บท
ตั้งค่า

บทที่ 13

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกนะ!”

ฉันตวาดกลบเกลื่อนความเขินอาย

“ทำไมล่ะ? แกก็ดูเต็มใจให้เขาจูบนี่นา” น้ำขิงถามพาซื่อ

“ฉันตกใจต่างหากเล่าน้ำขิง! การโดนผู้ชายที่มีแฟนแล้วมาจูบเอาแบบนั้นน่ะ ไม่มีใครชอบหรอก ถึงฉันจะตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเจอ แต่ฉันก็ยินดีตัดใจ เพราะเขา...เขาไม่ได้โสดแล้ว ฮึก...” หมดกันความอดทนที่พยายาม ฉันทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ปิดหน้าร้องไห้จนตัวโยน

“เฮ้อ...ไม่เอาน่ามีน ไม่ร้องนะ คนเราถ้ามันใช่ วันหนึ่งก็จะได้วนเวียนมาคู่กันเอง แต่ถ้าไม่ใช่ก็หมดวาสนาต่อกันแค่นี้แหละ” วัลลภนั่งลงข้างๆ แล้วดึงฉันไปกอด น้ำขิงดูตาแดงก่ำเหมือนอยากร้องไห้เป็นเพื่อน นั่นทำให้ฉันต้องรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มเร็วๆ

“ฉันนอนไม่หลับแน่คืนนี้” ฉันฝืนยิ้ม

“งั้นก็ไม่ต้องนอน เมากันสักคืนให้ลืมความเจ็บช้ำ!”

วัลลภสะบัดหน้าเชิดขึ้นแล้วชูกำปั้นปลุกใจ นั่นทำให้ฉันกับน้ำขิงอดหัวเราะกับท่าทางขบขันแบบนั้นไม่ได้

“อืม! เมาก็เมา!” น้ำขิงพยักหน้าหนักแน่นมาก

“แต่ขอที่ปลอดภัยที่ไม่ใช่ในผับนะ” ฉันยังเข็ดไม่หาย

“ไม่ต้องห่วง ฉันมีที่ดีๆ ย่ะ” วัลลภยิ้มกริ่ม

“ที่ไหน?” ฉันเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“ร้านพี่เบิ้มหลังมอไง!”

“หา!”

“หา!”

ฉันกับน้ำขิงอุทานด้วยสีหน้าตกใจเหมือนกันทั้งคู่ ก็ใครเล่าจะอยากไปนั่งร้านพี่เบิ้มหน้าโหด ไม่ใช่แค่หน้านะ แต่พูดทีเสียงดังเหมือนตะคอก สายตาโหดเหี้ยมดูไม่เป็นมิตรกับใครทั้งนั้น

และสาบานได้ว่าไม่มีใครเคยเห็นพี่เขายิ้มเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นแหละที่เป็นสาเหตุทำให้ร้านเหล้าของพี่เบิ้มแทบไม่มีคนไปใช้บริการ

นอกจากนังลภนี่แหละ!

“ไม่ต้องตกใจ พี่เบิ้มหน้าโหดก็จริง แต่ข้อดีคือแกไม่วุ่นวายกับเรานะ เมาจนหลับยังมีบริการหิ้วไปนอนบนโซฟาให้ด้วย อาหารก็โคตรอร่อย ราคาเป็นมิตร ปลอดภัยจากพวกเลวๆ ด้วย”

“อ่า...” น้ำขิงอ้าปากค้าง

“เอาน่า ไปเหอะ นี่ชวนไปเมานะ ไม่ได้ให้ไปจีบพี่เบิ้มแก”

“อืม ไปก็ไป”

ฉันพยักหน้าตอบตกลงในที่สุด จากนั้นก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้อง เลือกชุดสบายๆ อย่างเสื้อสายเดี่ยวกับกางเกงยีนส์ขาสั้น กำลังจะหยิบรองเท้าผ้าใบคู่ใจมาใส่ แต่กลับนึกถึงเหตุการณ์คืนฝนพรำขึ้นมาได้อีก เพราะมัวแต่ผูกเชือกรองเท้าคู่นี้แหละ คุณแทนไทถึงได้ลงมายืนกางร่มให้

ฉันเก็บรองเท้าไว้ที่เดิม แล้วเลือกแตะหูหนีบมาใส่แทน...

