กรรมสิทธิ์รักเมียไม่ปรารถนา ชุด วิวาห์ไร้รัก

105.0K · จบแล้ว
เนื้อนวล/baiboau
51
บท
72.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สำหรับดอกหญ้าเช่นหล่อน แค่แอบรักก็ยังไม่มีสิทธิ์ ลัลดา เด็กสาวในบ้าน มาเลซาสโซ หล่อนคือผู้หญิงต่ำต้อย เป็นเพียงแค่เศษดินใต้ฝ่าเท้าของคุณชายผู้สูงศักดิ์เช่นเขา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองความงดงามของเขาด้วยซ้ำ แต่โชคชะตาแสนโหดร้าย โยนหล่อนขึ้นไปบนเตียงของเขาในค่ำคืนหนึ่ง ก่อนจะถีบหล่อนลงสู่ขุมนรกในเช้าวันต่อมา เมสัน มาเลซาสโซ คุณชายสูงศักดิ์ที่เพอร์เฟ็คทุกกระเบียดนิ้ว ความผิดพลาดเดียวในชีวิตก็คือการได้ลิ้มรสเนื้อสาวของแม่กาฝากแสนต่ำต้อยอย่างลัลดา ผู้หญิงที่ไม่เคยมีตัวตนในสายตามาก่อน ดังนั้นสิ่งเดียวที่เขาทำเมื่อสติกลับคืนมาก็คือ... เลือดเย็นใส่หล่อน! “กินยาคุมซะ” “ลัล... คิดว่าคงไม่...ท้อง...” “แล้วหากเกิดโชคร้ายท้องขึ้นมาล่ะจะทำยังไง หรือว่าเธอจะใช้เด็กจับฉัน ลัลดา!” กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ดวงตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำแห่งความเสียใจ หล่อนพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แต่มันทำได้ยากเย็นเหลือเกิน “ถ้า... เกิดโชคร้ายขึ้นมาจริงๆ” เขาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง มองด้วยสายตาไร้ความรู้สึก “ลัลจะรับผิดชอบตัวเองค่ะ” “ลัล... ไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ...” “หากไม่ได้คิดก็รีบกินยาคุมซะ เพราะหากท้องขึ้นมา ฉันไม่รับผิดชอบ” เล่มอื่นๆ ในซีรีส์

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันหมอดราม่าสัญญาทางรักรักแรกพบแก้แค้นเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที่ 1

มาเลซาสโซ ฮอสพิทอล (Malesasso Hospital) สถานพยาบาลเอกชนที่มีความทันสมัย พรั่งพร้อมด้วยเครื่องมือทางการแพทย์อันดับต้นๆ ของโลก อภิมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งขึ้นมาคือ มาริโอ มาเลซาสโซ ก่อนจะส่งมอบสู่อุ้งมือของลูกชายคนที่สองอย่าง เมสัน มาเลซาสโซ ที่เรียนจบทางด้านแพทย์สูตินรีเวชมาดูแลมันต่อจากตนเอง

เมสันทั้งบริหารมาเลซาสโซ ฮอสพิทอล และออกตรวจคนไข้ในเวลาเดียวกัน เขาทำทุกอย่างได้ดีเยี่ยมไร้ที่ติ แม้จะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาหมดแรงล้มลง เพราะคนรักที่กำลังจะแต่งงานด้วยจบชีวิตจากไปกะทันหัน แต่ตอนนี้เขาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง เขาเข้มแข็งมากขึ้น แม้ว่าจะยังอาลัยรักต่อคนรักที่จากไปอยู่ก็ตาม

ชายหนุ่มถอนหายใจแผ่วเบา เอนกายพิงพนักเก้าอี้ในห้องตรวจ ดวงตาคมกริบจ้องมองรูปถ่ายของญาญ่าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานเสมออย่างคิดถึง เหตุการณ์ในวันนั้นคือฝันร้าย มันคือเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ภาพร่างชุ่มไปด้วยหยาดเลือดแดงฉานของคนรักยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เขาไม่มีทางลืมมันได้ ญาญ่าขาดใจตายอยู่ในอ้อมกอดของเขาในห้องฉุกเฉิน

