บทที่ 18
“เจ็บ...ฮือๆๆ ฉันเจ็บ” เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ให้ทำให้คนก่อเหตุสงสารเลยแม้แต่น้อย
“ความเจ็บเล็กน้อยแค่นี้มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นนะสาวน้อย” ชายหนุ่มก้มตัวลงกระซิบที่ข้างหู
“หนาว...หนาว” หญิงสาวไม่สนใจฟังเขา ตอนนี้ความรุ่มร้อนในตัวมลายหายไปจนเกือบหมด มีแต่ความหนาวเย็นจับใจกลับเข้ามาแทนที่
แทนธีราถอยลงจากเตียง โยนผ้าห่มผืนโตคลุมร่างเปลือยของเธอเอาไว้ ก่อนจะเดินไปจัดการกับกล้องวีดิโอที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการทำลายชีวิตเธอ เขาเปิดมันดูแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ ภาพที่ออกมาไม่ได้บ่งบอกว่าเขาข่มขืนเธอเลย เธอเองต่างหากที่เต็มใจร่วมรักกับเขา ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่ถอดเสื้อผ้าออกเอง แล้วก็ตอบสนองอย่างเร่าร้อนแบบนี้หรอก
ชายหนุ่มยิ้มอย่างสุขใจ รีบนำเสื้อผ้าทุกชิ้นสวมคืนให้ตัวเอง กำลังจะกลับออกมาจากห้อง แต่ก็คิดได้ว่าควรทิ้งข้อความไว้ให้หญิงสาวเสียหน่อย เขานำปากกากับกระดาษที่มีอยู่บนโต๊ะมุมห้องมาเขียนอย่างบรรจง อ่านทวนทุกตัวอักษรที่ปรากฏอยู่ นิ้วเรียวดีดกระดาษเบาๆเหมือนต้องการบอกว่ามันสมบูรณ์ดีทุกถ้อยคำ จากนั้นก็วางมันไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วกลับออกมาจากห้องตามที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก
กุลธารินทร์หลับสนิทไปด้วยความอ่อนเพลีย โดยไม่รู้เลยว่าชีวิตเธอกำลังจะเปลี่ยนไป!
ชยางกูรกับลลิตาเดินกระวนกระวายอยู่หน้าร้านแก้วมุกดา ตอนนี้เกือบจะตีสองแล้ว แต่กุลธารินทร์ก็ยังไม่กลับมาเสียที ชายหนุ่มพยายามโทรศัพท์หาเธออยู่หลายสิบครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเขา เมื่อลองโทรศัพท์ไปรบกวนคุณนภากลางดึกได้รับคำตอบว่ากุลธารินทร์ยังไม่ได้กลับไปที่บ้าน
“ทำยังไงดีคะคุณชล ตาเป็นห่วงคุณกุลจังเลยค่ะ” ผู้ช่วยสาวบีบมือตัวเองแน่น
“ผมเองก็ห่วงกุลเหมือนกันครับ แต่น่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงนะ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นคงมีใครสักคนใช้โทรศัพท์ของกุลโทรกลับมาหาผมแล้ว”
“เป็นความผิดของตาเองค่ะ ตาไม่น่าให้คุณกุลเอารถออกไปคนเดียวเลย”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ กุลแค่ขอยืมรถไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลใกล้ๆ เป็นผมเองก็คงไม่กล้าปฏิเสธหรอก อย่าโทษตัวเองเลย ผมมั่นใจว่ากุลต้องไม่เป็นอะไร”
“ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะค่ะ” ลลิตาถอนหายใจ
“ผมว่าคุณกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะนะ ถ้าไม่มีรถเดี๋ยวผมจะไปส่งคุณให้เอง” ชยางกูรอาสา
“แล้วคุณชลล่ะคะ”
“ผมว่าจะขอรออยู่ที่นี่ต่อน่ะครับ ต้องรอถึงเช้าผมก็จะรอ”
“ให้ตาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่คนเดียวดีกว่า คุณทำงานมาหลายชั่วโมงแล้ว กลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะครับ ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะส่งข้อความไปบอก ยังไงคงต้องรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์คุณไว้ด้วยนะ” ชายหนุ่มไม่ได้มีเจตนาใดแอบแฝง ลลิตาเองก็รู้ดีว่าเขารักและมั่นคงต่อกุลธารินทร์คนเดียว ฉะนั้นการแลกเบอร์โทรศัพท์กันในกรณีแบบนี้คงไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดหรอก
“ได้ค่ะ” หญิงสาวบอกเบอร์โทรศัพท์ไป เขารีบบันทึกหมายเลขไว้และกดโทรออกเพื่อบอกเบอร์ตัวเองให้กับเธอบ้าง ลลิตายิ้มแทนคำขอบคุณ ชยางกูรเองก็ยิ้มตอบด้วยเหมือนกัน
“เชิญที่รถผมเถอะครับ เดี๋ยวผมไปส่ง บ้านคุณอยู่แถวไหนเหรอ”
“ตาพักอยู่ที่คอนโดใกล้ๆนี่เองค่ะ สะดวกดี ส่วนบ้านจริงๆอยู่ที่โคราชน่ะค่ะ”
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นคนโคราชนี่เอง ผมเคยไปไหว้ย่าโมที่นั่นด้วยนะครับ คนแถวนั้นอัธยาศัยดีทั้งนั้นเลย” ชยางกูรยิ้ม
“เหรอคะ...อืมจริงสิ นี่กุญแจห้องค่ะ เผื่อว่าคุณชลเกิดง่วงจนทนไม่ไหว” หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่าที่นี่มีห้องพักส่วนตัวเตรียมไว้ด้วยถึงสามห้อง ชยางกูรเองก็รู้ดีเพราะเคยเข้าไปนั่งเล่นอยู่กับกุลธารินทร์อยู่บ่อยครั้ง
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มรับกุญแจมาถือไว้ แล้วเก็บใส่ในกระเป๋ากางเกง
“รีบไปกันเถอะค่ะ ตาไม่อยากให้คุณชลสวนกับคุณกุล เดี๋ยวจะคลาดกัน” ลลิตาบอก แล้วเดินเคียงข้างชยางกูรไปที่รถ อดชื่นชมความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มไม่ได้ เพราะเขากับเธอถือว่าคนล่ะระดับกัน แต่เขาก็ยังเปิดประตูรถให้โดยไม่ถือตัว
ชยางกูรอาจจะทำเป็นยิ้มแย้มตามปกติ แต่หัวใจของเขากลับห่อเหี่ยวด้วยความเป็นห่วงคู่หมั้นคนสวย กุลธารินทร์ไปเคยหายไปไหนนานหลายชั่วโมงแบบนี้ และต่อให้เคยเธอก็มักจะโทรบอกคุณนภากับเขาก่อนทุกครั้ง สิ่งเดียวที่เขาภาวนาคือขออย่าให้เธอได้รับอันตรายเลย เขาไม่อยากเห็นผู้หญิงที่ตัวเองรักต้องเศร้าหมองอีกแล้ว
