บทที่ 16
“ใช่จ้ะ พี่ชื่อทิน เป็นพี่ชายห่างๆ ของน้ำผึ้ง พี่เป็นลูกของป้าน่ะจ้ะ ไม่ใช่พี่น้องท้องเดียวกันหรอก”
ทินกรอธิบาย โยนบุหรี่ทิ้งลงบนพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ ไม่ลืมขากเสียงดังในลำคอและถ่มน้ำลายออกมาด้วย
นัทชายิ้มแหยอย่างทำตัวไม่ถูก ได้แต่บอกตัวเองว่าอย่าตัดสินคนอื่นที่ภายนอก แม้ความรู้สึกบางอย่างกำลังบอกว่า ทินกรดูไม่น่าไว้ใจเลยก็ตาม
“แม่ขา น่านจะไปถึงภูเก็ตโดยสวัสดิภาพไหมคะเนี่ย”
เธอพึมพำเบาๆ แต่นั่นทำให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาประชิดตัว
“น้องน่านว่าอะไรนะจ๊ะ หิวหรือเปล่า ถ้าหิว พี่ว่าเราไปแวะหาอะไรอร่อยๆ กินกันก่อนดีกว่านะ กว่าจะถึงภูเก็ตนี่อีกนานหลายชั่วโมงเลย ถ้าเหนื่อย...เราอาจจะต้องแวะหาที่พักก่อน แต่รับรองว่าไปกับพี่ปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้องห่วงนะ”
ไม่พูดเปล่า แต่ทินกรเดินเข้ามาใกล้ เอื้อมมือไปแตะไหล่เล็กด้วยท่าทีจาบจ้วง จ้องมองหญิงสาวราวกับเป็นลูกกวาดแสนหวาน และนั่นทำให้นัทชาตัดสินใจใหม่ทันที
“ตายจริง! น่านเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าอีกใบไว้ในห้องน้ำ เดี๋ยวน่านรีบไปเอาก่อนนะคะ” หญิงสาวกำลังจะหมุนตัววิ่งกลับไปทางเดิม ตั้งใจไว้แล้วด้วยว่าจะไม่กลับมาตรงนี้อีก แต่ราวกับทินกรรู้ว่านั่นคืออุบาย เขาจึงรีบคว้าข้อมือเธอเอาไว้แน่น
“พี่ไปด้วยสิ เผื่อมีคนเอาไป พี่จะได้ช่วยตามหา”
น้ำเสียงของเขาฟังดูหื่นกามน่ารังเกียจ
“อย่าดีกว่าค่ะพี่ น่านไปคนเดียวไวกว่า”
“อย่าดื้อสิสาวน้อย ให้พี่ไปเป็นเพื่อนเถอะ ดึกขนาดนี้มันอันตรายนะ” เขาไม่ยอมแพ้ ยังดื้อด้านที่จะขอติดตามไปด้วยคน หนำซ้ำยังดึงตัวเธอเข้าไปประชิดมากขึ้นอีกด้วย
“ปล่อยมือน่านนะคะ อย่าทำตัวรุ่มร่ามสิพี่”
เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบที่สุด
“แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นหวงไปได้ ไหนๆ ก็หนีผัวมาแล้ว ลองเปิดใจให้คนอื่นหน่อยสิจ๊ะ” พูดจบทินกรก็รวบร่างเล็กเข้าไปกอดแน่น
“ปล่อยนะ! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”
นัทชาขู่ตะคอก กลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่ที่ผนวกเข้ากับกลิ่นตัวเหม็นสกปรก ทำให้เธอแทบอาเจียน พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการกอดรัด แต่อีกฝ่ายมีแรงมหาศาล เธอจึงตัดกำลังเขาด้วยการกระทืบเท้าเต็มแรง เมื่ออีกฝ่ายร้องอุทานและผงะห่างออกไป เธอก็จับไหล่เขาไว้แน่น ในตอนที่ใช้หัวเข่าพุ่งกระแทกเข้าใส่กลางเป้าเข้าไปเสียเต็มรัก
“โอ๊ย!” ทินกรร้องลั่นขณะทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่าและล้มหงายนอนกองอยู่กับพื้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำไปจนถึงหู มือยังกุมแน่นอยู่ที่ความเป็นชาย ดูท่าจะเจ็บจุกอย่างมากเลยทีเดียว
แต่ก็สมควรแล้ว พวกฉวยโอกาสเป็นภัยต่อสังคม ขนาดเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวยังกล้าคิดล่วงเกิน
“เวรกรรมจริงๆ! หนีเสือบ้านมาเจอเสือป่าเข้าจนได้!”
เธอตัดพ้อกับตัวเอง ก่อนจะวิ่งกลับไปยังทิศทางเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้เธอนึกถึงผู้ชายท่าทางมาดแมนคนนั้น รู้แต่เพียงว่าเขาดูไม่อันตราย ไม่มีพิษสงน่ากลัว เขาดูว่างเปล่าและเย็นชาราวกับหุ่นยนต์เลยด้วยซ้ำ
นัทชายืนหอบอยู่ตรงที่เดิมที่เคยแอบดูลุยซ์กับคุณลุงคนนั้น เธอยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ ที่ยังเห็นเขานั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาว กำลังยื่นข้าวกล่องและน้ำดื่ม รวมทั้งถุงจากร้านสะดวกซื้ออีกมากมายส่งให้คุณลุง
ชายชรายิ้มด้วยความซาบซึ้ง ทำท่าจะยกมือไหว้ และชายหนุ่มรีบห้ามเอาไว้ได้ทัน เขาเปิดกระเป๋าสตางค์ออกแล้วยื่นแบงก์สีเทาส่งให้คุณลุงปึกหนึ่ง กว่าจะให้อีกฝ่ายยอมรับความหวังดีได้ก็ใช้เวลาหว่านล้อมบวกกับยัดเยียดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยกมือไหว้ลา แล้วแบกกระเป๋าแยกไปยังลานจอดรถ
“ตายแล้ว! ลุงสุดหล่อกำลังจะไปแล้วเหรอเนี่ย!”
นัทชาร้อนรนและหัวใจเต้นรัว
เธอไม่รู้หรอกว่าเขาจะมีครอบครัวแล้วหรือเปล่า ไม่รู้อะไรเลยสักอย่างเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น รู้แค่ว่าเขาตัวสูงใหญ่มากกว่าผู้ชายปกติทั่วไปที่เธอเคยเห็น
และจากความมืดประจวบกับการที่เขาพลางใบหน้าด้วยการสวมผ้าปิดปากสีดำ ทำให้เธอคิดไปเองว่าเขาน่าจะอายุไม่น้อยแล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจโดยพลการในการเรียกเขาว่า ‘ลุง’
นัทชาไม่อยากเสี่ยงอยู่แถวนี้ให้เส้นสายของพ่อตามมาจับตัวกลับไปได้ จึงตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะหนีตามชายหนุ่มไปให้สำเร็จ เธอย่อตัวต่ำลง แล้ววิ่งลัดเลาะผ่านรถคันแล้วคันเล่า จนไปถึงรถคันที่เขากำลังใช้กุญแจกดเปิดประตู
ชายหนุ่มเปิดประตูด้านหลังเพื่อโยนกระเป๋าเป้ใบใหญ่ใส่เข้าไป ขยับมาในตำแหน่งคนขับแล้วเปิดประตูออก กำลังจะแทรกตัวเข้าไปแต่เสียงหนึ่งรั้งเขาเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อนพ่อหนุ่ม!” ลุงที่ลุยซ์ให้ความช่วยเหลือรีบตรงเข้ามาหา
