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย”

“ขอโทษ แคกๆ นะคะ พวกคุณเป็นใครคะเนี่ย” ลีน่าสะบัดหน้า ไล่ความมึนงง จะคิดว่าเธอกำลังฝันอยู่ มันก็เหมือนจริงเกินไป

ลีน่าแน่ใจว่าตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ จนอายุย่างเข้าสามสิบปี เธอไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าผู้คนเหล่านี้มาก่อน ไหนจะเรื่องการแต่งตัว ที่เหมือนพวกนักแสดงซีรีส์จีนย้อนยุคนี่อีก

“ละ หลี่เอ๋อร์ นี่พี่อย่างไรเล่า พี่เหิงของเจ้า”

“เหิงไหนอีกล่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อหลี่เอ๋อร์ด้วย ฉันชื่อลีน่า ลอ อี ลี นอ อา นา ไม้เอก น่า…ลีน่า” มืออวบชี้ไปที่ปากของตัวเอง ก่อนจะขยับปากสะกดคำให้คนตรงหน้าฟัง

ทั้งคำพูดและท่าทีที่หญิงสาวแสดงออก ทำให้ครอบครัวสกุลเหอหวั่นใจ โดยเฉพาะเหอเข่อซิงผู้เป็นบิดา

จากกิริยาและท่าทางของบุตรสาว นอกจากจะแปลกประหลาดไปจากเดิม นางยังทำราวกับมิรู้จักพวกเขาอีก หากเป็นเช่นนี้ การเร่งเข้าหา อาจจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี

“เอ่อ อาเหิงอย่าพึ่งไปเร่งรัดน้องเลย นางอาจจะยังสับสนมึนงง หากได้พักผ่อนสักหน่อยคงจะดีขึ้น เอินเอินฝากเจ้าดูแลนางที” ชายที่ดูจะมีอายุมากที่สุดเดินออกไปจากห้อง ตามไปด้วยชายหนุ่มที่ชื่อพี่เหิง และหญิงวัยกลางคน

“ดะ เดี๋ยวสิ อย่าพึ่งไป พาฉันกลับบ้านก่อน” ลีน่าลุกขึ้นจากเตียง หมายจะวิ่งตามทั้งสามออกไป แต่กลับเสียหลักล้มไปกับพื้น

ตุบ!!!

“ทำไมหนักแบบนี้เนี่ย”

“ระวังเจ้าค่ะ คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ”

“ก็จะไปหาพวกเขานะสิ-” ลีน่าชะงักนิ่ง เมื่อเห็นเงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่ ภาพที่สะท้อนอยู่ตอนนี้ เป็นหญิงสาวร่างอวบอั๋น ใบหน้าน่ารัก พวงแก้มขาว กลมใหญ่ราวกับซาลาเปาก้อนโต

สองมือยกขึ้นโบกไปมา เงาในกระจกก็ทำตาม ลีน่าจงใจเปลี่ยนเป็นชูมือสองนิ้ว เงานั้นก็ทำตาม!!!

“ย้ากกกกกกก อะไรวะเนี่ย” ทำไมหน้าเธอเปลี่ยนไป รูปร่างก็ด้วย

“คุณหนูเจ็บที่ใดเจ้าคะ ฮึก คุณหนูของบ่าว”

“ฉันชื่ออะไร”

“ฮึก หมายถึงนามของคุณหนูหรือเจ้าคะ คุณหนูเหอหลี่น่าเจ้าค่ะ” หญิงสาวตัวจ้อยตอบทั้งน้ำตา แม้ว่าคำพูดที่คุณหนูของนางเอ่ย จะแปลกไปบ้าง แต่นางก็พอจะคาดเดาได้ว่าคุณหนูถามถึงเรื่องใด

“เหอหลี่น่า” เมื่อได้คำตอบ ลีน่าก็ถอยมานั่งบนเตียงอย่างหมดแรง ในหัวพยายามนึกถึงเหตุผลและที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดนี้

ลีน่า สาวใหญ่วัยสามสิบปี เธอเป็นลูกครึ่งไทย-จีน มีครอบครัวแสนอบอุ่นจนกระทั่งอายุได้ห้าขวบ พ่อชาวจีนของเธอ ก็ทิ้งเธอและแม่ไปกับหญิงอื่น ลีน่าเลยต้องอยู่กับยายและแม่นับจากนั้นมา

หลี่น่า เป็นชื่อที่พ่อใช้เรียกเธอ แต่นับจากที่พ่อจากไป ก็ไม่มีใครเคยเรียกเธอแบบนั้นอีก

หลังจากทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยจนจบปริญญา เธอก็ได้งานเป็นผู้จัดการอยู่ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง จนมีเงินทองมากพอ จะส่งให้แม่และยายใช้ ทว่าหลังจากที่ลีน่าทำงานได้ไม่กี่ปี ยายกับแม่ของเธอก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต จากนั้นเธอก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด มีเพียงเพื่อนที่ทำงานเท่านั้นที่พอจะไปมาหาสู่กันได้

ลีน่าจำได้ว่า เธอไปทำงานตามปกติเหมือนทุกวัน อยู่ตรวจสอบความเรียบร้อยจนร้านปิดอย่างที่เคยทำ

“พวกแกมาเก็บขวดเหล้าตรงนี้ไปด้วย”

“ได้ครับ” แน่นอนว่าการทำงานในสถานที่ ที่มีแต่คนมึนเมาย่อมต้องมีเรื่องให้ปวดหัวบ้าง แต่เธอก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง จนกลายเป็นเจ้ใหญ่ที่น้องๆ ต่างเคารพ

อ่า~ ที่จริง เพราะเธอทำงานที่นี่มานานแล้ว

“เจ้ลี ผมเอาขวดไปทิ้งก่อนนะ” ไอ้โจพนักงานในร้านตะโกนบอก พร้อมกับยกถุงขยะเดินออกไปทางหลังร้าน

“ฉันชื่อลีน่าจ้า ลี-น่า เรียกซะเป็นป้าแถวบ้านเลยนะ” ลีน่าตะโกนด่าไปโดยมิได้คิดอะไร มือทั้งสองก็วุ่นวายอยู่กับการช่วยพนักงานในร้านเก็บกวาด ด้วยตำแหน่งของเธอ จะไม่ทำก็ไม่มีใครว่า แต่เธอก็อยากช่วย เพราะยังไม่อยากกลับคอนโด

“เอ้า! อีกถุงก็ไม่เอาไป ไอ้โจนะไอ้โจ” แม้จะบ่น แต่เธอก็เลือกจะหยิบถุงไปทิ้งเอง เมื่อเดินออกไปตรงที่ทิ้งขยะ ก็พบว่าไอ้โจกำลังถูกกลุ่มวัยรุ่นสี่ห้าคน รุมทำร้ายอยู่

“พวกมึงทำอะไร คิดจะหมาหมู่หรอวะ” กับพวกถ่อย ไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย

“อีแก่ มึงไม่เกี่ยว อย่าหาเรื่องใส่ตัว” ลีน่าถึงกับหน้ามืดครึ้ม

“อีแก่งั้นหรอ กูพึ่งจะสามสิบโว้ย!!!”

ตอนนั้นเธอจำได้เพียงว่า ตัวเองเข้าไปถีบไอ้คนปากหมานั่น จากนั้นเหตุการณ์ก็ชุลมุน มีพนักงานที่ร้านออกมาช่วยพวกเธอ ตัวเธอเองก็ต่อยตีกับพวกวัยรุ่นไปหลายหมัด

แต่แล้ว…ปัง!!!

เสียงปืนดังลั่น พร้อมกับอาการเจ็บจี๊ดที่กลางอก หลังจากนั้นเมื่อเธอได้สติขึ้นมา ก็พบหญิงสาวร่างอวบ แล้วก็โผล่มาที่นี่

นี่หมายความว่า…

“ฉันโดยยิงตาย แล้วมาติดอยู่ในร่างนี้หรอ บ้าปะ! ใครมันเล่นบ้าอะไรเนี่ย”

“คุณหนู…?”

“ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฮื่อออ ทำไม~ ตายแล้วตายเลยไม่ได้หรอวะ โมโหโว้ย!!!” ลีน่าในร่างของคุณหนูเหอหลี่น่าดีดดิ้น งอแง อยู่บนเตียงนอน จนบ่าวรับใช้มิรู้จะปฏิบัติตนอย่างไร

“คุณหนูเจ้าคะ”

“ฮื่อออ เกิดมาก็ลำบาก ตายแล้วยังไม่ตายจริงอีก ชีวิตฉัน!” ทั้งเบะปากร้องไห้ ทั้งทุบอกตนเองอย่างช้ำใจ

“คุณหนูอย่าทุบตีตนเองเลยเจ้าค่ะ ฮึก” ลีน่าคร่ำครวญจนพอใจ ก็นอนนิ่ง หอบหายใจหนัก เพราะอาการเหนื่อย ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ชินกับร่างกายที่อ้วนท้วมสมบูรณ์เช่นนี้ ชีวิตก่อนผอมแห้งแรงน้อย จนจะปลิวไปกับลม

“เธอ- ไม่สิๆ ต้องใช้เจ้ากับข้าเหมือนในซีรีส์สินะ”

“…?”

“เจ้าบอกอีกทีสิ ว่าฉัน- ข้าชื่ออะไร”

“นามว่า เหอหลี่น่า เจ้าค่ะ” ลีน่าพยักหน้าเข้าใจ แม้ในใจจะไม่ยินยอม แต่ก็คงต้องยอมรับว่าจากนี้จะต้องใช้ชื่อ เหอหลี่น่า

“แล้วธะ- เจ้าล่ะ” บ้าเอ้ย! พูดยากจริง ไอ้ตอนฟังซีรีส์ก็ไม่เห็นจะยากขนาดนี้

“บ่าวนามว่า เอินเอิน เจ้าค่ะ คุณหนูจำมิได้หรือเจ้าคะ ฮึก”

“…แล้วสามคนที่เข้ามาเมื่อกี้ล่ะ”

“เอ่อ คุณหนูหมายถึงสามคนเมื่อครู่หรือเจ้าคะ เป็นท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายของคุณหนูเจ้าค่ะ”

“ครอบครัวสินะ”

“เกิดอันใดขึ้นกับคุณหนูเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” ดวงตาแดงก่ำของเอินเอิน ทำให้หลี่น่านึกหนักใจ ว่าจะบอกเรื่องคุณหนูเหอหลี่น่าคนเดิมกับหญิงสาวตรงหน้าดีหรือไม่

“ข้า…ความจำเสื่อมน่ะ เหมือนในละครไง แบบว่าจำอะไรไม่ได้เลย” ไม่บอกแล้วกัน บอกไปก็มีแต่จะทำให้ทุกคนคิดว่านางเป็นบ้า

“จะ เจ้าคะ? ความจำเสื่อมคืออันใดเจ้าคะ”

“เห้อ เข้าใจยากจริง เอาเป็นว่าตอนที่ข้าร่วงลงมาบนพื้น หัวข้าไปกระแทกกับพื้นดังเปาะ!ทีนี้ข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย ความจำมันหายไปหมดเลย” พูดไปก็ทำท่าทางประกอบไปด้วย ให้อีกฝ่ายเข้าใจมากขึ้น

“คะ ความจำหดหายหรือเจ้าคะ” เด็กสาวยกมือปิดปาก นัยน์ตาฉายแววเวทนาผู้เป็นนายเหลือทน

“อืม ฉะ- ข้าความจำหดหาย ทีนี้ต้องพึ่งเจ้าแล้ว เล่าเรื่องราวของข้าให้ฟังทีเถิด”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูเป็น-” ยังไม่ทันที่เอินเอินจะเอ่ยเล่าสิ่งใด เสียงเอะอะโวยวายด้านออกก็ดังขึ้น

เคร้ง! ตุบ! ปัง!!!

“เอินเอิน รีบพาหลี่เอ๋อร์กับท่านแม่ไปหลบเร็วเข้า” จู่ๆ พี่เหิงของหลี่น่า ก็พามารดาเข้ามาในห้องด้วยท่าทีร้อนรน

“เจ้าค่ะ!” ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลี่น่าถูกดึงเข้าไปหลบในห้องลับ ทั้งที่นางยังคงสับสนมึนงงอยู่

หลบอะไรอีกละเนี่ย แล้วเสียงข้าวของแตกนั่นคือสิ่งใด!!?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel