ชายาบุปผาซ่อนพิษ

487.0K · จบแล้ว
ฝนควัน
222
บท
209.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ท่านพ่อ....ท่านแม่อนุ:“ณที่นี้เป็นถึงจวนเฉิงเสี้ยงเชียวนะ?” เฟิงฉิ้นหว่าน:“ราชวงศ์สูงส่งแล้วกระไร?ข้ามาพร้อมกับความมั่งคั่งมากความสามารถ ทำลายจวน ชื่อเสียงเกียรติยศของพวกท่าน ดูสิว่าพวกท่านจะยังอวดดีอยู่กระไร!” เจ้าแห่งเมืองหลวง:“ราชวงศ์เมืองนครข้า เจ้ามีสิทธิที่จะมาก้าวก่ายงั้นรึ?” เฟิงฉิ้นหว่าน:“ประเทศเชื้อราชวงศ์แล้วกระไร?ข้าครองยุ้งฉางใต้หล้า ทำลายโครตรเหง้า แย่งชิงอำนาจของท่าน ดูสิว่าท่านยังจะครองบัลลงก์อยู่ได้กระไร?” ใต้หล้านี้จักเลวร้ายหรือไม่ เฟิงฉิ้นหว่านคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนตัดสิน ท่านอ๋อง:“น้องหญิง?เจ้าลืมไปแล้วงั้นรึ?” เฟิงฉิ้นหว่าน:“ข้ายุ่งกับการแก้แค้นเยี่ยงนัก พวกคนไร้ประโยชน์ข้าไม่ไปจดจำให้เปลืองสมองหรอก ” ท่านอ๋องคลั่ง:“ข้าเป็นพระสวามีของเจ้า!”

นิยายจีนโบราณหมอสมุนไพรท่านอ๋องเกิดใหม่นางเอกเก่งพระเอกเก่ง

บทที่ 1 อะไรจะสำคัญไปกว่าชีวิตอีก

“เฟิงฉิ้นหว่าน พ่อที่คอยปกป้องแกอยู่น่ะตายไปแล้ว วันนี้เจ้าก็ยอมให้ข้าเสียดีๆ ข้าจะมอบวันเวลาดีๆ ให้กับเจ้า แต่ถ้าหากเจ้าไม่ยอม วันนี้ข้ามาแล้วอย่างไรก็ไม่ถอย แต่ข้าจะประกาศให้คนอื่นรู้ให้ทั่วว่าหญิงแพศยาอย่างเจ้าทนความเหงาไม่ได้จนต้องหลอกล่อผู้ชายชั้นต่ำเข้ามาหา!”

เฟิ้งฉินหว่านเบิกตากว้าง ในใจอบอวลไปด้วยความเคียดแค้นและความไม่พอใจ นางรู้สึกว่ามีคนกดคอของนางเอาไว้ นางไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรแล้วหันไปกัดคนผู้นั้นทันที

นางออกเรี่ยวแรงทั้งหมดที่ตนเองมี ทันใดนั้นปากของนางจึงเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

“โอ๊ยย นางแพศยา!”

เฟิงฉิ้นหว่านโดนตบหน้าจนล้มลงไปนอนกองอยู่บนเตียง หัวเข่าของนางกระแทกเข้ากับขอบเตียง ตอนนั้นนางเจ็บจนร่างของนางสั่นสะท้าน

ทว่า คนคนนี้......

เฟิงฉิ้นหว่านหันหน้าขวับไปทันที จึงเห็นชายที่กำลังโกรธจนกระทืบเท้าและกำลังสูดเอาอากาศเข้าไป ทันใดนั้นนางเบิกตากว้าง “เกาหวู?”

ก่อนหน้านี้นางกำลังเจ็บปวดกับการรับโทษพันมีดหมื่นแล่ แต่ต่อจากนั้นนางกลับเห็นคู่แค้นเก่าของนางเมื่อหลายปีที่แล้ว?

นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

เฟิงฉิ้นหว่านพยายามตั้งสติ ตอนนั้นหัวใจของนางกระตุกวูบ ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่นางอายุ 15 ปี ตอนนั้นนางโดนเกาหวูล่อลวงมา

เมื่อความเจ็บปวดจากบาดแผลที่มีเลือดไหลรินบวกกับความหนาวสะท้านได้มลายหายไป ความตื่นเต้นและความยินดีก็เข้ามาแทนที่

นางกลับมาแล้วหรือ?