อดีตไม่สามารถหวนคืนมาได้ ญาญ่าได้จากไปแล้วตลอดกาล แต่กระนั้นหล่อนก็ไม่เคยหายไปจากความทรงจำของเขา

“ญาญ่า...ผมคิดถึงคุณมากนะ”

เมสันถอนหายใจออกมา ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะทำงานตรงไปยังประตูห้อง

“คุณหมอจะกลับแล้วเหรอคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจเอ่ยถาม

เมสันยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมอง ก่อนจะตอบ “ครับ คงไม่มีคนไข้แล้วล่ะ”

เขาก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้องตรวจ มุ่งหน้าไปยังลานจอดรถด้วยท่าทางเหงาหงอย เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง เขาหยุดเดิน แล้วหมุนตัวกลับไปมอง

“กรแก้ว...” เขาระบายยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทปรากฏตัวขึ้นไม่ไกลนัก

กรแก้ว อัครวงศ์ เป็นเพื่อนหมอร่วมคลาส รุ่นเดียวกับเขา อายุอานามของหล่อนก็ขึ้นเลขสามมาสักพักแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังไม่ยอมมีคนรักเสียที เขาถามทีไร หล่อนก็บอกว่ายังไม่เจอคนถูกใจ

“คิดถึงไมค์นะคะ”

กรแก้วเดินเข้ามาสวมกอด และจูบแก้มของเขาเหมือนกับที่เคยทำมาตั้งแต่อดีต มันเป็นธรรมเนียมฝรั่งที่เด็กนักเรียนนอกอย่างพวกเขารู้ดีว่ามันไม่มีอะไรเกินกว่าคำทักทาย

“คิดถึงเช่นกันครับ”

กรแก้วระบายยิ้มกว้าง ดวงตาจ้องมองเมสันหวานฉ่ำ

“ก็ต้องคิดถึงสิคะ เราไม่ได้เจอกันมาจะปีหนึ่งแล้วนี่”

“นั่นสิ ว่าแต่ที่โรงพยาบาลที่ย้ายไปทำเป็นยังไงบ้าง งานหนักหรือเปล่า”

คนถูกถามถอนหายใจออกมา ก่อนจะฝืนยิ้ม

“โรงพยาบาลรัฐในประเทศไทยมีงานไม่หนักด้วยเหรอคะ แต่กรก็ทนค่ะ เพราะกรอยากมียศราชการติดบ่า”

“กรทำได้อยู่แล้ว ผมเชื่อ”

“ขอบคุณค่ะ” กรแก้วยังคงยิ้มหวานฉ่ำ ขณะจ้องมองเมสันอย่างพิจารณา

“ไม่ได้เจอกันนาน คุณหล่อขึ้นนะคะไมค์”

เมสันหัวเราะขบขันก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“แกล้งชมหรือเปล่าครับ ผมงานยุ่งมาก หน้าก็ออกจะโทรมช่วงนี้ ไม่น่าจะหล่อมากขึ้นได้ ถ้าจะหล่อก็คงหล่อระดับเดิมนั่นแหละ”

กรแก้วหัวเราะคิกคัก

“ค่า พ่อเพื่อนสุดหล่อ อ้อ ว่าแต่มีแฟนหรือยังคะเนี่ย อัปเดตให้กรฟังบ้างสิคะ”

เมสันส่ายหน้าพรืด “ผมทำงานยุ่งจะตาย จะเอาเวลาไหนไปหาล่ะครับ”

กรแก้วดีดนิ้วเสียงดัง ก่อนจะหรี่ตาแคบทวงสัญญากับเมสัน

“จำได้ไหมคะคำสัญญาของเราเมื่อสิบกว่าปีก่อน”

คิ้วเข้มเลิกสูงเล็กน้อย พยายามคิดแต่คิดไม่ออก

“ขอโทษนะกร ผมนึกไม่ออก”

“แหม ก็ที่เราเคยพูดกันเล่นๆ ว่า ถ้าอายุสี่สิบเมื่อไหร่ แล้วพวกเรายังไม่ได้แต่งงานกับใครไปก่อน เราสองคนจะแต่งงานกันเอง”

เมสันได้ยินก็หัวเราะก๊าก “นี่คุณคิดจริงจังอยู่อีกเหรอกร ผมว่าเราแค่พูดกันเล่นๆ นะนั่น”

“แหม กรคิดจริงนะคะ”

เมสันส่ายหน้าน้อยๆ หัวเราะไม่หยุด ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“แล้วนี่กินข้าวเย็นมาหรือยังครับ”

“ยังเลยค่ะ นี่ว่ากำลังจะหาเจ้ามืออยู่พอดี แต่ว่าจะมีคนใจดีแถวนี้เลี้ยงไหมนะ” หล่อนยิ้มเล็กยิ้มน้อยให้เมสัน

ชายหนุ่มอมยิ้ม มองเพื่อนสนิทของตัวเอง

“งั้นก็ขับรถตามมาเลยครับ เดี๋ยวจะพาไปกินร้านเด็ด รับรองอร่อยจนกรต้องขับรถจากตราดมากรุงเทพฯ บ่อยๆ แน่นอน”

“จริงเหรอคะ”

“จริงสิครับ งั้นเจอกันที่ร้านนะ”

เมสันกำลังจะเดินไปขึ้นรถ แต่กรแก้วคว้าท่อนแขนเอาไว้ และฉีกยิ้ม

“กรจอดรถไว้ที่นี่ดีกว่าค่ะ คือกรเริ่มลืมการขับรถในกรุงเทพฯ ไปแล้วน่ะค่ะ”

เมสันขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายลง “งั้นก็ได้ครับ ตามสะดวกคุณเลยกร”

“คุณยังใจดีเสมอเลยนะคะไมค์”

แล้วหญิงสาวก็เขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มของเมสัน ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกห่าง

“งั้นเราไปกันเถอะครับ”

“ค่ะ”

เมสันเดินไปเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับให้กับกรแก้ว หญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะก้าวขึ้นไป ส่วนเขาพอปิดประตูให้แล้วก็เดินอ้อมตัวรถกลับมาที่ฝั่งคนขับเช่นเดิม

“ดีใจจังค่ะที่ได้คุยกับไมค์อีกครั้ง”

เมื่อรถแล่นออกมาจากโรงพยาบาลหรูแล้ว หญิงสาวก็เริ่มต้นสนทนาอีกครั้ง

“อยู่นู่นเหงาล่ะสิ”

“เหงามากที่สุดเลยล่ะค่ะ”

“แล้วทำไมไม่ลองย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพฯ ดูล่ะครับ”

กรแก้วส่ายหน้าน้อยๆ “ตอนนี้ยังย้ายไม่ได้หรอกค่ะ น่าจะต้องรออีกปีกว่าๆ”

“อดทนไว้ ยังไงกรก็ทำได้อยู่แล้ว”

“ขอบคุณค่ะไมค์”

ชายหนุ่มจดจ่ออยู่กับการขับรถโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก กรแก้วจึงลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อคมคายของเขาด้วยความพึงพอใจ นานแค่ไหนแล้วนะที่หล่อนไม่ได้นั่งมองหน้าเขาแบบนี้ นานจนหล่อนแทบจะขาดใจเลยทีเดียว

หล่อนกับเมสันสนิทสนมกันตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่เมืองนอก สนิทกันมากจนเพื่อนๆ ในห้องคิดว่าเขากับหล่อนคบหากันเป็นคนรัก แต่เมสันกลับไม่ได้ชอบหล่อนแบบนั้น ทำให้หล่อนแอบผิดหวังไม่ได้ แต่หล่อนก็ไม่เคยละความพยายามที่จะเอาชนะใจของเขา กระทำมาเรื่อยๆ คิดว่าสักวันเขาจะมองหล่อนในฐานะที่ต่างออกไปจากเพื่อนสนิทบ้าง แต่มันกลับไม่มีวันนั้น เมื่อวันหนึ่งญาญ่า ผู้หญิงลูกครึ่งอังกฤษ-ไทยปรากฏตัวขึ้น และก็คว้าหัวใจของเมสันไปทั้งดวง

หล่อนเก็บความชอกช้ำเอาไว้เงียบๆ กลืนกินหยาดน้ำตาแห่งความผิดหวังเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี หลายครั้งที่เมสันทะเลาะกับญาญ่า และก็มาปรึกษาเพื่อนสนิทอย่างหล่อน ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนทำตัวเป็นเพื่อนรักที่ดีคอยช่วยไกล่เกลี่ยให้ โดยที่เมสันไม่รู้เลยว่าหล่อนเจ็บปวดทรมานแค่ไหน

เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้ว่าใจหล่อนคิดยังไง ตอนนี้เขาก็ยังซื่อบื้อไม่รู้อยู่เช่นเดิม ไม่ว่าหล่อนจะพยายามแสดงออกแค่ไหนก็ตาม

หล่อนซ่อนความรักที่มีต่อเขามาเนิ่นนาน และหลายครั้งที่พยายามจะตัดใจจากเขา แต่มันก็ทำไม่ได้เลย หล่อนไม่อาจสูญเสียเมสันให้กับผู้หญิงคนอื่นได้ เขาจะต้องเป็นของหล่อนเพียงคนเดียว

ความคิดชั่วร้ายนี้ดังขึ้นในหัวตั้งแต่ที่รู้ว่าเมสันวางแพลนเอาไว้ว่าจะแต่งงานกับญาญ่า หล่อนต้องยิ้มแสดงความยินดีกับเขาทั้งน้ำตา เจ็บปวดจนนอนไม่หลับ กลายเป็นคนซึมเศร้าต้องพึ่งพายาจากโรงพยาบาลเพื่อให้ตัวเองสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้

และแน่นอนว่าความริษยาของสตรีมันมีแรงขับที่รุนแรงน่ากลัว หล่อนวางแผนทุกอย่างที่จะทำให้เมสันกับญาญ่าผิดใจกัน และยกเลิกงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยหยิบยกเอาสาวใช้หน้าตาสะสวยคนหนึ่งที่หล่อนเคยเห็นที่บ้านของเมสันมาเป็นเหยื่อ

หล่อนใช้ความเป็นเพื่อนรักกับเมสัน เข้าไปตีสนิทกับญาญ่า ซึ่งแน่นอนว่าญาญ่าไว้ใจหล่อนอย่างง่ายดาย หล่อนเป่าหู พยายามสร้างเหตุการณ์ให้ญาญ่าระแวงเมสัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ทะเลาะ และหลายครั้งก็รุนแรงจนน่าจะเลิกรากันไป แต่กลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเมสันรักญาญ่ามาก และพยายามยื้อความสัมพันธ์เอาไว้ทุกทาง

หล่อนเสียใจ ผิดหวัง และเริ่มรู้แล้วว่าไม่อาจจะใช้วิธีเดิมเพื่อกำลังจัดศัตรูหัวใจได้อีก แผนการที่ร้ายกาจมากยิ่งขึ้นจึงถูกนำมาใช้ หล่อนเหี้ยมโหดได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะทำได้ วันลองชุดแต่งงาน หล่อนถ่วงเวลาเมสันเอาไว้ให้อยู่กับตัวเองด้วยธุระสำคัญ ทำให้ญาญ่าต้องออกไปลองชุดกับคนขับรถและสาวใช้คนสวยนั่น คนของหล่อนขับตามประกบ ก่อนจะเร่งเครื่องปาดหน้ากะทันหัน ทำให้รถที่ญาญ่านั่งมาพลิกคว่ำหลายตลบ คนขับรถตายคาที่ ญาญ่ามาตายในห้องฉุกเฉิน ส่วนสาวใช้คนสวยอีกคนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น รอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์

หล่อนเสแสร้งแสดงความเสียใจกับเมสัน ปลอบใจเขาในยามที่เขาร้องไห้เพราะอาลัยรักญาญ่า หวังว่าเขาจะเห็นความดีและใจอ่อนกับหล่อนบ้าง แต่จนถึงบัดนี้ เมสันก็ยังไม่เคยมองหล่อนเกินคำว่าเพื่อนเลย แม้ว่าจะไม่มีญาญ่าแล้วก็ตาม

“หน้าผมมีอะไรติดอยู่หรือกร”

คำถามติดตลกของเมสัน ทำให้หล่อนได้สติ รีบกลับออกมาจากเรื่องราวในอดีต

“เปล่าหรอกค่ะ ไม่มีอะไรติดหรอก”

“ก็เห็นมองหน้าผมจัง”

“กรก็แค่...คิดถึงคุณน่ะค่ะ”

เมสันหัวเราะขบขัน ไม่เคยคิดอะไรเกินเลยกับกรแก้วแม้แต่นิดเดียว

กรแก้วคือเพื่อนที่แสนดีเสมอมา และจะเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปตลอดชีวิต

“ดูท่าทางจะเหงามากนะครับเนี่ย”

“ค่ะ เหงามากเลย เอ่อ ถ้ากรจะโทรหาไมค์บ่อยขึ้นจะได้ไหมคะ”

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ได้ครับ ไม่มีปัญหาอะไรนี่นา ถ้าผมรับสายได้ก็จะรับตลอด”

“ขอบคุณค่ะไมค์”

หล่อนมองเขาด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก เขาไม่มีทางเห็นมัน เพราะมัวแต่จ้องท้องถนน สักพักรถคันงามก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าร้านอาหารร่มรื่นแห่งหนึ่ง

“ที่นี่เหรอคะ”

“ครับ อาหารอร่อยมาก ผมมาหลายครั้งแล้ว” เขาพูดพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว

“มากับสาวหรือเปล่าคะ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าพรืด

“ถ้าจะไปกับสาว ผมไม่พามาที่นี่หรอกครับ จะพาไปโรงแรมมากกว่า”

พูดจบเขาก็หัวเราะร่วน กำลังจะก้าวลงจากรถ แต่กรแก้วเรียกเอาไว้เสียก่อน

“ครับ?”

“เข็มขัดปลดไม่ออกค่ะไมค์”

คิ้วเข้มเลิกสูงแปลกใจ ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยที่รัดอยู่รอบกายของกรแก้วให้

ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ใกล้แค่เอื้อม กรแก้วใจสั่น มองริมฝีปากหยักสวยที่หล่อนใฝ่ฝันว่าจะได้บดคลึงสักครั้งในชีวิตด้วยความโหยหา หล่อนหวั่นไหวจนสั่นเทาไปทั้งตัว แต่เมสันกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพียงแค่เสี้ยววินาทีเข็มขัดนิรภัยก็คลายออกจากตัวของหล่อน

“ออกแล้วครับ”

“เอ่อ ขอบคุณค่ะ เมื่อกี้กดยังไงก็ไม่ออก”

ชายหนุ่มระบายยิ้มก่อนจะเอ่ยแซว

“สงสัยเจ้าเข็มขัดมันตื่นเต้นที่ได้เจอคนสวยๆ อย่างกรมั้ง ก็เลยอยากจะรัดเอาไว้นานๆ”

“แล้วเจ้าของล่ะคะ ตื่นเต้นที่เจอคนสวยๆ อย่างกรไหม”

เมสันอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลั้วหัวเราะออกมา

“ผมน่ะตื่นเต้นเสมอที่เจอกรนั่นแหละ ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า”

กรแก้วห่อเหี่ยวลงถนัดตา แต่ก็พยายามยิ้มเอาไว้

“กรหิวแล้วล่ะค่ะ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ ก้าวลงจากรถ หญิงสาวรีบก้าวตามลงไปเช่นกัน

เมสันเดินนำหน้าเข้าไปแล้ว กรแก้วมองตามไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ

เมื่อไหร่นะ หล่อนถึงจะได้มีโอกาสเดินเคียงข้างผู้ชายคนนี้ในฐานะคนรักบ้าง

“อ้าว กร...มาสิครับ ไหนว่าหิวไง”

หล่อนมัวแต่หยุดเดินและยืนนิ่ง ทำให้คนที่เดินนำหน้าไปแล้วต้องหันกลับมาเอ่ยเรียก

“เอ่อ ค่ะ ไปแล้วค่ะ”

กรแก้วรีบปรับเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองเป็นยิ้มแย้ม และรีบเดินตามไปทันที