ผมถอนหายใจหนักหน่วง ยืนเคว้งอยู่ตรงนั้นอีกชั่วอึดใจ ก่อนจะเดินกลับออกมาจากหอของมีนาด้วยด้วยรู้สึกหนักอึ้งที่กดลงบนบ่าทั้งสองข้าง จนไม่ทันสังเกตเห็นเพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอเดินสวนเข้าไป

แย่ชะมัด...

อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ไม่ควรพลาดพลั้งทำอะไรขาดสติลงไปอย่างนั้นเลย มีนาคงรู้สึกแย่มากที่ถูกผมจูบ ผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัวเพราะแพรวพนิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทนที่จะถอยห่างเพื่อให้เธอหมดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ผมกลับทำให้มันแย่ลงกว่าเดิมอีก

ผมเปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปในรถ ห้วงความคิดมีแต่ภาพของนักศึกษาสาววัยใส คิดถึงรสสัมผัสจากริมฝีปากนุ่มนิ่ม คิดถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเธอ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นรัวราวกับว่ามันคือจูบแรกในชีวิต ทั้งที่ผมไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงเลยตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

แต่มีนามีบางอย่างที่ต่างออกไป เธอมีความดึงดูดในแบบที่ผมเองก็อธิบายไม่ได้ ครั้งแรกที่เห็นเธอนั่งผูกเชือกรองเท้าตากฝน ผมก็แค่สะดุดตา คิดว่าควรจอดรถแล้วหยิบร่มลงไปกางให้หน่อย เพราะกลัวว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไม่สบายเอา แต่พอได้เห็นดวงหน้าจิ้มลิ้มและมองสบกับดวงตากลมโตใสซื่อคู่นั้น มันก็รู้สึกเหมือนมีกระแสบางอย่างแล่นวาบเข้าสู่หัวใจ

หลังจากนั้นผมก็มักขับรถผ่านทางเดิมเสมอ คาดหวังทุกวันว่าอาจจะได้พบสาวน้อยในคืนฝนพรำอีกสักครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้พบเธออีกเลย

จนกระทั่งบังเอิญไปตามตัวแพรวพนิตที่ผับ ราวกับฟ้าดลใจให้ผมมองเห็นร่างบางกำลังนั่งโยกเบาๆ ตามจังหวะเพลงไปพร้อมกับเพื่อน และยังเห็นอีกด้วยว่ามีไอ้วายร้ายคนหนึ่งกำลังมองเธอด้วยสายตาจาบจ้วงชัดเจน

คิดแล้วก็ใจหาย ถ้าคืนนั้นผมไม่ได้ไปตามตัวแพรวพนิตกลับบ้าน มีนาคงแย่ไปแล้ว บางทีความสวยใสก็เป็นภัยให้แก่ตัวเองไม่น้อย สำหรับผมก็เช่นกัน มีนาไม่ใช่แค่สวยหวานน่ารัก แต่เธอทำให้ผมรู้สึกถึงความสดใสมีชีวิตชีวา และถลำลึกจนนึกอยากได้เธอมาครอบครอง คงเป็นเรื่องโง่น่าดู ถ้าผมปล่อยเธอหลุดมือไป

แม้จะมีอายุห่างกันถึงสิบปี แต่สายตาชื่นชมที่เธอมองผม ทำให้ผมมั่นใจว่าการรุกจีบอาจจะช่วยให้สมหวังได้ แต่แพรวพนิตก็เป็นก้างชิ้นโตในชีวิต คอยขัดขวางไม่ให้ผู้หญิงคนไหนได้เข้าใกล้ผม

เธอทำให้ผมต้องติดแหง็กอยู่ด้วยหลายปีในฐานะน้องชายบุญธรรมของพ่อเธอ

ใช่ ผมไม่ใช่คนรักของแพรวพนิต!

แต่ผมมีศักดิ์เป็นอาของเธอต่างหาก...

สิ่งนี้แหละที่ผมอยากอธิบายให้มีนาฟังเหลือเกิน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel