บทที่ 11
รินนาราดูอึดอัดน้อยลง เมื่อร่างใหญ่เดินกลับไปนั่งที่ตำแหน่งเดิม เขามองเธอแวบหนึ่งพร้อมส่งยิ้มให้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดต่อสายไปหาดวงยิหวาที่ตอนนี้น่าจะยังไม่ทันได้เข้านอน เพื่อบอกทางออกที่เขาเสนออีกครั้ง ตอนนี้เองที่รินนาราพบว่าเธอไม่ได้หูฝาดไป และทุกอย่างที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่มันคือความจริงจากปากผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
รินนาราไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ในตอนนี้ เรื่องที่อาชาเสนอมา ทำให้ตัวของเธอสั่นสะท้าน ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวหรือรังเกียจเขา แต่เธอกำลังหวั่นไหว ประหม่า และจินตนาการไม่ออกเลยว่า การต้องแต่งงานกับอดีตพี่ชายข้างบ้านที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสิ่งดีๆ ในวัยเด็กของเธอ จะให้ความรู้สึกแบบไหน แค่เขามองมา แค่เขายิ้มให้ หัวใจเธอก็เต้นรัวไม่เป็นส่ำ แล้วถ้าถึงเวลาที่ต้องนอนร่วมเตียงกัน ใกล้ชิดกัน เธอจะไม่หัวใจวายตายไปเลยหรือ
หลังจากที่คุยธุระกับเจ้าของเกาะเภาเสร็จสิ้น ดวงยิหวาก็โทรมาหาเธอหลังจากนั้นประมาณชั่วอึดใจ ทุกคำพูดของผู้เป็นแม่เลี้ยงยังคงดังก้องอยู่ในหัว วนไปเวียนมาไม่รู้จักจบสิ้น ราวกับเพลงอันคุ้นเคยที่ตราตรึงอยู่ในโสตประสาท รินนาราถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้นนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงกว้าง
‘แกคิดเห็นยังไงบ้างกับข้อเสนอของตาเอื้อ’
‘คือ...ลูกหนู...’
‘ไม่จำเป็นต้องยอมรับในสิ่งที่ลำบากใจหรอกนะลูกหนู เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง ฉันไม่อยากให้แกเสียสละตัวเองเพื่อฉันขนาดนั้น หนี้ทั้งหมดฉันเป็นคนก่อ ฉันต้องหาทางชดใช้ให้ได้’
‘หนี้ของคุณดวงก็คือหนี้ของลูกหนูด้วยเหมือนกันค่ะ ลูกหนูอยากช่วย ลูกหนูยินดีที่จะช่วยค่ะ’
‘ด้วยการยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักงั้นน่ะหรือ มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะ’
‘ลูกหนูทราบค่ะว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่ลูกหนูเองก็ไม่ได้มีคนรัก ไม่มีอะไรต้องห่วง นอกจากคุณดวง การแต่งงานครั้งนี้ดูจะเป็นประโยชน์มากด้วยซ้ำ ถึงยังไงลูกหนูกับพี่เอื้อก็เคยรู้จักกันมาก่อน เราสองคนไม่น่าจะสนิทกันยากนักหรอกค่ะ’
‘พูดแบบนี้ หมายความว่าแกตัดสินใจแล้วงั้นหรือ?’
‘เอ่อ...คิดว่าแบบนั้นค่ะ’
‘ลูกหนู…’
‘ลูกหนูตัดสินใจแล้วค่ะ ลูกหนูจะตอบตกลงกับพี่เอื้อในวันพรุ่งนี้’
‘แต่ว่า...’
‘คุณดวงจะว่าอะไรไหมคะ ถ้าลูกหนูอยากแต่งงานเงียบๆ ไม่อยากให้จัดพิธีอะไรเลย’
‘ฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่คนมีร่ำรวยมีชื่อเสียงอย่างตาเอื้อจะยอมได้หรือ’
‘ไว้ลูกหนูจะลองถามดูเองค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้คุณดวงสบายใจได้แล้วนะคะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว เข้านอนได้แล้วค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มีความคืบหน้ายังไง ลูกหนูจะโทรหาอีกที’
สิ่งที่บอกกับดวงยิหวากำลังทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายใจ พูดเสียเต็มปากเต็มคำว่าตัดสินใจจะแต่งงานกับอาชา แต่พอคิดถึงตอนที่ต้องตอบตกลง ความหวาดหวั่นกลับพุ่งเข้ามาโจมตี หญิงสาวถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า การใช้ชีวิตกับผู้ชายคนหนึ่งที่เคยมีความรู้สึกดีๆ ด้วย มันคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก แต่สำหรับเขาที่ไม่เคยเห็นเธอเป็นมากกว่าน้องสาวคนหนึ่ง มันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันเล่า ชีวิตหลังแต่งงานจะเต็มไปด้วยความสุข หรือต้องขมขื่นจากการไม่มีทางได้เป็นคนที่เขารู้สึกดีด้วย
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นในจังหวะหนักๆ ฉุดหญิงสาวให้สะดุ้งหลุดจากภวังค์ แม้จะแปลกใจที่มีคนมาเคาะห้องยามวิกาลแบบนี้ แต่เรียวขาขาวเนียนก็ตวัดลงจากเตียง มายืนตระหง่านอยู่กลางห้องนอน
หญิงสาวรู้สึกลังเลใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อประตูถูกเคาะขึ้นอีกอย่างเร่งเร้า จึงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป ที่นี่เป็นอาณาเขตของเจ้าของเกาะเภา ดังนั้นคงไม่มีอะไรต้องกลัว บางทีอาจจะเป็นสาวใช้ หรือใครสักคนที่มีเรื่องด่วนก็ได้
รินนาราบอกกับตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะลูกบิดประตู หมุนเบาๆ แล้วดึงมันให้เปิดออก ร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าในสภาพเปลือยท่อนบน ทำให้เธอรู้สึกชาวาบไปตั้งแต่แผ่นหลังจนถึงปลายเท้า
มือหยาบกร้านที่ตะปบมาปิดแน่นที่ริมฝีปาก ทำให้เสียงร้องที่กำลังจะเล็ดลอดออกมา ถูกกลืนหายไปในทันที รินนาราพยายามดิ้นรน และดึงมือน่ารังเกียจนั่นออกไปให้พ้น แต่อีกฝ่ายมีแรงมหาศาล ทำให้ยากจะหลุดพ้นจากพันธนาการเอาเปรียบได้
ชายนิรนามคำรามเสียงต่ำในลำคอ ก่อนจะดันร่างเล็กให้ถอยกลับเข้าไปในห้อง แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดลงตามหลัง ร่างบอบบางถูกแรงเหวี่ยงจากคนที่แข็งแรงกว่า ทำให้ถลาไปกองอยู่บนพื้นห้อง กระโปรงชุดนอนที่ยาวเพียงหัวเข่า ร่นสูงขึ้นมาจนถึงต้นขา
