บท
ตั้งค่า

บทที่ 14

นัทชาเตรียมเสื้อผ้าสองสามชุดและข้าวของที่จำเป็นลงในกระเป๋าสะพายใบเขื่อง เรียบร้อยแล้วก็นำมันไปพิงไว้ที่ปลายเตียง ตรวจดูเงินในกระเป๋าสตางค์ที่มีอยู่หลายพันบาท ยังไม่รวมเงินเก็บที่มีอยู่ในบัตรเอทีเอ็มอีกพอสมควร ในจำนวนที่จะช่วยให้เธอมีอยู่มีกินไปอย่างน้อยๆ สักหนึ่งเดือนเต็ม กว่าจะถึงเวลานั้นเธอก็คงหางานทำได้แล้ว

คืนนี้นัทชาใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำค่อนข้างนานกว่าปกติ อาบน้ำอุ่นและขัดผิวให้สะอาด อ้อยอิ่งลูบไล้สบู่ไปจนทั่วตัวและสระผมซ้ำหลายๆ รอบ นั่นเพราะต้องการฆ่าเวลาและใช้เวลาช่วงสุดท้ายอยู่ที่นี่ให้เต็มที่ จากนั้นก็ออกมาเป่าผมจนแห้งสนิท แล้วแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เตรียมไว้

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นาฬิกาบนผนังก็บอกเวลาสี่ทุ่มเศษแล้ว โดยปกติเวลานี้บ้านทั้งบ้านจะเงียบสงัด ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันเข้านอน นัทชาสูดลมหายใจลึก เมื่อถึงเวลาต้องทำตามแผน เธอจัดหมอนข้างไว้ตรงตำแหน่งที่นอนของตัวเอง ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมปิดไว้และตรวจดูจนมั่นใจว่ามันดูดีแล้วจริงๆ จึงคว้ากระเป๋าเป้ใบใหญ่ขึ้นพาดไว้บนไหล่

เธอเดินตรงไปยังหน้าต่าง เปิดมันออกกว้างและชะโงกมองสนามหญ้าเบื้องล่างก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ การลงไปผิดท่าอาจทำให้โชคร้ายแขนขาหัก หรือไม่ก็คอหักตายกลายเป็นผีเฝ้าบ้าน แต่มันก็ดีกว่าต้องทนแต่งงานกับคนเจ้าเล่ห์เพทุบาย แล้วใช้ชีวิตแบบตายทั้งเป็นไปตลอด…

นัทชาผ่อนลมหายใจออกจากปากแรงๆ เพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง ก้มลงมองชุดที่สวมใส่อยู่ ซึ่งนั่นคือเสื้อยืดรัดรูปสีดำกับกางเกงยีนขาดๆ สีเดียวกัน ทำให้ร่างผอมเพรียวยิ่งดูบอบบางราวกับจะปลิวไปตามลมได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกทะมัดทะแมงไม่น้อย

เธอกัดปากแน่นอย่างตัดสินใจ รีบโยนกระเป๋านำลงไปก่อน ส่วนตัวเองใช้ผ้าปูเตียงมัดต่อกันเป็นปมแน่นถึงสามผืน โยนมันลงไปเบื้องล่าง แล้วปีนขึ้นไปนั่งยองๆ อยู่ตรงขอบหน้าต่าง

“แม่ขา ช่วยให้น่านทำได้ทีนะคะแม่ อย่าปล่อยให้น่านต้องโชคร้ายอยู่ที่นี่ต่อไปอีกเลย สาธุ”

นัทชาพึมพำขอพรจากมารดา ยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วลูบศีรษะตัวเองเบาๆ จากนั้นก็หมุนตัวหันหลัง สองมือยึดผ้าเอาไว้แน่น แล้วส่งตัวเองลงสู่เบื้องล่างโดยใช้ขาค่อยๆ ยันไต่ลงไปอย่างระวัง ซึ่งมันก็ยากเย็นเสียจนเหงื่อไหลโซมกายไปหมด เธอขยับลงมาได้เพียงครึ่งเดียว เจ้ากรรมผ้าปูเตียงที่ผูกกันเอาไว้ดันหลุดออกเสียได้ ส่งผลให้ร่างบางร่วงลงกระแทกบนพื้นหญ้าทันที

ตุ้บ!

