บทที่ 7 ใจร้าย
แสงตะวันยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนโทนสีดำ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์หรูหรา บ่งบอกถึงรสนิยมมาเฟียหนุ่มเป็นอย่างดี
คนตัวเล็กบนเตียงปรือตาขึ้นเชื่องช้า เพื่อปรับสภาพให้คุ้นชินกับแสงแยงตา
“อื้อ”
“ตื่นแล้วก็ไสหัวไปซะ”
เสียงดังในระยะใกล้เคียงทำให้ณิชาหันมองก่อนพบกับเจ้าของห้องในสภาพชุดคลุมอาบน้ำ เส้นผมเปียกชุ่ม ไม่ต้องบอกก็รู้เพิ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ
“คุณ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หญิงสาวเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมคว้าผ้าห่มคลุมเรือนร่าง
ร่างกายของเธอเต็มด้วยรอยแดงมากมาย ตอกย้ำได้ดีว่าเรื่องเมื่อคืนคือความจริงไม่ใช่ความฝัน เธอกับเขามีอะไรกันแล้ว
“ไม่ต้องห่วงผู้หญิงจืดชืดอย่างเธอ ฉันไม่กินซ้ำสองหรอก”
คำพูดของมาเฟียจอมโหดทำให้เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน เพื่อข่มความเจ็บปวด เขาช่างเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด
“ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ” เธอไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนทำเอาเขางุนงงไม่น้อย ก่อนเจย์เดนจะนึกบางอย่างขึ้นได้แล้วพูดออกมา
“อยากได้เงินสินะ” เท้าใหญ่ก้าวเดินไปข้างเตียง เขาเปิดลิ้นชักพร้อมหยิบอะไรสักอย่างออกมา ก่อนกรอกจำนวนเงินลงในเช็คนำไปยื่นให้เธอ
“รับไปสิ แล้วรีบไสหัวกลับไปทำงาน”
“อะไรคะ” นัยน์ตากลมโตมองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าสลับมองหน้าหล่อเหลา คิ้วโก่งเลิกขึ้นอย่างสงสัย ไม่ใช่ไม่รู้สิ่งนั้นคืออะไรแต่ไม่เข้าใจจะให้ทำไม
“ค่าตัวเธอไง” ไม่พูดเปล่า เขายัดเช็คใบนั้นใส่ในมือของณิชา
หญิงสาวมองเช็คในมือด้วยสายตาแข็งกระด้าง เขาพูดจาทำร้ายจิตใจเธอยังไม่พออีกเหรอ นี่คิดจะดูถูกด้วยสินะ เธอทนไม่ไหวจัดการฉีกของในมือจนแหลกและปาใส่หน้าคมคาย
“กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน” มาเฟียหนุ่มพุ่งตัวเข้าหาณิชาอย่างไว ไม่วายบีบปลายคางมนแทบแหลก จ้องเขม็งเธอปานจะกินเลือดกินเนื้อ
“แล้วคุณล่ะ มีสิทธิ์อะไรมาทำแบบนี้กับฉัน” เธอจ้องเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว
“เฮอะ ไม่น่าถามฉันจับเธอมาเป็นเชลย ฉันมีสิทธิ์จะทำอะไรกับเธอก็ได้”
“คุณมันเลว เลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ฉันเกลียดคุณ” เธอตอกกลับใส่หน้าของอีกคน
“ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว ก่อนฉันจะหมดความอดทน” เจย์เดนพยายามควบคุมสติ ไม่ให้พลั้งมือทำร้ายณิชาไปมากกว่านี้ เพราะเธอต้องอยู่ให้เขาทรมานอีกนาน
“ไปสิวะ!!” ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียงก่อนหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงโยนใส่หน้าณิชาพร้อมตะโกนไล่
“เลวที่สุด”
“รีบไปซะ ก่อนฉันจะให้เธอเดินแก้ผ้าออกจากห้องให้ลูกน้องฉันเอา”
คราวนี้หญิงสาวไม่ได้โต้กลับ ย่อมทราบดีคนอย่างเขาทำอย่างที่ลั่นวาจาจริง ฉะนั้นจำเป็นต้องเลี่ยงไปก่อน
ณิชารีบแต่งตัวและออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กลับถึงห้องพักของตัวเองก็ทรุดกายนั่งลงดั่งคนหมดแรง แล้วปล่อยโฮออกมาราวกับคนใจสลาย
“ฮือ ๆ แม่ขา…ณิกลัวเหลือเกิน” หญิงสาวโอบกอดตัวเองพลางนึกถึงมารดาผู้ล่วงลับ มารดาของเธอจากไปตั้งแต่เธออายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น
ก๊อก! เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเรียกความสนใจของณิชาหันไปมอง เธอค่อย ๆ พยุงกายเดินไปเปิดประตูเพื่อดูว่าเป็นใคร
“เอาไป”
“คะ” ณิชามองยูนิฟอร์มแม่บ้านในมือของสาวใช้คนหนึ่ง
“รับไปสิ บอสสั่งให้เอามาให้เธอ”
“ให้ฉันทำไมคะ” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน
“เอาไปเปลี่ยนสิ บอสบอกว่าเธออยู่ที่นี่ต้องทำงานบ้านทุกอย่างเหมือนพวกเรา ไม่ได้ให้อยู่ฟรี ๆ”
“อ๋อค่ะ” คำอธิบายของคนตรงหน้าทำให้เข้าใจได้ทันที
“เปลี่ยนเสร็จแล้วรีบตามมา หัวหน้าแม่บ้านจะแจ้งหน้าที่ให้เธอเอง” พูดจบ สาวใช้คนดังกล่าวจากไปทันใด ทิ้งณิชามองชุดแม่บ้านในมือครู่หนึ่ง
“เอาเถอะ” เธอหลับตาลงและเบิกขึ้นใหม่อีกครั้งพลางพ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดต้องรับมือให้ได้ตราบใดยังอยู่ที่นี่
หลังจากณิชาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็มุ่งหน้าไปหาแมรี่หัวหน้าแม่บ้านทันที ก่อนได้รับงานตามที่มอบหมาย
การทำงานของหญิงสาวไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ไม่ต่างจากการทำงานแม่บ้านทั่วไป ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นขณะเธอกำลังจะเดินกลับห้องพักช่วงเที่ยง
ทันใดนั้นเกิดอาการหน้าวูบ ขณะคิดว่าต้องล้มลงแน่นอน จู่ ๆ แขนกำยำของใครคนหนึ่งรับร่างเธอไว้ได้ทัน
“คุณ” เงยหน้ามองคนที่ช่วยเหลือ
“เป็นอะไรไหมครับ” ไททันเอ่ยถามอย่างสุภาพ เขาบังเอิญเดินผ่านมาทางนี้พอดีจึงเข้ามาช่วย
“ปวดหัวค่ะ” เธอยังคงอยู่ในอ้อมกอดของบอดี้การ์ดหนุ่ม เพราะทรงตัวไม่ได้เนื่องจากวิงเวียนศีรษะ
ทั้งคู่ไม่อาจล่วงรู้เลย เจย์เดนกำลังจ้องมองอย่างไม่สบอารมณ์ มาเฟียหนุ่มก้าวเดินฉับ ๆ ตรงไปเบื้องหน้า ก่อนกระชากณิชาจนตัวปลิวไปอยู่ข้างเขา
“ทำอะไรกัน” จ้องมองลูกน้องคนสนิทก่อนหันมองคนตัวเล็กข้างกาย ซึ่งสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไร แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนักเพราะคิดว่าเธอเสแสร้ง
“คุณณิชากำลังจะเป็นลม ผมแค่ช่วยพยุงไว้เฉย ๆ” ไททันบอกตามความจริง
“ฉันไม่เชื่อหรอก”
“จริงนะครับบอส”
“ตามมา” ยกยิ้มมุมปากพลางปรายตามองณิชา จากนั้นจูงข้อมือเล็กให้เดินตามและไม่วายออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิท ไททันไม่เข้าใจพฤติกรรมของเจ้านายแต่ยอมเดินตามเข้าข้างใน
เจย์เดนเหวี่ยงณิชาไปกองกับพื้นห้องโถง ชายหนุ่มมองเธอไม่ต่างจากตัวน่ารังเกียจ
“ร่านนักใช่ไหม”
“บอสจะทำอะไรครับ” ไททันเริ่มรู้สึกถึงสิ่งไม่ชอบมาพากล กลัวเจ้านายหนุ่มจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด
“ใครอยู่แถวนี้มาหน่อย”
“ครับบอส” บอดี้การ์ดประมาณห้าคนวิ่งกรูมาหาเจ้านายหนุ่มตามเสียงเรียก
“ฉันยกผู้หญิงคนนี้ให้พวกนายจะทำอะไรก็ได้ตามสบาย”
“เอ่อ บอสครับ” ไททันเอ่ยขึ้นหมายจะห้ามปรามเจย์เดน
“อย่ายุ่งไททัน ไปดิวะ” ประโยคท้ายหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องคนอื่น ๆ อีกห้าคนซึ่งยืนนิ่งไม่มีท่าทีจะขยับ
“ไปสิ!!”
“ครับ ๆ”
ทันทีที่ชายชุดดำเหล่านั้นเข้ามาหาเธอ หญิงสาวพยายามป้องกันตัวเองสุดฤทธิ์ให้รอดพ้น แม้สติเลือนรางเต็มทีก็ตามแต่ไม่มีทางยอมให้คนเหล่านั้นย่ำยีง่าย ๆ
“อย่าเข้ามานะ” ว่าพลางเขยิบหนี
“อยู่เฉย ๆ เถอะคนสวย” หนึ่งในบอดี้การ์ดพูดขึ้น
“ไม่ ๆ อย่ามายุ่งกับฉัน”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา อุณหภูมิในร่างกายของเธอเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะพิษไข้
“กรี๊ด…” ณิชากรีดร้องลั่นเมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาใกล้กว่าเดิม วินาทีต่อมาคนตัวเล็กสลบคาพื้นห้อง ทุกคนบริเวณนั้นต่างมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง ยกเว้นเจย์เดนที่คิดว่าเธอแสร้งทำ
“ไปดูสิไททัน ยังหายใจอีกไหม”
“ครับ” ไททันเดินเข้าไปหาณิชา ก่อนยื่นนิ้วแกร่งเข้าใกล้จมูกของเธอเพื่อตรวจสอบดูว่าอีกคนยังหายใจอีกหรือไม่
“เป็นไงบ้างไททัน”
“หายใจอยู่ครับ”
“พาขึ้นไปบนห้องรับรองแขกแล้วตามหมอมาด้วย” สิ้นคำพูด มาเฟียหนุ่มหมุนตัวย่างเท้าจากไปทันใด ไม่เหลียวมองณิชาสักนิด
“คุณณิชาครับ” ไททันเขย่าคนสลบเบา ๆ เพื่อเรียกสติ ทว่าไม่มีการตอบสนองใด
“ลูกพี่ เธอเป็นยังไงบ้าง” หนึ่งในบอดี้การ์ดถามขึ้นอย่างเป็นห่วง พวกเขาไม่มีเจตนาจะทำเช่นนั้นกับณิชา แต่หากไม่ทำก็กลัวเจ้านายจะจัดการพวกเขาแทน
“ไม่เป็นไรแล้ว พวกนายกลับไปทำงานเถอะและก็เงียบ ๆ ละไม่ต้องพูดอะไรมาก”
“ครับ ๆ”
“เฮ้อ…ขอโทษนะครับคุณณิชา” ไททันไม่รอช้าช้อนร่างบอบบางเข้าสู่วงแขนและพาขึ้นไปบนห้องนอนรับรองแขก จากนั้นรีบโทรตามแพทย์ประจำตระกูลทันที
