บทที่ 12
แม้ภายในห้องจะมีเพียงแสงจันทร์ส่องผ่านเข้ามาทางระเบียง แต่นั่นก็ชัดเจนพอที่จะทำให้ผู้มาใหม่มองเห็นความงดงามน่าสัมผัสนั้น ความกำหนัดในกายยิ่งเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ตัวตนความเป็นชายปวดร้าวชูชัน
“คุณเป็นใคร!” เสียงที่เคยหวานใส บัดนี้สั่นพร่าด้วยความกลัว
อีกฝ่ายไม่สนใจตอบคำถาม แต่หัวเราะในลำคอด้วยความพึงพอใจ ยืนมองหญิงสาวที่ตอนนี้สั่นเป็นเจ้าเข้า พยายามพาตัวเองถดถอยห่างออกไป จนกระทั่งแผ่นหลังชนเข้ากับประตูกระจกบานคู่ ซึ่งเมื่อเปิดออกไปก็จะพบกับระเบียงกว้าง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันงดงามบางส่วนของเกาะเภาได้ชัดเจนเต็มสายตา
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ!”
ดูเหมือนคำขอร้องนั้นจะไม่เป็นผล เพราะเมื่อสิ้นเสียงร้อนรนของเธอ ชายตรงหน้าก็กระโจนเข้ามาใส่ทันที มือหยาบกร้านนั่นกระชากเท้าเรียวเต็มแรงเพื่อให้ถลาลงนอนราบบนพื้น ก่อนจะพาตัวเองขึ้นคร่อมทับไว้ด้วยท่าทีคุกคามเต็มกำลัง
รินนารากรีดร้องออกมาได้เพียงเล็กน้อย หมัดหนักๆ ก็ถูกส่งเข้าตรงหน้าท้องถึงสองทีรวด เธอรวดร้าวเจ็บจุกจนน้ำตาไหล นอนงอตัวกุมท้องเอาไว้ และหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะขัดขืน
ชายนิรนามกระตุกยิ้มอย่างย่ามใจ เลื่อนมือลงลูบไล้ข้อเท้าเรียวเล็กของหญิงสาว ไล่ผ่านชายกระโปรงชุดนอนขึ้นมายังต้นขาขาวเนียน และขยับมือจาบจ้วงนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆ หมายจะแตะต้องใจกลางความเป็นหญิง แต่ดูเหมือนสวรรค์จะยังไม่เป็นใจให้คนเลวนัก
เพราะยังไม่ทันได้ทำอย่างที่ใจหมาย มือปริศนาของใครอีกคนก็คว้าหมับเข้าที่ไหล่ ก่อนจะกระชากเต็มแรงจนเสียหลักหงายหลังไปกระแทกกับพื้น นั่นทำให้ทุกอย่างยุติลงได้ทันเวลาพอดิบพอดี
“ไอ้ระยำ!” เท้าของอาชาเตะส่งเข้าไปตรงกลางหลังของคนร้ายสุดแรงที่มี กำลังจะซ้ำให้อีกรอบ แต่อีกฝ่ายอาศัยความว่องไวพลิกตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องไปเสียก่อน
เจ้าของบ้านขยับจะตามไปลากคอคนสารเลว ที่กล้าบุกรุกขึ้นมาถึงเรือนใหญ่มาลงโทษ แต่เมื่อหันมาเห็นรินนารานอนคุดคู้น้ำตานองหน้าอยู่กับพื้นห้อง เขาก็รู้ทันทีว่าควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อนเป็นอันดับแรก ชายหนุ่มทรุดกายนั่งลงเคียงข้าง แล้วอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขน
“เป็นยังไงบ้าง!” เขาถามขณะวางร่างเล็กลงบนเตียง แต่เธอเจ็บจุกจนไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ในตอนนี้
เสียงเอะอะโวยวายทำให้ป้ามะลิกับคะนิ้งกรูกันมาที่ห้องของรินนารา อาชารีบเปิดไฟในห้องเพื่อสำรวจว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เขาถอนหายใจ เมื่อพิจารณาอย่างถ้วนทั่วแล้วพบว่าไม่มีการบาดเจ็บใดอีก นอกจากถูกมันต่อยเข้าที่ท้องเสียเต็มรัก
หญิงสาวยังคงน้ำตาไหลพราก ทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัว ทันทีที่เห็นดวงตาอาทรมองมา เธอก็ลืมตัวผวาเข้าไปกอดเขาเสียแน่น ป้ามะลิสงสารจับใจ ต่างจากคะนิ้งที่หึงหวงจนหน้ามืด
“คุณนัดใครให้ขึ้นมาหาที่นี่หรือคะ?” คำถามของสาวใช้ทำให้ผู้เป็นนายรีบหันไปมองอย่างตำหนิ
“ถ้าไม่ใช้สมองคิดก่อนพูดก็หุบปาก แล้วไปตามโชติมา เดี๋ยวนี้!”อาชาตะคอกอย่างไม่คิดจะไว้หน้า และไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทำอย่างนั้น นับวันคะนิ้งก็ยิ่งไม่รู้จักที่ของตัวเอง หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป เห็นทีเขาคงต้องสั่งให้เธอไปทำงานบริการอยู่ที่รีสอร์ตแทน จะได้พ้นหูพ้นตาไปเสียที
คะนิ้งสะบัดหน้าออกไปทำตามคำสั่งอย่างเสียมิได้ ป้ามะลิเองก็รีบหายออกไปจากห้อง เพื่อโทรศัพท์ตามหมอมาดูอาการของรินนาราเช่นกัน หมอมนูญคืออดีตหมอประจำตระกูล ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะกลายเป็นหมอประจำเกาะไปแล้ว เพราะตั้งใจจะใช้ชีวิตในบั้นปลายอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ ไร้ความวุ่นวาย ด้วยการเปิดคลินิกเล็กๆ อยู่ในส่วนของรีสอร์ต โดยได้รับการอนุญาตด้วยความเต็มใจจากเจ้าของเกาะเภา ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานนักสำหรับการเดินทางมาที่นี่
“ไม่เป็นไรนะคะคนดี ไม่มีใครทำอะไรลูกหนูได้ทั้งนั้น ไม่เป็นไรแล้วนะ” อาชายกมือขึ้นลูบศีรษะเล็ก กดแก้มแนบเข้าที่หน้าผากนูนเกลี้ยง แล้วโอบกอดเธอไว้แน่น น่าแปลกที่คำปลอบโยนนั้น ช่วยให้เธอคลายความกลัวลงได้มากโข จากที่เคยตัวสั่นงันงก เริ่มกลับมาตั้งสติได้อีก เธอผละออกจากอ้อมกอดเขา ดวงตากลมโตหวานฉ่ำตอนนี้แดงช้ำดูน่าสงสาร