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วแผ่นหลัง และโชคดีที่มันเจ็บจุกมากพอที่จะทำให้เธอไม่มีเสียงร้องเล็ดลอดออกมา ร่างบางประคองตัวเองลุกขึ้นช้าๆ สีหน้าเหยเกขณะใช้มือคลึงหลังหวังว่ามันจะช่วยคลายความปวดร้าว แต่เมื่อเห็นคนขับรถของบิดากำลังเดินผ่านมาทางนี้ ทุกความเจ็บปวดก็มลายหายไปราวกับได้ยาวิเศษ

เธอกระตุกผ้าปูเตียงที่ห้อยอยู่ตรงหน้าต่างแรงๆ จนมันหลุดลงมาทั้งหมด ม้วนมันไว้ในอ้อมแขน รีบคว้ากระเป๋าแล้ววิ่งไปซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ อาศัยความมืดช่วยบดบังตัวเอง จนกระทั่งอีกฝ่ายเดินผ่านไปยังเรือนคนใช้ด้านหลัง เธอถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

นัทชาทิ้งผ้าปูเตียงไว้ตรงนั้น คว้าเพียงกระเป๋าสะพายขึ้นไว้บนไหล่ มองซ้ายมองขวาผ่านความมืดเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครมาขัดขวางแผนการของเธอ เมื่อพบว่าทุกอย่างเงียบกริบไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต เธอก็วิ่งผ่านสวนไปยังรั้วกำแพงสูง เกือบกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ เพราะลุงเชิดคนสวนยังคงติดนิสัยนำบันไดพาดพิงไว้กับกำแพงแถวนั้น แม้กานดาจะบ่นอยู่บ่อยๆ ว่าให้ระวังเรื่องขโมยก็ตาม

ในเมื่อมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เลิศเลอเฟอร์เฟ็กต์รออยู่พร้อมสรรพแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมองหาตัวช่วยใดอีก นัทชาตั้งบันไดให้มั่นคงอยู่ระหว่างพื้นและพาดเอนไปหากำแพง มองไปรอบตัวอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะไต่บันไดไปทีละขั้น จนสุดท้ายก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนขอบกำแพงได้สำเร็จ

“เฮ้ย! คุณหนู!”

เสียงที่ดังขึ้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้งสุดตัว ดวงหน้างามหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด เมื่อหันไปมองทางด้านหลังแล้วพบนายเสริม คนขับรถของบิดายืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองมาด้วยสายตาตื่นตระหนก

“คุณท่านครับ! คุณท่าน! คุณหนูคิดจะหนีออกจากบ้านครับ!!” เขายกมือขึ้นป้องปากแล้วตะโกนดังลั่น นั่นทำให้นัทชาไม่มีทางเลือก เธอถ่วงเวลาด้วยการผลักบันไดล้มลง แล้วรีบกระโดดลงจากกำแพงทันที

ความสูงที่มากพอสมควรกับการไม่ได้ตั้งตัว ทำให้ข้อเท้าเล็กพลิกตะแคงและล้มทรุดลงบนพื้น หญิงสาวร้องครางด้วยความเจ็บปวด แต่เสียงตะโกนของนายเสริมกำลังทำลายแผนสำคัญของเธอ จึงไม่มีเวลาสำหรับความอ่อนแออีก

ร่างบางพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นยืน ปวดที่ข้อเท้ามากเสียจนน้ำตาคลอ แต่สถานการณ์บีบให้เธอต้องรีบเดินกะเผลกห่างออกไปจากบริเวณบ้านให้มากที่สุด

ตรงบริเวณข้างบ้านแสนคำภา เป็นซอยลึกที่มีรถราสัญจรผ่านไปมาบ่อยๆ เมื่อเห็นแท็กซี่ขับผ่านมา นัทชาก็ยิ้มออกแล้วรีบโบกมือเรียกโดยไม่คิดลังเล ซึ่งนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่นายเสริมกระโดดลงจากกำแพงตามมาพอดี

เขากำลังจะวิ่งข้ามถนนมา แต่เธอเปิดประตูรถแล้วสั่งให้รถแท็กซี่รีบแล่นจากไปได้ทันอย่างหวุดหวิด เธอหันไปมองด้านหลัง ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ถูกลากตัวกลับไปขังไว้ในห้องนอน

“จะไปไหนดีครับน้อง” แท็กซี่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกันเอง

“สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ” นัทชาบอกจุดหมาย แล้วเอนตัวพิงเบาะรถอย่างเหนื่อยอ่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel