บทที่ 16
เขาได้รู้มาจากคนขายว่ายาชนิดนี้จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทรวดเร็วมาก แค่ได้สูดดมเข้าไปก็จะเห็นผลอย่างชัดเจน แต่คุณสมบัติที่ทำให้เขาเลือกยาตัวนี้ เป็นเพราะมันจะทำให้อีกฝ่ายจำไม่ได้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหลังจากยาเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอจะไม่มีทางรู้เด็ดขาดว่ากำลังถูกใครคุกคามอยู่
กุลธารินทร์รู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งตัว เหงื่อกาฬไหลซึมตามไรผมจนเปียกชื้น ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนคนเป็นไข้ ร่างกายเธอโหยหาบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ว่ามันคืออะไร มือเล็กที่เคยผลักไสคนแปลกหน้าให้ออกห่างตัว เปลี่ยนเป็นเกาะเกี่ยวเขาไว้แน่น ยอมให้เขาประคองเธอเข้าไปในรถที่ยืมมาและทำหน้าที่สารถีให้ด้วยความเต็มใจ
ไม่มีคำถามใดๆหรือข้อข้องใจอื่นอีก ตอนนี้เธอต้องการไปกับผู้ชายคนนี้ เพราะคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากไฟนรกที่กำลังโลมเลียไปทั่วร่าง มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาดเหลือเกิน แม้ข้างในจะร้อนจนแทบทนไม่ไหว แต่ภายนอกกลับเย็นยะเยือกเหมือนนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย
แทนธีราเหยียดยิ้มอย่างสะใจ คืนนี้เขาจะสร้างตราบาปให้แก่เธอบ้าง ความจริงเขาจะลักพาตัวเธอไปตามที่วางแผนไว้เลยก็ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะเขาต้องการดูความพินาศย่อยยับในชีวิตเธอเสียก่อน เขาจะอดทนรออย่างใจเย็นที่สุด เพื่อที่จะได้ดื่มด่ำกับบทเรียนที่ศัตรูจะได้รับให้เต็มที่ และไม่ได้มีเพียงกุลธารินทร์หรอกที่ต้องเจ็บปวด เขาจะทำให้ทุกคนที่เธอรักเจ็บปวดด้วย ไม่ว่าจะเป็นมารดาของเธอ หรือแม้กระทั่งคู่หมั้นหน้าซื่ออย่างชยางกูรนั่นก็ด้วย คนพวกนั้นควรได้รู้เสียบ้างว่าการที่ต้องเห็นคนรักถูกทำลาย มันให้ความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานมากแค่ไหน
แทนธีราใช้เวลาในการขับรถไปที่โรงแรมใกล้ๆไม่นานนัก ชายหนุ่มฉุดกระชากกุลธารินทร์ลงจากรถ แต่ทันทีที่เดินเข้ามายังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานรอให้ความสะดวก เขาก็โอบไหล่หญิงสาวไว้เหมือนกับว่าเป็นคนรักกัน ต้องฝืนปั้นหน้าห่วงใยทั้งที่เกลียดจนไม่อยากอยู่ใกล้
“ผมขอห้องที่ดีที่สุดเท่าที่หาได้ในตอนนี้เลยครับ แฟนผมเธอไม่สบายมาก ผมคงพาเธอเดินทางกลับต่างจังหวัดตอนนี้ไม่ได้แน่” แทนธีราทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“กรุณารอสักครู่นะคะ” พนักงานรีบทำการคีย์ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ เพราะเห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่มาด้วยกันดูท่าว่าจะยืนไม่ไหวแล้ว ในสายตาของคนอื่นกุลธารินทร์เหมือนคนป่วยมากกว่าคนเมา ดังนั้นแทนธีราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครสงสัยในการกระทำของเขา ทั้งคู่ยืนรออยู่อึดใจเดียว พนักงานก็แจ้งว่าได้จัดการหาห้องที่ต้องการให้ได้เรียบร้อยแล้ว
“ดิฉันจัดการเรื่องห้องพักให้ตามความต้องการแล้วค่ะ เดี๋ยวตามพนักงานสัมภาระไปได้เลยนะคะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
“ยินดีให้บริการค่ะ” พนักงานสาวยิ้มเป็นมิตรพร้อมส่งคีย์การ์ดให้จนถึงมือ ชายหนุ่มรับมันมาและยิ้มตอบตามมารยาท ก่อนจะประคองกุลธารินทร์ให้เดินตามพนักงานชายตรงไปที่ลิฟต์ เพื่อมุ่งหน้าขึ้นสู่ความจริงที่เธอกำลังจะได้เจอในไม่ช้า
ร่างของกุลธารินทร์ถูกเหวี่ยงไปที่เตียงไม่เบานัก ตอนนี้ดวงหน้างามแดงซ่าน ขนอ่อนบนร่างกายลุกชันด้วยเหตุแห่งความปรารถนา หญิงสาวกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือด ใช้มือถูเนื้อตัวแรงๆหวังจะให้มันช่วยทุเลาอาการต่างๆที่เกิดขึ้นข้างใน แต่ดูเหมือนมันจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
แทนธีรานำกล้องวีดิโอขนาดพกพาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงออกมา แสยะยิ้มให้สาวสวยแสนเลวตรงหน้าอย่างนึกสมเพช อยากรู้นักว่าถ้าตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าถูกย่ำยี เธอจะทำหน้ายังไง ถึงเขาจะไม่ได้อยู่ดูจนถึงตอนนั้น แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเธอจะต้องสติแตกไม่น้อยเลย ต่อให้ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ก็ตาม
“ถอดเสื้อผ้าสิ ฉันช่วยเธอได้นะ” แทนธีราสั่งเธอ
“ฉัน...ฉันทนไม่ไหวแล้ว” กุลธารินทร์ครางกระเส่า หัวใจเต้นแรงจนนอนหอบทรวงอกสะท้านขึ้นลง
“ถ้าอยากให้ช่วยก็รีบถอดเสื้อผ้าสิ” ชายหนุ่มมองเธอผ่านกล้องที่ถืออยู่ในมือ เขาตรวจตราจนมั่นใจว่าไม่ได้ลืมกดบันทึก จากนั้นภาพเคลื่อนไหวในตอนที่กุลธารินทร์จัดการถอดเสื้อผ้าให้ตัวเองก็ปรากฏขึ้น มือที่สั่นอย่างรุนแรงดึงทึ้งชุดเดรสสั้นเข้ารูปทรงกลีบบัวออกจากตัวด้วยความรีบร้อน เพียงครู่เดียวบนร่างอรชรก็เหลือเพียงชุดชั้นในสีดำยั่วยวน
แทนธีราไม่ได้รู้สึกพิศวาสกับความงดงามของสตรีเพศ เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอเองนั่นแหละที่เป็นคนทำให้หัวใจเขาด้านชาไปหมด ไม่ยินดียินร้ายต่อความสุขหรือความทุกข์ใดๆอีก ชายหนุ่มจัดการวางกล้องวีดิโอลงบนโต๊ะมุมห้อง จัดการซูมภาพตรงมาที่เตียงให้ชัดเจน ก่อนจะถอดเสื้อผ้าตัวเองจนหมด แล้วคลานขึ้นเตียงตามไป