กลับไปยังสถานที่ที่เป็นจุดกำเนิดของฝันร้ายนี้ของนาง?

เกาหวูสะบัดเลือดที่ไหลนองอยู่ที่แขน พลางก้าวเข้ามาด้วยสีหน้ามาดร้าย สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น เขากระชากผ้าที่ปิดบริเวณอกของเฟิงฉิ้นหว่านออก และยกมือขึ้นตบหน้าของนางอย่างเต็มแรง

“นางแพศยา พอทำดีกับเจ้าหน่อยเจ้าก็ได้ใจจริงๆ ก่อนหน้านี้ที่ข้าให้เกียรติเจ้าเป็นเพราะว่าพ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่อย่างไรเล่า เพราะตระกูลเฟิงของเจ้ายังมีประโยชน์เหลืออยู่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าพ่อเจ้าตกไปอยู่ในนรกขุมไหนแล้ว เจ้ายังวางท่าเป็นคุณหนูใหญ่อยู่อีกหรือ น่าขยะแขยงจริงๆ”

เฟิงฉิ้นหว่านพยายามอย่างยิ่งที่จะถอยหนี แต่พบว่าร่างกายของตัวเองอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรง แถมยังมีความร้อนอบอวลขึ้นในร่างกาย นางจึงได้แต่ยอมรับความเจ็บปวดจากฝ่ามือนี้

น้ำเมากามารมณ์ ยาปลุกความใคร่ชั้นยอด ถ้ายังไม่ได้เสพสมก็ไม่มีทางขจัดมันออกไปได้

นางโดนหลอกให้กินน้ำเมากามารมณ์!

ในใจของเฟิงฉิ้นหว่านเต็มไปด้วยความเคียดแค้นใจ

ตระกูลเกา คือตระกูลที่เฟิงหลิง พ่อบุญธรรมของนางช่วยเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาให้

เกาหวูยิ้มด้วยรอยยิ้มบ้าคลั่ง “นางแพศยา เจ้ากล้ากัดข้ารึ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความร้ายกาจของข้า”

แววตาของเฟิงฉิ้นหว่านแข็งกระด้าง นางยกข้อศอกขึ้นกระทุ้งเข้าไปที่คอของเกาหวูอย่างเต็มแรง

“โอ้ย......”

เกาหวูไม่คาดคิดเลยว่าเฟิงฉิ้นหว่านที่เป็นผู้หญิงเรียบร้อยจะทำเช่นนี้ได้ ตอนนั้นเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะเคลื่อนไหวแล้วกุมคอล้มตึงลงกับพื้น เขาอ้าปากพะงาบราวกับปลาที่ติดอยู่บนฝั่ง แม้แต่เสียงร้องเขายังไม่มีเรี่ยวแรงจะเปล่งเสียงออกมา

เมื่อเคลื่อนไหว น้ำเมากามารมณ์ก็ยิ่งออกฤทธิ์ ริมฝีปากของเฟิงฉิ้นหว่านสั่นไหว ลมหายใจที่พ่นออกมาร้อนผ่าว แต่ในใจของนางกลับหนาวสะท้าน

ตอนที่นางอายุ 15 ปี ตอนนั้นนางเฝ้ารอเฟิงหลิง พ่อเลี้ยงของนางที่จะกลับมาจัดพิธีปักปิ่นให้กับนาง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่กลับมาหานางจะเป็นข่าวการเสียชีวิตของพ่อ

ชั่วพริบตาเดียว เกาหนานพี่น้องของพ่อเลี้ยงของนางก็เปลี่ยนไป นอกจากจะยึดสมบัติของตระกูลเฟิงแล้ว ยังใช้ให้เกาหวูหลอกนางออกมาแล้ววางยานาง เพื่อที่จะจัดการรวบหัวรวบหางนาง จากนั้นอาศัยความสัมพันธ์ทางครอบครัวในการยึดครองตระกูลเฟิง โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเถ้ากระดูกของพ่อนางยังไม่หายร้อนเลยด้วยซ้ำ

นั่นคือจุดเริ่มต้นโศกนาฏกรรมของนาง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความเคียดแค้นก็เอ่อท่วมท้นเข้ามาภายในจิตใจของเฟิงฉิ้นหว่าน

สีหน้าของนางแข็งกระด้าง แววตาของนางเต็มไปด้วยความอัดอั้น นางประคองตัวเองขึ้นมาแล้วเดินไปยังโต๊ะด้านข้าง ก่อนจะหยิบไผ่น้ำที่ปักอยู่ในแจกันขึ้นมา แล้วยกแจกันทุบไปที่ศีรษะของเกาหวูอย่างแรง

“เพล๊ง!”

น้ำในแจกันผสมกับเลือดของเกาหวูไหลรินลงสู่พื้น

เกาหวูที่เพิ่งจะตั้งตัวได้ ถูกทุบหัวอีกครั้งจนเลือดไหลอาบแล้วหมดสติไปในที่สุด

เมื่อลงมือเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าของเฟิงฉิ้นหว่านแดงก่ำ ร่างของนางอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง

นางกัดริมฝีปากแน่นจนริมฝีปากแตกก็ยังไร้ความเจ็บปวด

เมื่อชาติที่แล้ว นางถูกเกาหวูลวนลาม โชคดีที่เสิ่นเยว่แม่เลี้ยงของนางช่วยปกป้องนางเอาไว้อย่างเต็มที่ ทำให้นางไม่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนตระกูลเกาในฐานะอนุ แต่ชีวิตหลังจากนั้นของนางก็ถูกคนรุมประณามทุกวัน เสียงก่นด่านินทาทำให้นางรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น

ทุกคนต่างพากันรุมด่าว่านางเสียตัวในช่วงไว้ทุกข์ นับเป็นเรื่องอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง แต่ใครเลยจะรู้ว่านางโดนล่อลวง

แต่ในวันนี้ นางกลับรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก พรหมจรรย์มันสำคัญกว่าชีวิตหรือ?

ความเร่าร้อนในร่างกายของนางยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ความคิดของเฟิงฉิ้นหว่านก็ยิ่งนิ่งสงบขึ้นมากเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน

เฟิงฉิ้นหว่านเดินออกไปจากเรือนหลัก นางเดินไปยังปากประตู และกำลังหาใครสักคนมาช่วยเหลือนาง ทันใดนั้นเองก็มีเงาของคนคนหนึ่งโฉบเข้ามา จากนั้นเท้าของนางก็เริ่มโซเซแล้วล้มลงสู่อ้อมอกที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมสดชื่น

เฟิงฉิ้นหว่านรู้สึกว่าเอวของนางถูกกดเอาไว้ นางเจ็บจนตัวสั่น จากนั้นจึงถูกอุ้มขึ้นไปยังเรือนตะวันตก

สายตาของเฟิงฉิ้นหว่านยิ่งพร่ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมองไม่เห็นว่าบุคคลตรงหน้านางคือใคร ใบหน้าขาวสะอาดปรากฏสีเลือดฝาดจางๆ ขึ้นมา

ฟู่ลั่วเฉินพยายามข่มความรู้สึกที่ปั่นป่วนในใจให้สงบ ดวงตาคู่งามที่เย็นชาแดงก่ำ ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเย็นชา

เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกายเขามานานหลายปี สุดท้ายแล้วจะแอบทรยศฉวยโอกาสวางยา ตอนนี้......

“เจ้าเป็นสาวบริสุทธิ์หรือ”

ร่างของเฟิงฉิ้นหว่านเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป นางยกมือขึ้นจับคอของฟู่ลั่วเฉินเอาไว้แน่น เมื่อได้ยินเขากล่าวแบบนั้น จึงขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “รบกวนด้วย”

มีของมาส่งถึงหน้าบ้านก็ดีเช่นกัน

หัวใจของฟู่ลั่วเฉินสะท้าน เดิมทีเขาเป็นห่วงอีกฝ่าย แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายนอกจากจะไม่รังเกียจแล้ว นางยังไม่แม้แต่จะใส่ใจด้วยซ้ำ แล้วยังมีอะไรที่เขายังต้องลังเลอีกเล่า

เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว เขาจึงฉีกเสื้อของเฟิ้งฉิ้นหว่านออก